16 ต.ค. 2020 เวลา 17:10 • สุขภาพ
ศูนย์พิษฯ รพ.รามาเตือน
โดน "น้ำสีฟ้า"อย่าทำแบบนี้
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการฉีดน้ำที่มีลักษณะเป็นสีฟ้าไปยังกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563นั้น
เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 18 ตุลาคม 2563 เฟซบุ๊คเพจ Ramathibodi Poison Center ซึ่งเป็นของศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี โพสต์ข้อความว่า ความเชื่อผิดๆ... อย่าหาทำ!!
เรื่องสีที่ฉีดใส่ผู้ชุมนุมมีคนปล่อยข่าวให้เอามะนาว เอาวิตามินซีใส่อีกแล้ว
(คนนะไม่ใช่ข้าวผัด... พวก fake news จะใส่มะนาวทุกงานให้ได้เลย)
.
สีที่ติดเป็น tag พวกนี้เขาติดบนหนังกำพร้า 3-7วันก็จางเอง (ค่อยๆลอกไปกับหนังกำพร้าตามธรรมชาตินี่ล่ะ) สีบางตัวใส่เข้มมากก็มีระคายเคืองนิดหน่อยบ้าง
.
ที่เราต้องกังวลคือสารระคายเคืองอื่นที่อยู่ในน้ำที่ฉีด... ที่ให้ล้างตัว ล้างตา เอาคอนแทคเลนส์ออก เอาเสื้อผ้าที่เลอะออก และดูแลทางเดินหายใจต่างหาก
.
ปล.คนแสบผิวอยู่แล้วยังให้เอามะนาวบีบใส่... เอาวิตามินซี(ซึ่งเป็นกรด)บีบใส่... จิตใจมันทำด้วยอะไร ถึงปล่อยความเชื่อแบบนี้ออกมา แค่คิดยังแสบเลย
.
นอกจากนี้ ในเวบไซต์ศูนย์พิษวิทยา ยังระบุเกี่ยวกับสารปราบจลาจล ไว้ว่า
สารในกลุ่มนี้ ได้แก่ สารซึ่งก่อความระคายเคืองต่อเยื่อเมือกต่างๆ เช่น เยื่อบุตาทำให้น้ำตาไหล บางคนจึงเรียกว่า "แก๊สน้ำตา" เช่น chloroacetone, chloroacetophenone, chloropicrin เป็นต้น
และเกิดความระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ สารพวกนี้ในอุณหภูมิปกติจะอยู่ในสภาพผลึกของแข็ง เมื่อใช้จะถูกทำให้เป็นไอระเหย หรือเผาไหม้แล้วกลับตกลงมาเป็นละอองฝุ่น
ลักษณะที่พบในเวชปฏิบัติ
สารในปริมาณที่ใช้ปราบจลาจล จะระคายเคืองต่อตาทำให้เกิดอาการปวดแสบร้อนที่ตา, ตาแดงอักเสบ, น้ำตาไหล, เปลือกตาเกร็ง และทำให้เกิดอาการทางระบบหายใจ เช่น จาม, สำลัก, แน่นจมูก, แน่นหน้าอก และหายใจขัด
ถ้าอากาศชื้นหรือผิวหนังเปียก อาจทำให้เกิดตุ่มพองตามผิวหนังได้ อาการดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นทันทีและคงอยู่ประมาณ 5-30 นาที
ในระดับความเข้มข้นที่สูงมากๆ จะทำให้เยื่อเมือกของอวัยวะทุกระบบบวม และอักเสบอย่างรุนแรง มีอาการปอดบวมน้ำ และเลือดออกที่ต่อมหมวกไตจนถึงแก่ความตายได้
การป้องกันและรักษา
1. หน้ากากป้องกันไอพิษ สามารถใช้ป้องกันได้ดีมาก การใช้ผ้าชุบน้ำปิดตา, จมูก และปากก็สามารถป้องกันได้ เพราะสารกลุ่มนี้ไม่ละลายน้ำ
2. รีบเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังบริเวณเหนือลม ที่มีอากาศบริสุทธิ์ หันหน้าไปทางที่ลมพัดมา ห้ามขยี้ตา น้ำตาเป็นเครื่องป้องกันตามธรรมชาติ และจะช่วยล้างพิษออก
3. ใช้แปรงปัดละอองฝุ่นของสารพิษออกจากเสื้อผ้า และเมื่อมีโอกาสถอดเสื้อผ้าออกให้ชำระล้างร่างกาย ด้วยน้ำ และสบู่ให้สะอาด
4. ล้างตาด้วยน้ำเกลือปกติ (NSS) หรือน้ำยา ringer lactate จำนวนมาก ถ้าไม่มีใช้น้ำธรรมดาก็ได้ แต่จะทำความระคายเคืองต่อตาได้มากกว่า
5. ยาหยอดตา และขี้ผึ้งป้ายตา ที่มี corticosteroid จะช่วยลดการอักเสบได้
6. อาการอื่นๆ ให้การรักษาตามอาการ
อ้างอิง
ศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี
โฆษณา