27 ก.ย. 2020 เวลา 00:10 • ความคิดเห็น
ลาก่อนครับคุณครู
โดยปกติแล้ว ตั้งแต่เป็นนักเรียนจนเรียนจบการศึกษา ผมต้องบอกว่าผมไม่ได้เป็นนักเรียนที่สนิทกับคุณครูมากนัก
เอาจริง ๆ ผมว่า ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบ และออกไปทางกลัวคุณครูซะด้วย แบบประมาณว่า ถ้าเจอกันนอกห้อง แล้วคุณครูเดินมาไกล ๆ หลบได้ อาจจะหลบซะด้วยซ้ำ คือไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ออกแนวกลัว ๆ
แต่ก็ไม่ได้เป็นนักเรียนที่เกเรอะไรนะครับ จริง ๆ ผลการเรียนค่อนข้างดีด้วยซ้ำไป
ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยครับที่ในชีวิตผม ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคุณครูส่วนใหญ่จะจำผมไม่ได้หรอกครับ (ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคุณครู 1 ท่านทั้งชีวิตท่านสอนนักเรียนเป็นพันคนอยู่แล้ว)
และผมเองก็สารภาพว่า ผมก็จำชื่อคุณครูส่วนใหญ่ไม่ได้แล้วด้วย คือยังเคารพคุณครูทุกคนที่สอนผมมาแต่ก็ไม่ได้สนิทมากนัก เชื่อเลยว่า ถ้าเป็นคุณครูส่วนใหญ่ ผมเดินสวนกับคุณครูข้างนอก ตอนนี้ มีโอกาสสูงมากที่ต่างคนอาจจะต่างจำกันไม่ได้
แต่มีข้อยกเว้นกับคุณครูท่านนี้ครับ
คุณครูวิไล เป็นคุณครูที่สอนผมมาตอนชั้นประถมศึกษาชั้นที่ 6 ใช่ครับ ป. 6 ซึ่งถ้าดูเวลามันนานมาก ๆ แล้ว
ถ้าใครถามผมว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเรียนหนังสือของผมคือช่วงไหน คำตอบที่ผมมักจะตอบได้อย่างไม่ลังเลคือ ป. 6 ครับ
จำได้ว่าในปีนั้นคุณครูวิไลเพิ่งย้ายมาเป็นคุณครูใหม่ที่โรงเรียนราชวินิต และสอนรุ่นผมเป็นรุ่นแรก และคุณครูก็มีลูกสาวคนหนึ่งย้ายตามมาด้วย แต่ไม่ได้อยู่ในห้องผม เนื่องจากคุณครูไม่ควรสอนลูกตัวเองในชั้นเดียวกัน
จำได้อีกว่า ป. 6 เป็นปีที่ผมมีความสุขในการเรียนมาก แต่บอกให้ชัด ๆ ว่าเพราะอะไร ก็นึกไม่ออก แต่ภาพรวมคือเป็นปีที่ผมรู้สึกอยากไปโรงเรียนมากกว่าอยากอยู่บ้าน
แต่ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งเลยคือการสอนของคุณครูนี่แหละครับ ที่ทำให้ผมอยากมาเรียน
หลังเลิกเรียน ระหว่างรอคุณพ่อคุณแม่มารับ ผมจะใช้เวลาในการนั่งทำการบ้าน อยู่กับคุณครูที่ท่านก็นั่งตรวจการบ้าน บางทีทำเสร็จก็ส่งคุณครูตอนนั้นเลย และคุณครูก็ตรวจให้
คุณครูสอนวิชาภาษาอังกฤษผมด้วย ผมยังจำลายมือคุณครูที่เขียนคำสั้น ๆ แต่ยังฝังใจผมมาจนถึงปัจจุบันคือคำว่า "Very Good" เวลาที่ผมตอบคำถามถูก
คงเป็นเพราะเหตุนี้ด้วยมั้งครับที่ผมยังจำคุณครูวิไลได้ไม่เคยลืม แต่ ณ เวลานั้น เราไม่มี Internet ไม่มี Facebook ไม่มี Line หลังจากจบ ป. 6 แล้ว ทุกคนก็ต่างแยกย้ายไปโรงเรียนอื่น ๆ (โรงเรียนชั้นประถมที่ผมเรียน มีเรียนแค่ ป. 6 เป็นชั้นสูงสุดครับ) และต้องเรียกว่าแทบจะไม่ได้พบกันอีกเลย
เวลาผ่านไปจนกระทั่งผมได้เข้าเรียนต่อที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้มาพบกับเพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดคนหนึ่งคือแคทลียา ซึ่งเป็นลูกสาวคุณครูที่เล่าให้ฟัง
จึงเป็นที่มาที่ทำให้ผมได้มีโอกาสไปเจอคุณครูบ่อยครั้งขึ้น เพราะบางครั้งผมและเพื่อน ๆ ก็ไปอาศัยบ้านคุณครูในการติวหนังสือกัน
หลังจากจบการศึกษา และมาทำงาน กิจกรรมหนึ่งที่ผมได้ทำเป็นประจำทุกปีคือโทรไปหาคุณครูทุกวันครู เพื่อจะขอกราบสวัสดีคุณครูในวันครู และได้รับพรกลับมาทุกครั้ง หรือบางโอกาสอาจจะได้ไปหาคุณครูด้วย
คุณครูเกษียณมาสักระยะแล้วครับ แต่ก็ได้ข่าวคุณครูมาเรื่อย ๆ เนื่องจากเพื่อนผม ซึ่งเป็นลูกสาวคุณครูก็มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่เดียวกับที่ผมสอน (แต่คนละคณะ)
จนกระทั่งเมื่อประมาณปลายปีที่ผ่านมา ถ้าจำไม่ผิด ผมได้ข่าวจากเพื่อนว่าคุณครูเป็นมะเร็ง และดูเหมือนกับว่าจะลุกลามไปมากแล้ว
สิ่งที่ผมตั้งใจและดีใจมากที่ได้มีโอกาสทำ คือได้มีโอกาสไปหาคุณครูอีกครั้ง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตอนช่วงเริ่มมี COVID-19 เข้าใจว่าคุณครูก็ต้องไปให้คีโมและต้องการพักผ่อน แต่คุณครูบอกผ่านเพื่อนผมว่า ถ้าเป็นผม มาได้ตลอด
ดีใจที่ได้พูดคุยกับคุณครูและได้รับพรจากคุณครูมาตลอด คำท้าย ๆ ที่ได้รับมาจากคุณครูคือคุณครูบอกว่าผมเป็นศิษย์ที่ดีเสมอมา
เมื่อ 2 วันที่แล้วคุณครูเพิ่งจากไป ผมเสียดายอย่างหนึ่งคือ เคยบอกคุณครูไว้ว่าอยากให้คุณครูได้เขียนคำนิยมให้หนังสือเล่มต่อไปของผม แต่ไม่มีโอกาสแล้ว
และต่อไปนี้ก็คงไม่ได้มีโอกาสได้โทรไปกราบและขอพรคุณครูในทุกวันครูของทุก ๆ ปี
แต่สิ่งที่ผมดีใจที่ได้มีโอกาสทำมาตลอดคือคำที่คุณครูเคยเขียนไว้ให้ในสมุด Friendship เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ตอนผมจบ ป. 6 ที่ผม Post ไว้ในรูป
ขอให้คุณครูไปสู่สุคติ และผมจะเป็นลูกศิษย์ที่น่ารักของคุณครูตลอดไปครับ
โฆษณา