16 ต.ค. 2020 เวลา 03:20 • การศึกษา
DATA พาเพลิน : Breaking Post!
"เลือกตั้งสหรัฐ 2020"
( 30วันก่อนการเลือกตั้ง ) ตอนที่ 2
ตั้งใจว่าจะปล่อยโพสต์นี้
เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม
โดยใช้เวลารวบรวมข้อมูล
มาตลอด 1 เดือน
แต่ก็ต้องถึงกับชะงัก
เมื่อข่าวท่านทรัมป์และภริยา
...ติดโควิด-19!!!!
ทำเอาผมหัวหมุนพอควร เพราะมันมีคำถามต่างๆมากมาย ตามมาว่า...
1.นี่คือเรื่องจริง(ใช่ไหม)
2.นี่คือเกมส์การเมือง(รึเปล่า)
ผมเลยต้องทำการ
รวบรวมข้อมูลใหม่ทั้งหมดอีกรอบ
เราลองมาดูกันนะครับว่า...
"กู๋"สามารถจะบอกทิศทาง
ผู้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้หรือไม่
ผมเริ่มที่ชื่อของทั้งสองลุงเหมือนเดิม
ค้นหาเฉพาะสหรัฐอเมริกา
ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
และนี่คือผลลัพธ์...
(1)
(1)
จากกราฟ "ทรัมป์" สวิงขึ้นมาอย่างชัดเจน
จากข่าวการติดโควิด
และเมื่อนำทั้งสองกราฟมาเทียบกัน...
(2)
(2)
"ทรัมป์" ช่วงชิงพื้นที่จากคำค้นหาได้มากกว่า"ไบเดน" อีกแล้ว
แต่จะเป็นในด้านบวกหรือลบ
เราลองมาดูกันครับ
ผมขอเริ่มที่ทรัมป์ก่อน...
(วันที่ทำข้อมูล 6 ต.ค 2563)
(3)
(3)
- trump rally nevada
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวระหว่างการหาเสียงที่รัฐเนวาด้า ว่า เวลานี้สหรัฐฯ กำลังใกล้ที่จะสามารถควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสไว้ได้แล้ว และตนเองก็ทำหน้าที่ได้อย่างเยี่ยมยอดแล้วในการรับมือการระบาดของโคโรนาไวรัส (แม้ว่าสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลก)
คำกล่าวของทรัมป์ในครั้งนี้ ถูกฝ่ายตรงข้ามดึงมาโจมตี หลังจากที่ทรัมป์ติดโควิด
- trump supreme court nominee
ทรัมป์ ทำการเสนอชื่อ เอมี่ โคนีย์ บาร์เรตต์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ (ฝ่ายอนุรักษนิยม) มาดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่แทน รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้พิพากษาคนเก่า ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง
การเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่ก่อนวันเลือกตั้ง สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากไม่ชอบกลเรื่องดุลอำนาจในศาลฎีกาสหรัฐฯ (ผู้พิพากษาที่อยู่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายเสรีนิยมในศาลฎีกา)
- hope hicks
อดีตนางแบบ model ที่ผันตัวมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของทรัมป์
และผู้แพร่เชื้อโควิดให้ทรัป์และภริยา
Hicks เริ่มเข้ามาร่วมงานที่ทำเนียบขาว ในฐานะผู้อำนวยการด้านการสื่อสารของทำเนียบขาว
- trump wood ward
Bob Woodward (นักข่าวชื่อดังและเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการของ The Washington Post เคยได้รับรางวัล Pulitzer จากผลงานสอบสวนคดี Watergate ที่ทำให้ประธานาธิบดีนิกสันต้องลาออก) ออกหนังสือชื่อ Rage วางตลาดเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา เป็นบทรายงานการสัมภาษณ์ทรัมป์ (ได้สัมภาษณ์แบบอัดเสียงทรัมป์ทั้งหมด 18 ครั้ง) ในช่วงระหว่าง ธันวาคม 2019 ถึงกรกฎาคม 2020 เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
Woodward เปิดโปงว่า ทรัมป์รู้ว่าโควิด-19 ร้ายแรง แต่ก็พยายามปิดบังอำพรางความจริงให้ประชาชนได้รู้ (พูดเท็จและพูดความจริงไม่หมด) ทรัมป์ยอมรับกับ Woodward ในการสัมภาษณ์ว่า เขาพยายามจะพูดให้เรื่องนี้เบากว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง!!!
Woodward กล่าวว่า ทรัมป์พยายามพูดให้ผู้สนับสนุนเห็นว่า รัฐบาลภายใต้การนำของเขา สามารถรับมือกับโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี และก็เพื่อหวังผลต่อการเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่จะเกิดขึ้นด้วย
หลังจากหนังสือเล่มนี้วางแผน ทรัมป์ก็จัด Woodward ใน twitter ชุดใหญ่
แต่ก็มีคำถามจากฝั่งผู้สนับสนุนทรัมป์ว่า Woodward สัมภาษณ์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่เพิ่งมาเปิดเผยข้อมูล เอาตอนก่อนการเลือกตั้งไม่ถึงเดือน เหมือนจะมีนัยยะทางเกมส์การเมืองหรือไม่
ต่อมา...
(4)
(4)
- white supremacy +700%
ทรัมป์ถูกเชื่อมโยงกับแนวคิดและลัทธิ "คนผิวขาวเป็นใหญ่" และ "เหยียดผิว" มาอย่างชัดเจน
เราสามารถจะเห็นได้จากทั้งบทสัมภาษณ์หรือจาก twitter ของทรัมป์ ที่ล่าสุดจากเหตุรุนแรงในการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ (George Floyd) ที่ทำให้ทั้งโลกสั่นไหวไปกับวลี "Black Live Matter" ทรัมป์ก็พูดและทวิตยั่วยุหลายต่อหลายครั้ง
ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนี้ ตามลิ้งค์นี้ครับ
ต่อมา...
(5)
(5)
- trump town hall +3,400%
การดีเบตยกแรกระหว่างทรัมปและ
ไบเดน ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักกับมาตรฐานความเป็นประชาธิปไตยด้านการเมืองที่ลดต่ำลง
จากข้อมูล ทรัมป์ ใช้เวลาพูดทั้งหมด 38 นาที ขณะที่นายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิง ใช้เวลาพูดทั้งหมด 43 นาที แต่ทรัมป์ขัดจังหวะพูดแทรกแย่งซีนนายไบเดนไปถึง 73 ครั้ง
ทรัมป์ตั้งใจทำลายคู่แข่งด้วยวิธีนี้ จนถึงขั้นไบเดนต้องโวยออกมาว่า...
“Will you shut up, man?”
ไบเดนโจมตีทรัมป์เรื่องโควิด-19 ที่ปล่อยให้คนอเมริกันกว่า 2 แสนคนต้องเสียชีวิต
และล้มตายเป็นจำนวนมาก และยังจะต้องตายมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าทรัมป์ทำอะไรที่ฉลาดกว่านี้ / ทรัมป์ สวนกลับ หากเป็นนายไบเดน สถานการณ์น่าจะย่ำแย่กว่านี้
ประเด็นการเหยียดผิว ไบเดน กล่าวว่า ทรัมป์ทำให้เกิดความแตกแยกทางเชื้อชาติ ทรัมป์ถูกไบเดนท้าให้กล่าวประนามกลุ่มผิวขาวคลั่งชาติ (ที่ดูเหมือนรัฐบาลหนุนหลังอย่างกลุ่ม Proud Boys ) ซึ่งทรัมป์ก็ตอบแบบคลุมเครือ
และในประเด็นเรื่องการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ จนทำให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ "Black Lives Matter" ...ทั้งสองคนกลับพูดถึงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ต่อมา...
(6)
(6)
- trump proud boys +4,250%
"proud boys" คือกลุ่มขวาจัด ติดอาวุธคลั่งผิวขาว (เน้นความรุนแรง) ที่ออกมาแสดงพลังเพื่อต่อต้านการประท้วง "Black Lives Matter" อีกที
กลุ่ม "proud boys" จึงถูกเชื่อมโยงกับทรัมป์เนื่องจากมีแนวความคิดขวาสุดเช่นเดียวกัน
ในเวทีดีเบตยกแรกที่ผ่านมา ไบเดนได้ท้าให้ทรัมป์ประนามกลุ่ม "proud boys" แต่ทรัมป์ก็ตอบแบบเลี่ยงๆและคลุมเครือ
ต่อมา...
(7)
(7)
- trump tests positive +4,700%
ทรัมป์ ยืนยันว่าตนและนางเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยาและสตรีหมายเลข 1 ติดโควิด-19 และอยู่ระหว่างการกักตัว
ต่อมา ไบเดน
(วันที่ทำข้อมูล 6 ต.ค 2563)
(8)
(8)
- shut up, man
การดีเบตอันดุเดือดในยกแรกที่ผ่านมา ยุทธวิธีที่ทรัมป์ใช้ในการพูดแทรกเพื่อให้คู่ต่อสู้อารมณ์ขึ้นได้ผลใน 10 นาทีแรก ไบเดน ถึงจะหมดความอดทน และบอกให้ทรัมป์ "หุบปาก!!!"
- biden despacito
ไบเดนพยายามที่จะดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวสเปน ในงานรณรงค์หาเสียงในรัฐฟลอริดา เมื่อไบเดนยืนขึ้นที่โพเดียม จากนั้นเขาก็ถือโทรศัพท์ซึ่งกำลังเล่นเพลง “Despacito” (ซึ่งเป็นเพลงฮิตประจำปี 2017) โดยเปิดมันประมาณ 15 วินาทีและเต้นเบาๆ นักวิจารณ์ใช้คำเรียกซีนนี้ว่าเป็น “การประจบประแจง”
- biden wearing wire ประโยคนี้น่าสนใจที่สุดสำหรับผม
เพราะในการดีเบตที่ผ่านมา ไบเดนถูกกล่าวหาว่า แอบซ่อนหูฟังเข้าไป (เพื่อให้ทีมงานสามารถบอกบทหรือคำตอบที่เป็นตัวเลขหรือที่สมควรจะตอบได้)
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการนำหลักฐานที่เป็นภาพถ่าย โดยระบุว่าไบเดนทำชิ้น
ส่วน"หูปลอม"ขึ้นมาเพื่อซ่อนหูฟังเอาไว้อีกด้วย
ส่วนตัว ผมคิดว่าตรงนี้จะจริงเท็จแค่ไหน ก็ไม่ได้เป็นผลดีแก่ไบเดนเลยครับ
เพราะจากข้อมูลคำค้นหา
ในคำค้นหาทั้งหมด 25 คำ มีคำประเภทนี้ (biden wearing wire) ที่ผู้คนค้นหาซ้ำกันถึง 6 คำ จาก 25 คำ(ถือว่ามากที่สุด)
และเมื่อเข้าไปดูคลิป ผมว่าข้อกล่าวหานี้ ก็มีมูลอยู่สูงทีเดียว
ต่อมา...
(9)
(9)
- white supremacy +300%
ข้อกล่าวหาที่เชื่อมโยงกับลัทธิคนขาวเป็นใหญ่
(10)
(10)
- biden town hall +4,050%
การดีเบตยกแรกระหว่างทรัมปและไบเดน
ไบเดนใช้คำเรียกทรัมป์ซ้ำๆ ว่าเป็น "ตัวตลก" และเป็น "ประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดของสหรัฐ" และเป็นคนเหยียดเชื้อชาติ ในส่วนของทรัมป์ก็ดูถูกสติปัญญาของไบเดนและโจมตีเรื่องลูกชายของไบเดน(ฮันเตอร์ ไบเดน) และ meme ที่เยอะที่สุด
ก็คือ Will you shut up, man?”
ต่อมา...
(11)
(11)
- biden moscow +4,350%
- huter biden military service +4,900%
ขออนุญาตอธิบาย 2 คำพร้อมกันเพราะเป็นเรื่องเดียวกัน
ทรัมป์มักจะโจมตีเรื่องลูกชายของไบเดน (ฮันเตอร์ ไบเดน) ว่าเกี่ยวกับทุจริต คอรัปชั่น (ฮันเตอร์เข้าดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัท Burisma Holdings บริษัทเอกชนผลิตแก๊สธรรมชาติยักษ์ใหญ่ของยูเครน)และไบเดน ก็มีส่วนรู้เห็นและปกปิดข้อมูลเพื่อช่วยลูกชายตัวเอง
และทรัมป์ ยังเคยเรียกร้องให้ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ยื่นมือเข้าช่วยในการสืบสวน ไบเดน และบุตรชาย ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม โดยบทสนทนาทางโทรศัพท์ของทรัมป์และผู้นำยูเครน ถูกนำมาเปิดเผย "Whistleblower" และนำไปสู่ความพยายามจะถอดถอน"ทรัมป์"ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
ทั้งหมดคือบทสรุปข้อมูลที่ได้ทำการรวบรวมมาจาก"กู๋"ครับ
ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา
เราคงต้องมาลุ้นกันในวันที่ 3 พฤศจิกายน นี้
เพราะยังมีหลายๆปัจจัย
ให้ต้องวิเคราะห์กัน
เช่นการดีแบต รอบ 2 (วันที่ 15 ตุลา - เลื่อนไปแล้ว ), รอบ 3 (วันที่ 22 ตุลา)
สถานการณ์ต่างๆ ที่จะสามารถพลิกคะแนนเสียงได้
แต่สำหรับผม
(ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
ผมคงสรุปได้เพียงประโยคสั้นๆว่า...
"ไบเดน ยังไม่แข็งพอ"
และอีกความคิดเห็นนึงคือ...
ผมคิดว่า ประธานาธิบดีตัวจริงๆ
อาจจะไม่ใช่ทั้งสองคนนี้
เนื่องจากอายุที่มากของทั้งคู่ ก็เป็นได้
...คงต้องรอดูกันต่อไป
โพสต์นี้ขอจบเพียงเท่านี้
ขอบพระคุณทุกการติดตาม
บุญรักษา"กัลยาณมิตร"ทุกท่าน
DATAPAPLEARN
DATAพาเพลิน
***หมายเหตุ DATA ข้อมูลที่เกิดขึ้นในโพสต์นี้ เป็นการรวบรวมข้อมูลคำค้นหาบนแพลตฟอร์มของกูเกิ้ลอย่างเดียวเท่านั้น ข้อมูลและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการรวบรวมและบันทึก ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ผู้เขียนและทีมงาน DATA พาเพลิน มีเจตนารมณ์เพื่อให้ชุดข้อมูลดังกล่าว เกิดการต่อยอดทางความคิดแก่ผู้อ่าน ไม่ได้มีความประสงค์จะชี้นำในเรื่องใดๆแต่อย่างใด
โฆษณา