29 ก.ย. 2020 เวลา 03:15 • ท่องเที่ยว
นั่งรถไฟไปนครปฐม (3) .. พระราชวังสนามจันทร์
พระราชวังสนามจันทร์ … เป็นพระราชวังที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นบนบริเวณที่คาดว่าเป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์สมัยโบราณที่เรียกว่า "เนินปราสาท" ตั้งแต่ยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี พ.ศ.2450 สำหรับเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในโอกาสเสด็จฯ มาสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ และเพื่อประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถ
พระราชวังใช้เวลาก่อสร้างนาน 4 ปี โดยมี หลวงพิทักษ์มานพ (น้อย ศิลปี) ซึ่งต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯ เลื่อนยศเป็น พระยาวิศุกรรมศิลปประสิทธิ์ (น้อย ศิลปี) เป็นแม่งาน และสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2450 เมื่อสร้างแล้วเสร็จจึงได้พระราชทานนามว่า "พระราชวังสนามจันทร์" ตามชื่อสระน้ำโบราณหน้าโบสถ์พราหมณ์ (ปัจจุบันไม่มีโบสถ์พราหมณ์เหลืออยู่แล้ว) ที่ชื่อว่า “สระน้ำจันทร์” หรือ “สระบัว”
แผนผังแสดงรายละเอียดของสถานที่ตั้งของพระที่นั่ง และอาคารต่างๆถายในบริเวณพระราชวังสนามจันทร์
ภาพจาก www.hamanan.com
พระที่นั่งในบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ ประกอบด้วยพระที่นั่งหลายองค์ซึ่งมีชื่อคล้องจองกัน คือ พระที่นั่งพิมานปฐม – พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี – พระที่นั่งวัชรีรมยา – พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ - พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย
รวมถึงยังมี พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ พระตำหนักทับแก้ว และ พระตำหนักทับขวัญ
“พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์” … เป็นพระตำหนักที่โดดเด่นที่สุด เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของพระราชวังสนามจันทร์ สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2451 โดยมี หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ
พระตำหนักสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมคล้ายปราสาท ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ ( Renaissance ) ของฝรั่งเศส กับอาคารแบบฮาล์ฟ ทิมเบอร์ ( Half Timbered ) ของอังกฤษ ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบสมมาตร … จุดเด่นของพระตำหนักอยู่ที่ป้อมหรือหอคอยที่มุมอาคาร ยอดหลังคาเป็นกรวยแหลม นอกจากนี้ทางเข้ากลางด้านหน้ายังทำเป็นมุขแบบชนบท ลายซุ้มหน้าบันเหนือระเบียงมีลายแบบยุคกลางของยุโรป
ด้านหน้าพระตำหนักมีอนุสาวรีย์ย่าเหล สุนัขซึ่งมีความผูกพันใกล้ชิดกับ ร.6 เป็นอย่างยิ่ง … สำหรับประวัติของสุนัขทรงเลี้ยง “ย่าเหล” สามารถอ่านได้จาก Wikipedia
คำแสดงความอาลัยที่ในกลวงรัชกาลที่ 6 มีต่อสุนัขทรงเลี้ยง ย่าเหล .. ณ บริเวณอนุสาวรีย์
ภาพจาก Internet
หีบศพของย่าเหล ที่ พิพิธภัณฑ์ วัดพระปฐมเจดีย์
“พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์” … เป็นพระตำหนัก 2 ชั้น หลังคามุงกระเบื้องสีแดง ชั้นบนมีเพียง 2 ห้อง ชั้นล่างมี 2 ห้อง มีระเบียงล้อมรอบ 3 ด้านของตัวพระตำหนัก
ชั้นล่างเป็นห้องบันได อีกด้านหนึ่งเป็นห้องเสวยและห้องส่งเครื่อง
ชั้นบนประกอบด้วยทางเดินกลางแบ่งอาคารเป็น 2 ข้าง แต่ละข้างมีห้องใหญ่เป็นห้องบรรทม และห้องเล็กเป็นห้องทรงพระอักษร ล้อมด้วยระเบียงสามด้านยกเว้นด้านหลัง ทางด้านตะวันออกและตะวันตกมีเฉลียงเป็นรูปครึ่งวงกลม ประกอบด้วยเสาขนาดใหญ่ หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีแดง
ส่วนด้านหลังพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ มีฉนวนเดินเป็นสะพานเชื่อมต่อข้ามบึงน้ำไปยัง “พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์” … ฉนวนทางเดิน หลังคามุงกระเบื้อง และติดหน้าต่างที่กระจกทั้งสองด้าน
ภาพสะท้อนน้ำของสะพานทางเดินระหว่างสองพระตำหนักนี้เป็นภาพที่สวยงามโรแมนติกมาก
“พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์” เป็นพระตำหนักที่สร้างขึ้นคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักนี้ในราว พ.ศ. 2459 โดยมีฉนวนทางเดินทำเป็นสะพานจากชั้นบนด้านหลังของพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ข้ามคูน้ำเชื่อมกับชั้นบนด้านหน้าของพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์
พระตำหนัก 2 ชั้นหลังนี้ สร้างด้วยไม้สักทอง ทาสีแดง มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกของประเทศทางตะวันตก แต่ได้มีการปรับปรุงองค์ประกอบบางส่วนให้เหมาะกับภูมิอากาศแบบเมืองร้อน
พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ และฉนวนสะพานเชื่อมพระตำหนัก เป็นกลุ่มอาคารที่พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากบทละครเรื่อง My Friend Jarlet ของ Arnold Golsworthy และ E.B. Norman ซึ่งทรงแปลบทละครเรื่องนี้เป็นภาษาไทยชื่อว่า “ มิตรแท้ “
ชื่อพระตำหนักนั้น มาจากชื่อของนางเอก ได้แก่ มารี เลอร์รูซ์ (Marie Leroux) รวมกับ รัต หรือ รต ซึ่งแปลว่า สีแดง ดังนั้น พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์จึงมีความหมายว่า "ราชบัลลังก์สีแดงแห่งมารี" คู่กับ "ชาลี" คือพระตำหนักชาลีมงคล อาสน์
นอกจากนั้นยังเป็นต้นตำนานหนังสือพิมพ์เกิดที่นี่เพราะเคยใช้เป็นสำนักงานชั่วคราวในการออกหนังสือพิมพ์ดุสิตสมิตรายสัปดาห์
พระตำหนักคู่ที่สอง เป็นตำหนัก ฝรั่งกับไทย อยู่ตรงข้ามกัน ได้แก่ “พระตำหนักทับแก้ว” และ “พระตำหนักทับขวัญ”
“พระตำหนักทับแก้ว” เป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่ที่เชิงสะพานสุนทรถวาย เคยเป็นที่ประทับในฤดูหนาวของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการเสือป่า กองเสนารักษ์ราบเบารักษาพระองค์ระหว่างที่มีการซ้อมรบเสือป่า รวมทั้งเป็นสถานที่พระราชทานสัญญาบัตรแก่ข้าราชการ และเป็นที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถและเสวยพระสุธารส
ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตก เป็นตึก 2 ชั้นขนาดเล็กทาสีเขียวอ่อน ภายในมีเตาผิงและหลังคาปล่องไฟตามบ้านของชาวตะวันตก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่พักของปลัดจังหวัดนครปฐม จนกระทั่งได้รับการบูรณะใน พ.ศ. 2546
“พระตำหนักทับแก้ว” ปัจจุบัน สำนักพระราชวังได้อนุญาตให้สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ดำเนินการจัดแสดงเป็น "พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม" เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระราชกรณียกิจด้านกีฬาฟุตบอลของชาติ
ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติความเป็นมาของฟุตบอลในประเทศ และฟุตบอลทีมชาติไทยตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
ถ้วยพระราชทาน ควีนส์คัพ ...
“พระตำหนักทับขวัญ” .. รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นเรือนไทยที่สมบูรณ์แบบ ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโดย พระยาวิศุกรรมศิลป์ประสิทธิ์ ( น้อย ศิลปี )
ลึกษณะสถาปัตยกรรม เป็นเรือนไม้สักล้วน ฝาเรือนทำเป็นฝาปะกนกรอบลูกฟัก เชิงชายและไม้ค้ำยันสลักเสลาสวยงาม
พระตำหนักทับขวัญ ประกอบด้วย กลุ่มเรือน 8 หลัง ได้แก่
เรือนใหญ่ 4 หลัง เรือนเล็ก 4 หลัง ซึ่งได้สร้างให้หันหน้าเข้าหากัน 4 ทิศ … เรือนหลังใหญ่เป็นหอนอน 2 หอ ( ห้องบรรทมเป็นหอนอนที่อยู่ทางทิศใต้ ) อีก 2 หลังเป็นเรือนโถง และเรือนครัวซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน
ส่วนเรือนเล็ก 4 หลังนั้นตั้งอยู่ตรงมุม 4 มุมและ 1 หลัง ได้แก่ .. หอนก 2 หลัง เรือนคนใช้ และเรือนเก็บของ เรือนทุกหลังมีชานเรือนเชื่อมกันโดยตลอด บริเวณกลางชานเรือนปลูกต้นจันไว้ให้ร่มเงา
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีขึ้นพระตำหนักใหม่ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2454 พระองค์ได้ประทับแรม ณ พระตำหนักทับขวัญนี้เป็นเวลา 1 คืน และเมื่อมีการซ้อมรบเสือป่า พระตำหนักองค์นี้ใช้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการเสือป่าราบหนักรักษาพระองค์
“พระที่นั่งพิมานปฐม” .. เป็นพระที่นั่งองค์แรกที่สร้างขึ้นในพระราชวังสนามจันทร์ เมื่อราวปี พ.ศ. 2450 ลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น แบบตะวันตก แต่ดัดแปลงให้เหมาะกับเมืองร้อน มีช่องระบายลมและระเบียงลูกกรงโดยรอบฉลุ สลักเป็นลวดลายตามแบบไทยอย่างปราณีตงดงาม
พระที่นั่งชั้นบนประกอบด้วยห้องต่างๆ คือ ห้องบรรทม ห้องสรง ห้องบรรณาคม ห้องภูษา ห้องเสวย และห้องพระเจ้า ซึ่งเป็นหอพระ มีพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาอยู่องค์หนึ่ง และยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังฝีมือพระยาอนุศาสน์จิตรกร ( จันทร์ จิตรกร ) ซึ่งงดงามน่าชมมาก
พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับ( โดยเฉพาะก่อนเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชย์สมบัติ จนถึงปีพุทธศักราช 2458 ) ที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และออกให้ราษฎรเข้าเฝ้าฯ มากกว่าพระที่นั่ง และพระตำหนักองค์อื่นๆ
“เทวาลัยคเณศร์” … ตั้งอยู่ที่สนามหญ้าหน้าพระที่นั่งพิมานปฐม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดศิลปวิทยาการ และการประพันธ์เป็นพิเศษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเทวาลัยคเณศร์ไว้ เป็นที่ประดิษฐานพระคเณศร์ หรือพระพิฆเนศวร เทพเจ้าผู้มีเศียรเป็นช้าง ซึ่งนับถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ ปราดเปรื่องในศิลปวิทยาทุกแขนง และเป็นผู้ขจัดอุปสรรคทั้งมวล
“เทวาลัยคเณศร์” … ตั้งอยู่ ณ ที่อันเป็นศูนย์กลางของพระราชวังสนามจันทร์ ให้เป็นศาลเทพารักษ์ สำหรับบวงสรวง และเพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งพระราชวังสนามจันทร์
เมื่อมองจากพระที่นั่งพิมานปฐม จะเห็นพระปฐมเจดีย์ เทวาลัยคเณศร์ และพระที่นั่งพิมานปฐมอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
ภาพาก www.hammansn.com
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระบรมรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับนั่ง ฉลองพระองค์ชุดเสือป่าราบหลวงอย่างเก่าแบบทรงม้า เป็นฝีมือของช่างจากกรมศิลปากร ส่วนราชการจังหวัดฯ ได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้กลางพระราชวังสนามจันทร์ หลังเทวาลัยคเณศร์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2525
ภายในพื้นที่กว้างขวางของพระราชวังสนามจันทร์ยังมีเรือน ที่พักต่างๆล้วนมีประวัติที่สำคัญอีกมาก
ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต พื้นที่ภายในพระราชวังสนามจันทร์ก็ได้ใช้เป็นที่ทำการของส่วนราชการต่างๆ ของจังหวัดนครปฐม รวมถึงเป็นวิทยาเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยปัจจุบัน อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักพระราชวัง และเมื่อช่วงปลายปี 2560 ได้มีการปิดปรับปรุงพระราชวัง และเพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมตามปกติตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2561
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปกับ พี่สุ
ท่องเที่ยวทั่วโลก กับพี่สุ
ซีรีย์เที่ยวเจาะลึก ประเทศนอร์เวย์
Iceland ดินแดนแห่งน้ำแข็งและเปลวไฟ
Lifestyle & อาหารการกิน แบบพี่สุ
สถานีความสุข by Supawan
โฆษณา