1 ต.ค. 2020 เวลา 10:30 • ประวัติศาสตร์
ลูกไม้ไกลต้น! ชะตากรรมอันน่าเศร้าของลูกจอมเผด็จการแห่งโซเวียต 'สตาลิน'
WIKIPEDIA PD
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
เด็กๆ ไม่สามารถเลือกพ่อแม่ได้ ไม่ว่าเขาจะเกิดมาเป็นลูกใครเขาก็จะต้องเป็นลูกของพ่อแม่คนนั้นไปตลอดชีวิต ซึ่งรวมถึงประสบการณ์การเลี้ยงดูการใช้ชีวิตที่พ่อแม่ได้มอบให้ โจเซฟ สตาลินมีบุตรทั้งหมด 3 คน ได้แก่ ยาคอฟ, วาซิลีและสเวตลานา นี่คือชะตากรรมที่พวกเขาต้องพบเจอ
การเสียชีวิตของ เอคาเทอรินา ภรรยาคนแรกของสตาลินที่เป็นเหมือนผู้ให้ความอบอุ่นในหัวใจของเขาทำให้สตาลินกลายเป็นคนเย็นชา ขี้หงุดหงิดทำให้เกิดช่องว่างระหว่างยาคอฟที่เป็นบุตรคนโตมากขึ้น
WIKIPEDIA PD
สตาลินแต่งงานใหม่อีกครั้งกับ นาเดจดา อัลลิลูเยว่า แม้จะมีความรักครั้งใหม่สตาลินก็ไม่ได้ทำให้เขามีอ่อนโยนมากขึ้นแม้แต่นิดเดียว กลับกันเขาดื่มหนักขึ้น การบริหารบ้านเมืองด้วยความยากลำบากก็ทำให้เขาเป็นคนเกรี้ยวกราดและใช้ความรุนแรงในบ้านจนนาเดจดาได้หนีกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่พร้อมลูกของเธอ แต่ทิ้งยาคอฟลูกที่เกิดจากภรรยาคนแรกของสตาลินไว้ที่บ้าน
การใช้ชีวิตอยู่กับสตาลินนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในปี ค.ศ. 1930 เมื่อยาคอฟอยู่ตามลำพังในบ้านเขาใช้ปืนยิงเข้าที่อกตัวเอง แต่ถูกนำส่งโรงพยาบาลแพทย์ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ สตาลินถูกเรียกมาดูลูกชายที่กำลังบาดเจ็บคำพูดของเขาที่เอ่ยออกมามีเพียง “ยิงให้แม่นยังทำไม่ได้เลย”
WIKIPEDIA PD
แต่ไม่ว่าสตาลินจะทำร้ายนาเดจดาเท่าไหร่เธอก็จะกลับมาหาเขาเสมอ แต่วันหนึ่งเมื่อถึงจุดสิ้นสุดที่งานเลี้ยง ณ พระราชวังเครมลินฉลองการปฏิวัติตุลาคมปีที่ 15 นาเดจดาปฏิเสธที่จะดื่มเมื่อแขกให้ร่วมดื่มอวยพรให้สตาลิน ทำให้สตาลินตะคอกใส่เธอให้ดื่ม เธอตอบโต้อย่างทันควันว่าอย่าได้มาตะคอกเธอเชียว หลังจากนั้นเธอออกจากพระราชวังกลับไปที่บ้าน เขียนจดหมายที่บรรยายถึงความป่าเถื่อนของสตาลินที่ได้ทำร้ายผู้คนและครอบครัวอย่างไร เธอปีนขึ้นเตียงนอนและฆ่าตัวตาย สตาลินทำการปกปิดการตายของนาเดจดาต่อผู้คนและลูกๆ ทั้งสองของเธอว่าแม่เธอเสียชีวิตได้อย่างไร สตาลินไม่แม้แต่จะไปงานศพหรือเยี่ยมหลุมฝังศพของเธอเลยด้วยซ้ำ
ยาคอฟแต่งงานกับหญิงเชื้อสายยิวนามว่า “จูเลีย” ในตอนแรกสตาลินไม่ยอมรับการแต่งงานของทั้งคู่ สตาลินเรียกจูเลียว่า “หญิงยิวคนนั้น” และพยายามที่จะทำลายชีวิตคู่ของทั้งสองให้ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็เริ่มรู้สึกดีกับจูเลียมากขึ้นในภายหลัง แต่เมื่อรัสเซียเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองยาคอฟต้องนำทหารไปต่อสู้กับเยอรมนีซึ่งเมื่อเขาพ่ายแพ้และถูกบังคับให้ยอมแพ้ในปี ค.ศ. 1941 สตาลินที่ออกคำสั่งหากใครนั้นยอมแพ้ครอบครัวจะต้องถูกจับ แน่นอนว่าคำสั่งนี้ไม่มีข้อยกเว้นทำให้สตาลินส่งจูเลียไปยังค่ายกูลัก การส่งจูเลียไปยังค่ายกูลักนั้นเป็นการพราก “กูเลีย” ลูกสาวของยาคอฟและจูเลียออกจากกัน
WIKIPEDIA PD
ยาคอฟแต่งงานกับหญิงเชื้อสายยิวนามว่า “จูเลีย” ในตอนแรกสตาลินไม่ยอมรับการแต่งงานของทั้งคู่ สตาลินเรียกจูเลียว่า “หญิงยิวคนนั้น” และพยายามที่จะทำลายชีวิตคู่ของทั้งสองให้ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็เริ่มรู้สึกดีกับจูเลียมากขึ้นในภายหลัง แต่เมื่อรัสเซียเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองยาคอฟต้องนำทหารไปต่อสู้กับเยอรมนีซึ่งเมื่อเขาพ่ายแพ้และถูกบังคับให้ยอมแพ้ในปี ค.ศ. 1941 สตาลินที่ออกคำสั่งหากใครนั้นยอมแพ้ครอบครัวจะต้องถูกจับ แน่นอนว่าคำสั่งนี้ไม่มีข้อยกเว้นทำให้สตาลินส่งจูเลียไปยังค่ายกูลัก การส่งจูเลียไปยังค่ายกูลักนั้นเป็นการพราก “กูเลีย” ลูกสาวของยาคอฟและจูเลียออกจากกัน
ในปี ค.ศ. 1950 วาซิลีได้คุมทีมฮอคกี้ของ USSR แต่เครื่องบินเกิดตกขณะเดินทางทำให้ผู้เล่น 11 คนเสียชีวิต วาซิลีที่กลัวการโดนลงโทษจากสตาลินถึงกับมีการเปลี่ยนตัวสมาชิกยกทีมและห้ามสื่อพูดถึงเรื่องนี้ วาซิลีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ่งมันก็ดันได้ผลเสียด้วย สตาลินไม่เคยรับรู้ว่าสมาชิกทีมฮอคกี้นั้นเป็นคนใหม่ทั้งหมด
WIKIPEDIA PD
วาซิลีรู้ว่าเขาเองนั้นเป็นคนที่ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นักและเมื่อสิ้นสตาลินไปก็คงจะเกิดปัญหาขึ้นกับเขาแน่ๆ ซึ่งเขาก็คิดถูก เมื่อสตาลินเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1953 วาซิลีถูกจับทันทีในข้อหายักยอกทรัพย์สินของรัฐเพราะเขาได้สร้างอาคาร สนามกีฬาส่วนตัวไว้มากมายจากเงินของกองทัพอากาศโซเวียต
1
ต่อมาวาซิลีถูกปล่อยตัวเมื่อปี ค.ศ. 1960 แต่ภายในเวลาไม่ถึงปีก็ต้องเข้าคุกอีกครั้งเนื่องจากอุบัติเหตุจราจรและถูกปล่อยตัวออกมาก่อนจะถูกเนรเทศไปยังคาซาน ก่อนจะยิงตัวตายท่ามกลางความโดดเดี่ยว
2
WIKIPEDIA PD
สเวตลานาเกลียดสตาลินผู้เป็นพ่ออย่างที่สุด ในปี ค.ศ. 1967 เธอได้ขอลี้ภัยและแปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายสหรัฐอเมริกา โดยเธอได้กล่าวว่าเธอมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อการปลดปล่อยตัวเองที่เธอถูกปฏิเสธมาอย่างแสนนานในรัสเซีย แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถที่จะพาลูกๆ ของเธอมาด้วยได้แต่เธอก็มีโอกาสกลับไปเจอลูกๆ อีกครั้งเมื่อปี ค.ศ. 1984 หลังจากนั้นเธอก็ได้กลับมายังสหรัฐอเมริกาและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนเสียชีวิตในวัย 85 ปี เมื่อ ค.ศ. 2011 โดยหลายปีก่อนเสียชีวิตเธอได้กล่าวกับนักข่าวว่า “ฉันค่อนข้างมีความสุขกับที่นี่เลยหละ”
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา