2 ต.ค. 2020 เวลา 07:23 • กีฬา
หลังจากพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020-21 เปิดฉากมาได้เพียง 3 สัปดาห์ ชื่อของ สกอตต์ พาร์คเกอร์ ผู้จัดการทีมฟูแล่ม กลายเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว สำหรับกุนซือที่จะตกงานเป็นคนแรกของซีซั่นนี้
 
ทีมเจ้าสัวน้อยพบตัวเองอยู่ที่อันดับสุดท้ายของตารางคะแนน เมื่อยังคงไร้แต้ม หลังแพ้รวดต่อทั้ง อาร์เซน่อล, ลีดส์ ยูไนเต็ด และ แอสตัน วิลล่า โดยที่แต่ละนัดโดนยิงไม่น้อยกว่า 3 ตุง เสียไปแล้วถึง 10 ประตูถ้วน
 
ล่าสุดยังร่วงตกรอบ 4 คาราบาว คัพ หลังจากออกไปโดนทีมจากแชมเปี้ยนชิพอย่าง เบรนท์ฟอร์ด ต้อนขาดถึง 3-0 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีอีกต่างหาก
 
สุดสัปดาห์นี้ ถ้าฟูแล่มยังออกไปแพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่กำลังต้องการแก้ตัว หลังแพ้หมดรูปมา 2 นัดรวดต่อทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เวสต์แฮม บางทีหลังเบรกทีมชาติ เราอาจได้เห็นกุนซือคนใหม่ เข้ามาทำงานในถิ่น คราเว่น ค็อทเทจ ก็เป็นได้
 
เพราะในฤดูกาล 2018-19 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้ ที่ ฟูแล่ม เล่นในลีกสูงสุด เราก็เคยเห็นมาแล้วว่ากุนซือที่โปรไฟล์ดีกว่านี้ ทั้ง สลาวิซ่า โยคาโนวิช และ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ยังถูกปลดกลางอากาศอย่างรวดเร็ว หลังจากพาทีมทำผลงานไม่กระเตื้องขึ้นเลย
ในฐานะที่ ฟูแล่ม เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาในฐานะทีมแชมป์เพลย์ออฟ โดยจบฤดูกาลปกติในซีซั่นก่อน ด้วยอันดับ 4 ในแชมเปี้ยนชิพ...
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ ฟูแล่ม จะถูกมองว่าเป็นทีมที่มีศักยภาพอ่อนชั้นที่สุด ในบรรดา 20 ทีมพรีเมียร์ลีกของฤดูกาลนี้
 
เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังตำนานหงส์แดง ซึ่งปัจจุบันเป็นกูรูลูกหนังของ สกาย สปอร์ตส์ ถึงกับบอกว่า “ผมไม่เคยมั่นใจอะไรมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต ผมมั่นใจว่าฟูแล่มจะตกชั้น ยิ่งกว่าลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกเสียอีก”
 
การแพ้ทีมลุ้นหนีตกชั้นด้วยกันอย่าง แอสตัน วิลล่า คาบ้าน 0-3 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเกมรับที่ไร้คุณภาพ คือสัญญาณน่าเป็นห่วงว่าพวกเขาพร้อมปราชัยให้กับทุกทีม
 
ในเกมลีกนัดล่าสุด ทีมสิงห์ผงาดยิงได้ทั้ง 2 ประตูจาก 2 โอกาสแรกที่เจาะเข้าทำได้ถึงพื้นที่กรอบเขตโทษทีมเจ้าสัวน้อย โดย เดนิส โอดอย กองหลังชาวเบลเยียมกลายเป็นบ่อน้ำมันชั้นเลิศ ที่ตามประกบใครก็ไม่ไหวสักคน
 
การเสียประตูไปถึง 10 ประตูจาก 3 นัดแรก ทำให้ค่าเฉลี่ยการโดนยิงต่อ 1 นัดของฟูแล่มอยู่ที่นัดละ 3.33 ลูก หากไม่มีการปรับปรุงเกมรับให้ดีขึ้น แล้วค่าเฉลี่ยยังคงเป็นแบบนี้ พวกเขาจะเสียถึง 127 ประตูเมื่อจบเกมนัดที่ 38 ของฤดูกาล
 
ทีมที่เป็นเจ้าของสถิติเสียประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก 1 ฤดูกาลคือ สวินดอน ทาวน์ ที่โดนส่องไป 100 ลูกพอดีเป๊ะในซีซั่น 1993-94 แต่ในตอนนั้นยังเป็นรูปแบบแข่งกันทีมละ 42 เกม
ส่วนสถิติเสียประตูเยอะสุดนับตั้งแต่ใช้ระบบแข่งกันทีมละ 38 นัด คือ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ฤดูกาล 2008-09 ที่โดนไป 89 ลูก
ฤดูกาลนี้ ฟูแล่ม เสริมนักเตะใหม่เข้าสู่ทีมชุดใหญ่ทั้งหมด 8 คน แต่ในจำนวนนั้น น่าแปลกที่ยังไม่มีตำแหน่งที่จำเป็นต้องซื้อที่สุดอย่างเซนเตอร์แบ็กเลย
 
ตำแหน่งนายประตูมือหนึ่ง ยืมตัว อัลฟงส์ อาเรโอล่า มาจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง
 
3 คนคือฟูลแบ็ก ประกอบด้วย แอนโทนี่ โรบินสัน, เคนนี่ เตเต้ และ โอล่า ไอน่า (ยืมตัว)
 
มีมิดฟิลด์ตัวรับอีก 2 ราย คือ มาริโอ เลอมิน่า (ยืมตัว) และซื้อขาด แฮร์ริสัน รีด ซึ่งทั้ง 2 คนย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน
 
แนวรุกมีการซื้อขาด อองโตนี่ น็อคการ์ต จากไบรท์ตัน และยืมตัว อเดโมล่า ลุคแมน จาก แอร์เบ ไลป์ซิก เป็นรายล่าสุด
 
เซนเตอร์แบ็กตัวหลักชุดปัจจุบันอย่าง ทิม รีม และ เดนิส โอดอย คือผู้เล่นที่สอบไม่ผ่านกับการเล่นในพรีเมียร์ลีกเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนที่ทีมตกชั้น ซึ่ง ฟูแล่ม เสียประตูมากกว่าใครเพื่อนในพรีเมียร์ลีกซีซั่น 2018-19 ถึง 81 ประตู
หลังจบเกมวิกฤติที่โดน วิลล่า ยำใหญ่คาบ้าน 0-3 ในนัดมันเดย์ไนท์ ทางด้าน โทนี่ ข่าน รองประธานสโมสรและควบตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลของฟูแล่ม (เขาเป็นลูกชายของ ชาฮิด ข่าน มหาเศรษฐีเจ้าของทีม) ได้ออกมาทวีตข้อความขอโทษแฟนบอล แบบที่ว่าบอกให้ชาวโลกเขารู้หมด ว่าทำไมถึงยังไม่ได้เซนเตอร์ตัวใหม่เข้ามาซะที
 
“ผมขอโทษแฟนบอลฟูแล่มด้วย สำหรับฟอร์มการเล่นของเราในคืนนี้”
 
“เราเคยมองถึงการเสริมเซนเตอร์แบ็กเข้ามา นับตั้งแต่เกมที่เวมบลีย์ (เพลย์ออฟเลื่อนชั้นนัดชิง) ผมขอโทษที่เรายังทำไม่ได้เลย เพราะมี 2 คนติดเชื้อโควิด บวกกับเราพลาดนักเตะที่เราคิดว่าเกือบได้ตัวมาแบบฟรีๆ และเราก็ยังเจออีกปัญหา ในการพยายามคว้าเซนเตอร์รายที่ 4 เข้ามาอีก”
 
“ผมสัญญาว่าจะมีนักเตะเข้ามาเพิ่ม และจะมีความพยายามที่ดีขึ้นจากทีมชุดนี้”
 
“ผมสมควรที่ต้องขอโทษ และจะขอโทษอีกครั้งสำหรับผลงานที่ออกมา ผมเสียใจกับทุกคน”
 
“ทุกคนที่อยู่กับสโมสรมาตลอดปีที่ผ่านมาได้ทำงานหนักอย่างแท้จริงที่จะยกระดับทีม และเราจำเป็นต้องทำงานกันให้หนักกว่านี้เพื่ออยู่รอด ผมขอสัญญาว่าเราจะมีความพยายามที่ดีขึ้นกว่าวันนี้”
 
“เราไม่สามารถยืมตัว มาล็อง ซาร์ (กองหลังดาวรุ่งตัวใหม่เชลซี) คุณไม่สามารถออกไปเล่นแบบยืมตัวกับทีมอื่นในพรีเมียร์ลีกได้ ในตลาดซื้อขายเดียวกับที่คุณเพิ่งย้ายทีม”
อย่างไรก็ตาม หลังจาก โทนี่ ข่าน ทวีตข้อความดังกล่าว กลายเป็นหลายคนมองว่าตัวเขาเองกำลังทำให้สโมสรดูเป็นตัวตลกในสายตาผู้คนไปแทน
 
คือคุณไม่จำเป็นต้องออกมาเปิดเผยเรื่องราวภายในมากขนาดนี้ และยิ่งไปกว่านั้น การที่คนระดับผู้บริหารออกมาขอโทษแฟนบอลบนโลกโซเชียล มันไม่ต่างอะไรกับการลากนักเตะและกุนซือออกมาตบหน้าโชว์กลางสี่แยก
 
เจมี่ คาร์ราเกอร์ วิจารณ์ว่า “เขาคือตัวตลกที่มามีส่วนร่วมกับเรื่องนั้น ควรหุบปากไปซะ แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานไป”
 
ส่วนตัวกุนซืออย่าง สกอตต์ พาร์คเกอร์ เอง ก็เผยว่าเขาไม่เห็นด้วย ที่ผู้บริหารสโมสรคือคนออกมาบอกอะไรแบบนี้ในที่สาธารณะ
 
“ผมไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้น คุณไม่จำเป็นต้องออกมาขอโทษใครเรื่องฟอร์มการเล่น ผู้คนเขาเห็นกัน และไม่มีอะไรผิด”
 
“ถ้าคุณต้องการขอโทษเรื่องฟอร์มการเล่น นั่นหมายความว่าคุณกำลังขอโทษในเรื่องการขาดจรรยาบรรณในการทำงาน การขาดความตั้งใจ และขาดพลัง ซึ่งแฟนบอลเขาไม่ได้ออกมาโวยวายอะไรเลย”
 
“เมื่อคุณแข่งเกมฟุตบอล คุณสามารถแพ้ได้ คุณสามารถมีเกมแย่ๆ ได้ คุณก่อความผิดพลาดได้ และเพราะแบบนั้น คุณจึงไม่ควรต้องออกมาขอโทษเลย”
 
“นักเตะทุกคนทำงานหนักกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยระหว่างเกม ซึ่งในฐานะสโมสรฟุตบอล ผมจะไม่ยอมรับอะไรที่น้อยไปกว่านั้น”
 
“ผมจะเป็นคนแรกที่มีปัญหากับทีมผม และผมจะเป็นคนแรกที่ออกมาขอโทษเองถ้ามันใช่เรื่อง”
 
“ผมคิดว่า โทนี่ คือคนมีแพชชั่น และชัดเจนว่าเขาต้องการสิ่งที่ดีที่สุดจากทีม และผมเข้าใจเรื่องนั้นดี แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันคืองานของผมที่จะต้องพยายามจัดการกับพวกผู้เล่นเอง”
 
ทวีตข้อความของ โทนี่ ข่าน ยังคงไม่ถูกลบ ซึ่งมีแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าไปคอมเมนต์ต่อแบบติดตลกด้วยว่า “งั้นคุณช่วยเอา ฟิล โจนส์ หรือไม่ก็ มาร์กอส โรโฮ ไปอยู่ด้วยสิ”
 
แฟนบอลอาร์เซน่อลรายหนึ่ง ก็ร่วมแจมอีกว่า “ได้โปรดช่วยมาเอา ร็อบ โฮลดิ้ง และ เมตแลนด์-ไนล์ส ไปเถอะ คุณจ่ายแบบผ่อนเอาก็ได้”
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของ โทนี่ ข่าน มันแสดงออกชัดเจนแล้วว่าเขาไม่พอใจกับผลงานในสนาม และต้องการเร่งกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่ตัวกุนซืออย่าง สกอตต์ พาร์คเกอร์ กลับออกมาแสดงความคิดเห็นสวนทางกันซะอย่างนั้น
 
สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ นับตั้งแต่ ชาฮิด ข่าน เข้ามาซื้อสโมสรฟูแล่มต่อจาก โมฮาเหม็ด อัล ฟาเยด นักธุรกิจชาวอียิปต์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2013 หลังจากนั้น ทีมเจ้าสัวน้อยไม่สามารถเอาตัวรอดบนลีกสูงสุดได้เลย
 
ทั้งที่ในยุคที่ อัล ฟาเยด เป็นเจ้าของทีม ฟูแล่มสามารถรอดตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกได้นานถึง 12 ฤดูกาลติดต่อกัน และเคยผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศรายการ ยูโรปา ลีก มาแล้ว
 
แต่หลังจาก ข่าน เข้ามาบริหารทีม ฟูแล่ม ร่วงตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2013-14 โดยในซีซั่นนั้นใช้กุนซือถึง 3 คน ได้แก่ มาร์ติน โยล, เรเน่ มิวเลนสตีน และ เฟลิกซ์ มากัธ
 
พอเลื่อนชั้นกลับมาได้ในฤดูกาล 2018-19 ใช้ผู้จัดการทีมอีก 3 คนในซีซั่นเดียวเช่นกัน ได้แก่ สลาวิซ่า โยคาโนวิช, เคลาดิโอ รานิเอรี่ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น สกอตต์ พาร์คเกอร์ จนถึงปัจจุบัน
จากผลงานที่ย่ำแย่ต่อเนื่อง ดูเหมือนว่า สกอตต์ พาร์คเกอร์ กำลังจะต้องเป็นแพะรับบาปคุณภาพทีมที่ไม่ดีพอสำหรับลีกสูงสุดอีกครั้ง
 
โปรแกรม 2 นัดที่รออยู่ พวกเขาจะไม่ได้เล่นในบ้าน แต่ต้องไปเยือนทีมที่กำลังต้องการชัยชนะอย่างเร่งด่วน ทั้ง วูล์ฟแฮมป์ตัน และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
 
มีรายงานว่า แซม อัลลาร์ไดซ์ หรือ เอ็ดดี้ ฮาว ที่กำลังว่างงาน คนใดคนหนึ่งอาจเข้ามาแทนอดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษในเร็วๆ นี้ ถ้า ฟูแล่ม ยังคงเป็นทีมแจกแต้มให้ชาวบ้านง่ายๆ แบบนี้ไม่เลิก
 
พูดไปแล้วก็สงสารคนเป็นกุนซือ...
 
เพราะไม่ว่าสุดท้ายขุมกำลังของทีมจะมีคุณภาพแย่แค่ไหน บอร์ดบริหารจะทำงานมีปัญหาเพียงใด แต่ถ้าผลงานที่ออกมามันไม่เวิร์ค ยังไงก็ต้องเป็นคนแรกที่โดนเด้งก่อนเพื่อนอยู่ดี
#เสียบสามเหลี่ยม #Fulham #ScottParker #TonyKhan #ShahidKhan #PremierLeague
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
โฆษณา