2 ต.ค. 2020 เวลา 09:56 • การตลาด
ซีรีส์การตลาด EP 1 : ขายของยังไงให้ปัง!! ภายใน 5นาที
นักขายที่เก่งต้องไม่ใช่นักพูดที่เก่ง แต่ต้องเป็นคนที่จบการขายได้เก่งต่างหาก เอ๋..ประโยคนี้ไปจำใครมาหว่า55
ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ เผื่อเพื่อนๆคนไหนอยากจะลองหาอาชีพเสริมไม่ว่าจะใน online หรือ offline ก็คงจะหนีไม่พ้นงานขาย
แล้วถ้าเพื่อนๆ อยากจะขายของ แต่ยังเริ่มต้นไม่ถูก วันนี้เพจใจดี เลยอยากจะมาแนะนำเทคนิคงานขาย ที่เรียกได้ว่าให้มันรู้ลึกเข้าไปในสมองของลูกค้าเลยว่า กำลังคิดอะไร หรือต้องการอะไรอยู่
ก่อนอื่นสำหรับคนที่ยังไม่รู้จักงานขายมาก่อน ใจดีของนำเสนอ 3 ประโยคเด็ดที่จะได้เจอจากลูกค้าที่จะปฏิเสธสินค้าของเรา
ปฏิเสธที่ 1 : No need ไม่มีความจำเป็น คือ ไม่มีความจำเป็นยังไง เช่น สินค้าที่ใช้สำหรับผู้หญิง เสื้อชั้นใน ผ้าอนามัย ของเหล่านี้ไม่จำเป็นสำหรับผู้ชาย
ปฏิเสธที่ 2 : No want ไม่มีความต้องการ หรือ ยังไม่ต้องการตอนนี้ เช่น เสื้อผ้าชุดเก่ายังใส่ได้อยู่ยังไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ หรือ ที่ทำงานอยู่ใกล้นิดเดียวนั่งรกเมล์ไปก็ได้ เลยยังไม่ต้องการจะซื้อรถในตอนนี้
ปฏิเสธที่ 3 เด็ดสุด : No money ไม่มีเงิน ประโยคนี้สยบทุกการขาย คำๆเดียวอยู่เลย55 เพจใจดีไม่ต้องอธิบายเนอะว่ามีความหมายว่าอะไร
1
แล้วเราจะทำยังไงดีถ้าเจอคำปฏิเสธแบบนี้ : คำตอบ ก็ขายมันต่อสิกลัวที่ไหน55
แล้วเราจะใช้วิธีอะไรเล่า : คำตอบ ก็ขายมันดื้อๆนี้แหละ แต่เราต้องมีตัวช่วย
แล้วเราจะเอาอะไรมาช่วยเราล่ะ : คำตอบ อารมณ์ของลูกค้าไง
เพราะแม้ว่าลูกค้าจะปฏิเสธด้วยเหตุผลต่างๆนาๆอย่างไร สุดท้ายแล้วลูกค้าส่วนใหญ่มักใช้อารมณ์ในการตัดสินใจอยู่ดี
ปฏิเสธที่ 1 :No need ไม่มีความจำเป็นต่อตัวลูกค้าก็จริง แต่สินค้าชิ้นนี้เมื่อซื้อไปฝากแฟน หรือ ลูกของลูกค้า รับลองแฟนของลูกค้ารักลูกค้ามากขึ้นแน่นอน (อันนี้เอาอารมณ์ความรักมาขาย)
ปฏิเสธที่ 2 : No want ไม่มีความต้องการ ถึงวันนี้ลูกค้ายังไม่ต้องการประกันสุขภาพ แต่ลูกค้าเชื่อเถอะว่า การเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมชาติ พอถึงเวลาลูกค้าก็จะมีค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องเดือดร้อนคนข้างหลัง (อันนี้เอาอารมณ์กลัวว่าจะเดือดร้อนตอนป่วยกับความรู้สึกต้องรับผิดชอบตัวเองไม่ให้คนอื่นเดือดร้อน)
1
ปฏิเสธที่3 : No money ไม่มีเงิน คำว่าไม่มีเงินไม่มีจริงในโลกนี้นะครับเพื่อนๆ เพราะถ้ามีจริงคงไม่มีใครเป็นหนี้บ้าน หนี้รถ และเหตุผลที่ทำให้เป็นหนี้ก็เพราะอารมณ์ที่ต้องการที่อยู่อาศัย อารมณ์ที่อยากมีรถในการเดินทางจะได้ไม่ลำบาก
เพื่อนๆอาจบอกว่าการเป็นหนี้แบบนี้มันก็มีเหตุผลอยู่นะ และอาจจะคิดว่านั่นคือปัจจัยหลักที่เพื่อนๆ คำนึงถึงเวลาจะซื้ออะไรสักอย่าง แต่วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า “คนเราไม่ได้ใช้เหตุผลในการซื้อของ แต่เป็นตัวเราที่คิดไปเองว่าเรามีเหตุผลต่างหาก”
ถ้าไม่เชื่อเราไปพิสูจน์กัน Paul D. Maclean นักประสาทวิทยาได้นำเสนอทฤษฎี The Triune Brain ซึ่งบอกว่าสมองของคนเราประกอบไปด้วย 3 ส่วน หลักๆ ได้แก่
1. Neocortex (สมองชั้นตรรกะและเหตุผล)
สมองชั้นนอกสุดนี้เป็นชั้นสมองที่พัฒนามาทีหลังสุดในสิ่งมีชีวิตเมื่อ 3 – 4 ล้านปีก่อน และมนุษย์ก็เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตไม่กี่ชนิดที่มีสมองชั้นนี้ เราใช้สมองส่วนนี้ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา คิดไอเดียใหม่ๆ และตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล แต่ข้อเสียของมันคือ มันทำงานช้ากว่าสมองอีก 2 ส่วนที่เหลือ เพราะงั้นงานขายจึงไม่ควรเริ่มต้นด้วยการอธิบาย เหตุผลของตัวสินค้าก่อน แต่สมองส่วนนี้ก็มีประโยชน์กับงานขายคือ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าไปใช้แล้ว เกิดประโยชน์คุ้มค่ากับเงินที่เสีย สมองส่วนนี้จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำอีก
2. Limbic Brain (สมองชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม)
สมองส่วนนี้อยู่ใต้ชั้นของ Neocortex และมีอายุประมาณ 150 ล้านปี มันทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมและควบคุมอารมณ์ความรู้สึก โดยเมื่อเราพบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ สมองส่วน Limbic ยังมีการปล่อยสารเคมีที่ช่วยจดจำเหตุการณ์ต่างๆ ออกมาด้วย จึงจะเห็นว่าบริษัทต่างๆ ทำโฆษณาออกมาฉายวนซำ้ๆ หรือพูดถึงสินค้าตัวนั้นซำ้ๆ เพื่อให้เราจดจำแล้วเกิดอารมณ์อยากได้สินค้าตัวนั้น มากกว่าการใช้เหตุผลที่สมองชั้นนอก แต่ก็ยังไม่ใช่สมองที่ใช้ในการตัดสินใจในการซื้อสินค้าด้วยอารมณ์เพียงแรกเห็น
1
3. Reptilian Brain (สมองชั้นสัตว์เลื้อยคลาน)
นี่คือสมองส่วนที่เราจะให้ความสนใจกันเป็นพิเศษในบทความนี้ มันถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Old Brain สมองส่วนนี้เป็นชั้นสมองที่เก่าแก่และมีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานที่สุดกว่า 500 ล้านปี มันถูกพบครั้งแรกในปลา ก่อนจะพัฒนามายังสัตว์เลื้อยคลานและมนุษย์ตามลำดับ โดย ‘สัญชาตญาณการเอาตัวรอด’ คือหน้าที่หลักของสมองชั้นนี้
1
Old Brain เป็นสมองส่วนที่ทำตามอารมณ์ความรู้สึกเป็นหลัก หุนหันพลันแล่น ไม่ผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบ และทำงานด้วยตัวของมันเองในระดับจิตใต้สำนึกโดยที่เราแทบจะไม่รู้ตัวและยากที่จะควบคุม และที่สำคัญมันมีผลต่อการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตของเรากว่า 90% และนี้จึงเป็นสาเหตุที่นักขายทั้งหลายให้ความสำคัญ เพราะมันทำให้เรารู้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่ ตัดสินใจซื้อสินค้าด้วยอารมณ์
จะเป็นนักขายที่เก่งจึงควรพุ่งเป้าไปที่ Reptilian Brain (อารมณ์เป็นอันดับแรก!)
โดยมันก็เหมือนกับการพุ่งเป้าไปที่หัวใจของลูกค้าก่อนเพื่อให้พวกเขาเกิดความรู้สึกร่วมและอินตามไปกับคุณ เมื่อสมองส่วน Reptilian Brain คิดว่าสิ่งที่คุณกำลังนำเสนอน่าสนใจแล้ว สมองของพวกเขาจะเปิดใจรับฟังสิ่งที่คุณกำลังจะพูดถึงต่อไปมากขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
หลังจากนั้นคุณก็ค่อยนำเสนอสิ่งที่คุณต้องการสื่อสารจริงๆ เช่น สินค้า หรือบริการของคุณออกไป เพราะเมื่อลูกค้าได้เปิดรับคุณแล้ว การให้ข้อมูลในเชิงเหตุและผล จะทำให้ลูกค้ายิ่งอินไปกับตัวสินค้า ที่คุณนำเสนอ จนเป็นสาเหตุให้คุณปิดการขายได้ เพราะสุดท้ายนักขายที่จบการขายได้เก่ง ย่อมดีกว่าคนที่พูดเก่งแต่ขายของไม่ได้แน่นอน..
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่อยากจะลองเป็นนักขายนะครับ ลองเอาไปปรับใช้ดูนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาติดตามอ่านกันครับ🙏💕
สามารถติดตามใจดี ได้อีกช่องทางที่ App :facebook blockdit และ instagram
#ถ้าใจเราดี.อะไรๆก็ดีไปหมด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา