23 ต.ค. 2020 เวลา 13:45 • ปรัชญา
# จุดมุ่งหมายของชีวิตกับสมบัติของพ่อ
เมื่อเราเริ่มออกเดินทางโดยไม่พยายามเชื่อมโยงกับเป้าหมาย หรือจุดประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ใด ๆ เราจะได้พบขุมทรัพย์แห่งความสุขที่แท้จริง ในแต่ละช่วงเวลา อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
ลูกชายที่ไม่ได้เรื่อง
นักปราชญ์ผู้หนึ่ง เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองท้องถิ่นของหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งทุกคนภายในหมู่บ้านก็ต่างยอมรับเขาในกลาย ๆ ด้าน จึงทำให้เขาได้รับการยกย่องจากหลายคน และมีหลายคนเช่นกัน ที่เข้ามาขอคำปรึกษากับเขาอยู่เสมอ
แต่ถึงอย่างนั้น Jek ลูกชายของเขา ก็เป็นคนที่ขี้เกียจมาก Jek เสียเวลาไปกับการนอนหลับ และการใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ ตลอดทั้งวัน โดยไม่สนใจคำแนะนำหรือคำบ่นใด ๆ จากพ่อของเขาเลย
จนกระทั่งหลายปีผ่านไป นักปราชญ์ก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคตของลูกชายมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะในตอนนี้เขามีความจำเป็นที่จะต้องมอบบางสิ่งบางอย่างให้กับลูกชายของเขา เพื่อที่ต่อจากนี้ไป Jek จะได้ดูแลตัวเองและครอบครัวได้ โดยไม่มีเขาอยู่ด้วย
ไม่คาดคิด
จึงทำให้ในรุ่งเช้าของวันถัดมา นักปราชญ์จึงตัดสินใจเรียกลูกชายเข้ามาที่ห้องทำงานของเขาแล้วพูดว่า “Jek ตอนนี้ลูกก็ไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไปแล้ว ลูกต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบและเข้าใจชีวิตบ้างนะ”
“ พ่ออยากให้ลูกค้นหาจุดมุ่งหมายที่แท้จริงในชีวิตของลูกให้พบ และเมื่อลูกพบมัน ก็จงจำไว้เสมอว่า ต่อจากนี้ไป ลูกจะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและความสุข”
เขาพูดพร้อมทั้งยื่นกระเป๋าให้ลูกชายไปหนึ่งใบ ซึ่งทันทีที่ Jek เปิดกระเป๋านั้นออกดู เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเขาได้พบว่าภายในนั้นมีเสื้อผ้า 4 ชุด สำหรับใส่ในแต่ละฤดูกาล
เรื่องน่าตื่นเต้น
นอกจากนี้ยังมีอาหารแห้ง ธัญพืช ถั่วฝักยาว เงินอีกจำนวนหนึ่ง และแผนที่ หลังจากนั้น นักปราชญ์ก็พูดต่อไปว่า “ พ่ออยากให้ลูกไปหาสมบัติ พ่อวาดแผนที่ ของสถานที่ที่สมบัติถูกซ่อนอยู่ไว้ให้แล้ว ลูกต้องไปหามันให้พบนะ”
ทันทีที่ฟังจบ Jek ก็รู้สึกชื่นชอบ และตื่นเต้นกับภารกิจที่พ่อมอบให้เขาเป็นอย่าง จึงทำให้ในวันรุ่งขึ้น เขาก็ได้ออกเดินทางในตอนเช้าตรู่ เพื่อเริ่มทำการค้นหาสมบัติของพ่ออย่างกระตือรือร้น
เพราะเขาต้องเดินทางไกลมาก ต้องข้ามเขตพรมแดนข้ามป่าเขา ที่ราบสูง และภูเขาต่าง ๆ อีกมากมาย
สิ่งที่แตกต่าง
การเดินทางของเขาเริ่มเนิ่นนานไปทุกที จากวันกลายเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์กลายเป็นเดือน เขาได้พบกับผู้คนมากมาย อีกทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากบางคน ในเรื่องอาหาร และบางครั้งก็เป็นที่พักพิง ซึ่งแน่นอนว่าหลายครั้งเขาต้องพบเจอกับโจรที่พยายามจะปล้นเขาด้วยเช่นกัน
ซึ่งยิ่งเดินทาง ฤดูกาล และภูมิทัศน์ ก็เริ่มเปลี่ยนผ่านไปอย่างช้า ๆ และหากวันใดสภาพอากาศไม่เป็นใจ Jek ก็จะหยุดพักหนึ่งวันก่อน และเมื่ออากาศปลอดโปร่งเขาจึงค่อยเดินทางต่อไป
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปกว่าขวบปี เขาก็มาถึงจุดหมาย ซึ่งสถานที่แห่งนี้ เป็นหน้าผาที่สูงชัน อีกทั้งแผนที่ก็ได้แสดงไว้อย่างชัดเจนว่า สมบัติถูกซ่อนไว้ ใต้ต้นไม้บริเวณหน้าผาแห่งนี้ไม่ผิดแน่
เป้าหมายที่วาดฝันไว้
Jek จึวเริ่มขุดดินในทันที เขาค้นหาและค้นหา ไปยังบริเวณรอบ ๆ ทั้งด้านข้าง ด้านใต้ แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
Jek ใช้เวลานานถึงสองวัน ในการค้นหาและขุดหาสมบัติ ณ ที่แห่งนี้ จนเมื่อถึงวันที่สาม เขาก็เริ่มเหนื่อยอ่อน และตัดสินใจหยุดพยายาม
เขาเดินหันหลังกลับพร้อมกับความรู้สึกเศร้า และผิดหวังกับคำโกหกของพ่อเป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจมุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อจะได้คุยถึงเรื่องนี้ แต่ระหว่างการเดินทางกลับนั้น เขาได้สัมผัสกับภูมิประเทศ และฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะต่าง ๆ
การเดินทางครั้งใหม่
ซึ่งในคราวนี้เขาได้หยุดชื่นชมตามสถานที่ต่าง ๆ เขาได้เพลิดเพลินไปกับดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ นกที่กำลังเต้นรำในช่วงมรสุม ชื่นชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางหมู่เมฆที่สวยงาม และเพลิดเพลินไปกับช่วงเย็นในช่วงฤดูร้อน
จน Jek รู้สึกตัวอีกที่ก็เมื่อเขาทราบว่า เสบียงที่เขาแบกไว้นั้น ใกล้จะหมดลงทุกที เขาจึงต้องเรียนรู้ที่จะล่าสัตว์และจัดเตรียมอาหารด้วยตัวเอง นอกจากนี้เขายังต้องเรียนรู้วิธีเย็บเสื้อผ้า และทำที่พักชั่วคราว
จึงทำให้ในตอนนี้ Jek สามารถทราบเวลาของวัน ได้ตามตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และสามารถวางแผนการเดินทางของเขาได้ตามเวลานั้นเช่นกัน อีกทั้งเขายังได้เรียนรู้วิธีป้องกันตัวเองจากสัตว์ป่าอีกด้วย
บทเรียนระหว่างทาง
นอกจากนี้เขายังได้พบกับผู้คนที่เคยช่วยเหลือเขาเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ แต่ในคราวนี้ เขาอยู่กับคนเหล่านั้นถึงสามวัน
เพื่อช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้น ด้วยวิธีการต่าง ๆ เป็นการตอบแทนในสิ่งที่เขาเคยได้รับมานั้นเอง
กระทั่ง Jek กลับมาถึงบ้านเขา ซึ่งเป็นเวลานานกว่าสองปีแล้วที่เขาออกจากที่นี่ไป เขาจึงรีบตรงเข้าไปในห้องทำงานของพ่อและพูดเสียงแข็งว่า “พ่อ” Jek กล่าว
การกลับมา
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นชายผู้เป็นพ่อ ก็รีบกระโดดเข้าไปสวมกอดลูกชายของเขาในทันที “การเดินทางของลูกเป็นอย่างไรบ้าง ลูกชายคนเก่งของพ่อ ลูกพบสมบัติไหม” ชายผู้เป็นพ่อถาม
“การเดินทางที่พ่อมอบให้ผมนั้นมันน่าสนใจมาก แต่ยกโทษให้ผมด้วย ที่ผมไม่สามารถหาสมบัติของพ่อได้ ผมคิดว่าอาจมีใครบางคนมาเอามันไปก่อนที่ผมจะไปถึงแล้วล่ะครับ”
แม้ Jek จะเป็นคนพูดไปแบบนั้น แต่เขาเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกไป เพราะที่ผ่านมาเขาโกรธพ่อของเขามาโดยตลอด แต่สิ่งที่พูดออกไปนั้นกับดูนิ่งเฉย ไร้ซึ่งความโกรธใด ๆ
ความสงสัย
“ลูกไม่ต้องคิดมากนะ เพราะแท้จริงแล้วมันไม่มีสมบัติอะไรเลยตั้งแต่แรก” พ่อตอบด้วยรอยยิ้ม
“อ้าว! แล้วทำไมตอนนั้น พ่อถึงส่งผมให้ออกไปหามันล่ะครับ” Jek ถาม
“พ่อจะบอกลูกถึงเหตุผลนั้นอย่างแน่นอน แต่ก่อนอื่นลูกต้องบอกพ่อมาก่อนว่า การเดินทางไปยังสถานที่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง? ลูกสนุกกับมันไหม? ” พ่อถามด้วยแววตาที่เป็นประกาย
คำตอบที่เฝ้ารอของพ่อ
“แน่นอนว่าไม่ครับพ่อ! เพราะในตอนแรก ผมกังวลมาก ว่าจะมีคนอื่นมาพบสมบัติก่อนที่ผมจะไปถึง ผมจึงรีบเดินทางไปให้ถึงหน้าผานั้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” Jek พูดต่อไปอีกว่า “แต่ระหว่างทางกลับบ้านนั้นมันต่างกัน ผมรู้สึกสนุกกับการเดินทางมากขึ้น
ผมได้รู้จักเพื่อนมากมาย และได้เห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติทุกวัน ผมได้เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงทักษะการเอาชีวิตรอดในป่าด้วยครับ ซึ่งมันมีอะไรมากมายที่ผมรู้สึกได้ว่า
ผมต้องเรียนรู้ที่ทำให้มันให้ได้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงลืมความเจ็บปวด จากความผิดหวังที่หาสมบัติของพ่อไม่พบ ไปได้อย่างง่ายดาย”
ความรู้สึก
เมื่อพ่อได้ฟังเช่นนั้น เขาก็พูดกับลูกชายไปว่า “ Jek ลูกรักของพ่อ ลูกดูโตขึ้นมากเลยนะ
เอาล่ะ!.....ความจริงแล้ว การเดินทางครั้งนี้พ่อจัดขึ้นเพียงเพราะอยากให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย แต่ถ้าหากลูกจดจ่อกับเป้าหมายมากเกินไป
ลูกก็จะพลาดสมบัติที่ล้ำค่าของชีวิต ไปเช่นกัน ซึ่งความจริงของชีวิตก็คือ มันไม่มีเป้าหมายใด ๆ เลยนอกจาก แค่ได้สัมผัส และเติบโตไปพร้อมกับมันทุกวันเท่านั้นเองลูก จงจดจำไว้ให้ดีนะ”
ดังที่ Roy M. Goodman กล่าวไว้ว่า “โปรดจำไว้ว่า ความสุขของการเดินทาง เกิดขึ้นระหว่างทางที่ไป ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง”
แปลและเรียบเรียงโดยเรื่องเล่าจากดาวนี้
ที่มา:
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
โฆษณา