12 ต.ค. 2020 เวลา 12:00 • การเมือง
นักสิ่งแวดล้อมโลกต้านทรัมป์
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
www.denverpost.com
ดูจากกระแสของผู้คนอเมริกันในโซเชียลมีเดีย ทรัมป์ท่าจะแย่ครับ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงมีโอกาสเพี่ยงพล้ำมาก ดีไม่ดี ทรัมป์อาจจะเป็นประธานาธิบดีเพียงสมัยเดียวเหมือนจอร์จ เฮอร์เบิร์ต วอล์กเกอร์ บุช (1989-1993) ทั้งที่ระยะหลัง คนอเมริกันนิยมเลือกประธานาธิบดีให้บริหารประเทศ 2 สมัย 8 ปีติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นบิล คลินตัน (1993-2001) จอร์จ วอล์กเกอร์ บุช (2001-2009) หรือบารัก โอบามา (2009-2017)
คนที่ออกมาต่อต้านทรัมป์อย่างรุนแรงในช่วงนี้ก็เป็นพวกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พวกต่อสู้ด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ
ในช่วงเกือบ 4 ปีที่ทรัมป์บริหารสหรัฐ ต้องยอมรับว่าทรัมป์สอบตกในเรื่องนี้ ผู้คนจึงหาความหวังใหม่ คนที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้นำสหรัฐก็คือ โจ ไบเดน
https://metro.co.uk/2020/01/21/donald-trump-takes-aim-greta-thunberg-davos-speech-12095139/
ขณะที่ทรัมป์โดนทัวร์ลง แต่ไบเดนกลับได้รับการสนับสนุน ผู้อ่านท่านคงจำเกรธา ทุนเบิร์ก ได้นะครับ เด็กคนนี้ดังมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่เริ่มการเคลื่อนไหว Fridays for Future หรือวันศุกร์สู้เพื่ออนาคต ที่ทำให้เยาวชนและคนหนุ่มสาวออกมาเรียกร้องให้ผู้นำโลกแก้ไขปัญหาโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรม
ถึงแม้ว่าทุนเบิร์กจะเป็นคนสวีเดน แต่แกก็ออกมาเรียกร้องคนอเมริกันให้เลือกไบเดน โดยบอกว่า การเลือกตั้งสหรัฐมีผลต่อการสู้กับภาวะโลกร้อน
นิตยสารทางวิทยาศาสตร์ที่ตั้งมาเป็นร้อยปีอย่าง Scientific American ซึ่งไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งใดก็ไม่เคยออกมาสนับสนุนผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐอย่างออกนอกหน้า ยุคทีโอดอร์ รูสเวลต์ (1901-1909) นิตยสารฉบับนี้ก็เฉยๆ ยุคแฮร์รี เอส ทรูแมน (1945-1953) ไซทิฟิค อเมริกันก็เงียบ ยุคคลินตัน บุช หรือยุคโอบามา เงียบหมด
เดือนที่แล้ว เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่นิตยสารด้านวิทยาศาสตร์ชื่อดังแสดงจุดยืนทางการเมืองในบทบรรณาธิการ ถึงขนาดชวนให้ผู้อ่านโหวตเพื่อการปกป้องวิทยาศาสตร์ แทนที่จะทำลายวิทยาศาสตร์ ซึ่งทุกคนอ่านแล้วก็เข้าใจนะครับ ว่าการปกป้องก็คือการเลือกไบเดน การทำลายวิทยาศาสตร์ก็คือการเลือกทรัมป์เป็นประธานาธิบดีต่อ
https://www.nst.com.my/world/world/2020/09/624877/first-scientific-american-magazine-endorses-biden
ทรัมป์เป็นคนที่ไม่มีเสน่ห์ที่จะทำให้คนใกล้ชิดพูดถึงแกในแง่บวกอย่างเต็มใจ ส่วนใหญ่ออกมาโจมตีทรัมป์แทบทั้งนั้น อย่างตอนกลางปี 2563 จอห์น โบลตัน คนที่ทรัมป์เคยหยิบปากกาเซ็นแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบประธานาธิบดี ออกมาโจมตีทรัมป์เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก โดยวิจารณ์ว่าทรัมป์เป็นคนไร้เดียงสาแต่อันตราย
https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2020-01-07/bolton-testimony-in-trump-s-impeachment-trial-isn-t-likely
แม้ว่าทรัมป์จะช่วยให้โบลตันมีตำแหน่งใหญ่โต แต่โบลตันก็กล้าบอกสังคมว่าทรัมป์ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำสหรัฐ โบลตันบอกว่าทรัมป์ไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นผู้นำ และแกจะไม่เลือกทรัมป์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ทรัมป์เป็นผู้นำที่มีบุคลิกลักษณะและนิสัยใจคอตรงกันข้ามกับคลินตันและโอบามา
บางท่านอาจจะเคยเห็นคลิปที่โอบามาเครียดเดินขึ้นเครื่องบินโดยที่ไม่ได้ทักทายทหารที่ยืนข้างบันไดขึ้นเครื่องบิน เมื่อนึกได้ โอบามาต้องเดินลงมาจับมือทักทาย ซึ่งเราไม่เคยเห็นคลิปลักษณะอย่างนี้จากทรัมป์ แม้แต่คนใกล้ชิด ทรัมป์ยังดึงใจไว้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงคนทั้งประเทศเลยครับ
ทรัมป์พยายามเร่งทำคะแนน แต่ดูแล้วขึ้นยากครับ คนจำนวนไม่น้อยเห็นพ้องต้องกันว่าประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐ น่าจะชื่อโจ ไบเดน กี่โพลๆ ก็ออกมาเป็นไบเดนทั้งนั้น ไม่มีโพลไหนให้ทรัมป์ชนะเลยสักโพล
ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นเรื่องดีครับ แต่ความเชื่อมั่นที่มากจนเกินไป เชื่อมั่นโดยไม่สนใจกระแสประเทศและกระแสโลก ทำให้ทรัมป์กลายเป็นผู้นำที่ถูกโลกตำหนิติเตียนอยู่หลายเรื่อง และความที่เป็นคนอายุมาก นิสัยพฤติกรรมต่างๆ ก็ยากที่จะปรับให้ดีขึ้น
ผมขออนุญาตเขียนโดยไม่ต้องอ้างสถิติใดๆ แค่ประมวลจากสื่อทั่วโลกก็พอทำนายทายชื่อประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐได้ครับ.
โฆษณา