16 ต.ค. 2020 เวลา 02:40 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา Diamond Grains ธัญพืช 200 ล้าน ที่ก่อตั้งโดยคู่รักอายุน้อย
“ช่วงแรกที่เงินลงทุนหมดลง ผมแทบไม่มีเงินเหลือสำหรับกินข้าว”
นี่คือคำพูดของคุณวุฒิกานต์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Diamond Grains แบรนด์ธัญพืชอบกรอบชื่อดังของเมืองไทย
รู้ไหมว่า Diamond Grains ที่หลายคนรู้จักกันนี้ มีรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท
และที่น่าสนใจคือ Diamond Grains เกิดมาจากคู่รักวัยรุ่น ที่เริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย
เรื่องราวของ Diamond Grains เป็นอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ Diamond Grains เกิดมาจากคู่สามีและภรรยา คุณวุฒิกานต์ วงศ์ดีประสิทธิ์ และคุณชนิสรา วงศ์ดีประสิทธิ์
Cr. ผู้จัดการออนไลน์
คุณวุฒิกานต์ เป็นคนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักธุรกิจตั้งแต่ยังเด็ก จึงตัดสินใจไปเรียนต่อด้านการค้าระหว่างประเทศที่ประเทศจีน
ขณะที่คุณวุฒิกานต์ศึกษาอยู่ที่ประเทศจีน คุณชนิสรา ก็กำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยเช่นกัน
ทั้งคู่ปรึกษาเรื่องการทำธุรกิจกันเป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพที่ทั้งสองคนให้ความสนใจ เพราะเริ่มมองเห็นว่าเทรนด์นี้กำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ
วันหนึ่งคุณชนิสรา ได้ยินเพื่อนๆ พูดกันว่า “อยากมีสุขภาพดี จึงอยากงดอาหารประเภทแป้ง”
คุณชนิสรา จึงเริ่มมีความคิดว่า อีกไม่นานธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพก็น่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นในไทย
1
จึงเริ่มทดลองอบธัญพืชด้วยเตาอบในหอพักในมหาวิทยาลัย แล้วนำไปให้เพื่อนที่มหาวิทยาลัยทดลองชิม และเอาคำแนะนำที่ได้จากเพื่อนๆ มาพัฒนาสูตรด้วยตัวเอง
โดยเมนูที่คุณชนิสรา ทำออกมา เรียกว่า “กราโนลา” หรือก็คือ ธัญพืชไม่ขัดสี ที่อบรวมกันจนกรอบ
เมื่อคุณวุฒิกานต์ ศึกษาจบจากจีนและกลับประเทศไทย ทั้งคู่ก็ตัดสินใจว่าจะผลิตกราโนลาให้เป็นธุรกิจอย่างจริงจัง เพราะมองว่าตลาดนี้ยังเป็นตลาดใหม่ และยังไม่มีคนทำมาก่อน
ทั้งคู่เริ่มนำเงินที่ได้จากทางบ้าน ไปเช่าโรงงานเพื่อผลิตกราโนลา และตั้งชื่อแบรนด์ว่า “Diamond Grains”
คุณชนิสราและคุณวุฒิกานต์ เริ่มจากการนำ Diamond Grains ไปวางจำหน่ายตามร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เกือบทุกร้านปฏิเสธไม่รับมาวางจำหน่าย เพราะมองว่ากราโนลาเป็นสินค้าที่ขายได้ยาก
พอเป็นแบบนี้ จึงทำให้ช่วง 2-3 ปีแรก Diamond Grains ทำรายได้ได้น้อยมาก และเงินที่ทั้งคู่ลงทุนไป ก็เหมือนกำลังจะสูญเปล่า
แต่ทั้งสองคนก็ยังเชื่อว่า กราโนลาที่ทั้งคู่ผลิตออกมา เป็นสินค้าที่ดี มีคุณภาพ และแม้จะยังไม่ประสบผลสำเร็จในการตีตลาดในตอนแรก แต่ก็ยังคงพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นต่อไป
Cr. Diamond Grains
ด้วยความตั้งใจและความพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง บวกกับกระแสรักสุขภาพที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในประเทศไทยตามที่ทั้งสองคนเคยคาดไว้ กราโนลาของ Diamond Grains จึงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
จนมาวันนี้ Diamond Grains เติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถเข้าไปวางขายในร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ ของไทย
แล้วผลประกอบการของ Diamond Grains ช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?
รายได้และกำไรของ บริษัท บรันช์ไทม์ จำกัด ผู้ผลิต Diamond Grains
ปี พ.ศ. 2560 รายได้ 263 ล้านบาท กำไร 21 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2561 รายได้ 280 ล้านบาท กำไร 21 ล้านบาท
ปี พ.ศ. 2562 รายได้ 225 ล้านบาท กำไร 30 ล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ ในปี พ.ศ. 2556 ซึ่งเป็นปีแรกที่จดทะเบียนบริษัท Diamond Grains ทำรายได้ไปได้เพียงหลักหมื่นบาทเท่านั้น แต่มาวันนี้รายได้ของบริษัททะลุ 200 ล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว
และที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือ ในวันที่ทั้งคู่เริ่มทำกราโนลาขายในช่วงแรก คุณวุฒิกานต์และคุณชนิสรา มีอายุเพียง 22 ปี และ 19 ปี เท่านั้น
เรื่องนี้กำลังบอกเราว่า “อายุ” อาจไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ธุรกิจที่เราทำจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และจับเทรนด์ของผู้บริโภคให้ได้
และถ้าวันนี้เรากำลังเจอช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็อย่าเพิ่งล้มเลิกหรือยอมแพ้ง่ายๆ
ลองพยายามดูอีกครั้ง เหมือนกับคุณวุฒิกานต์และคุณชนิสรา
เพราะถ้าทั้งคู่ล้มเลิกความตั้งใจในการทำธุรกิจไปตั้งแต่ในวันที่เงินทุนกำลังจะหมดลง
ก็คงไม่มี Diamond Grains อย่างที่เราเห็น ในวันนี้..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า ชื่อของ Diamond Grains มาจากอะไร?
คำตอบก็คือ คุณวุฒิกานต์และคุณชนิสรา เปรียบกระบวนการผลิตกราโนลา เหมือนกับการเจียระไนเพชร
การเจียระไนเพชรต้องใช้ความพิถีพิถันมากเท่าไร
การจะทำให้กราโนลามีคุณภาพดีได้
ก็ต้องพิถีพิถันในขั้นตอนการผลิต ไม่ต่างกับการเจียระไนเพชรเช่นกัน
แบรนด์นี้ ก็เลยมีชื่อว่า “Diamond Grains” นั่นเอง..
Cr. Diamond Grains
โฆษณา