28 ก.ย. 2020 เวลา 15:23 • ไลฟ์สไตล์
“สิ่งที่หนูรัก อาจเป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่อยากให้หนูเป็น”
ไม่มีใครอยากออกจาก Safe Zone หรือกรอบคุ้มครองภัยของตัวเอง เราทุกคนต้องการความมั่นคง ความปลอดภัยและความสบายในชีวิต แต่ในบางครั้งสิ่งที่เรารักและอยากให้เป็นกับต้องแลกหรือยอมเสี่ยงเพื่อจะได้สิ่งนั้นมา เพิ้งเชื่อว่าทุกคนจะตัดข้อแม้และข้ออ้างกับสิ่งที่ตัวเองรักเสมอ
เพิ้งได้มีโอกาสดูคลิปวิดีโอของรายการ Super100 ตอน อิม นักอัจฉริยะฟรีไดฟ์ คนที่เริ่มจาก 0 ว่ายน้ำไม่เป็น เพื่อน ๆ ชวนไปเรียนที่กรุงเทพ ปัจจุบันเป็นคุณครูสอนฟรีไดฟ์ และเป็นผู้ที่ใช้ความฝันและสิ่งที่ตัวเองหลงรักเพื่อขอเงินบริจาคให้กับโครงการ New Heaven เพื่อฟื้นฟูแนวปะการังและเต่าที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี กับทางรายการ
สิ่งหนึ่งที่เพิ้งเห็นและเรียนรู้จากผู้หญิงคนนี้คือ มีคำถามนึงของคณะกรรมการที่ถามอิมเกี่ยวกับสิ่งที่ทำว่าพ่อแม่เห็นด้วยหรือไม่ อิมตอบว่าพ่อแม่ก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ เขาก็บอกเสมอว่าทำไมลูกไม่ไปทำงานที่ดี ๆ เหมือนคนอื่นเขาอยู่ในห้องแอร์เย็น ๆ ผิวขาว ๆ สวย ๆ ไม่ต้องตากแดดตัวดำแบบนี้ 555( ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังพูดอยู่)
มีคนถามถึงเสน่ห์ของฟรีไดฟ์ว่าคืออะไร อิมก็ตอบว่า “มันคือการลงไปด้วยลมหายใจของเราเพียงลมหายใจเดียว เราลงไปข้างล่างเราไม่ต้องคิดอะไร มันคือความสงบ ความใจเย็นและการเพลิดเพลินกับธรรมชาติใต้น้ำ ณ ขณะนั้นที่เราได้กลั้นหายใจ”
เพิ้งมองว่าทุกคำตอบที่ผู้หญิงคนนี้ได้ตอบออกมามันคือธรรมชาติและมีรอยยิ้มของความสุขแฝงอยู่ อย่างที่เพิ้งจั่วหัวตั้งแต่ตอนแรกว่าทุก “สิ่งที่หนูรัก อาจเป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่อยากให้หนูเป็น” แต่ในทางกลับกันสิ่งที่ลูกเลือกหรือสิ่งที่ลูกรักพ่อแม่ควรยินดีและเชื่อมั่นในสิ่งที่ลูกรักและลงมือทำ เพราะสิ่งไหนที่ลูกได้หลงรักแล้วสิ่งนั้นจะอยู่ในจิตวิญญาณของลูกเสมอ แม้พ่อแม่จะห้ามเหมือน ๆ กับที่เขาเคยพูดกันว่า “ตอนเด็กพ่อแม่เลี้ยงลูกได้ทั้งตัวและหัวใจ แต่พอโตขึ้นพ่อแม่เลี้ยงได้แต่ตัวแต่หัวใจพ่อแม่เลี้ยงไม่ได้”
และเสน่ห์ของทุกสิ่งที่เรารักก็เหมือนการที่เราใช้ลมหายใจเพียง 1 เดียวของเราที่มีกับเชื่อมั่นและยึดมั่นกับสิ่งที่เราศรัทธา และผลของแรงศรัทธาจะทำให้เราสร้าง Safe Zone ใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย
ฝากติดตามเพจ “เ พื่ อ น เ ขี ย น”
ของปริกฐาและเพิ้ง
ที่นี่👉🏼https://www.facebook.com/pueankian/
โฆษณา