19 ต.ค. 2020 เวลา 07:30 • ไอที & แก็ดเจ็ต
iPhone 12 น่าผิดหวัง?
ก่อนอื่น ต้องถามว่าคุณคาดหวังสิ่งใดเป็นพิเศษ ก่อนการเปิดตัว iPhone 12
ในฐานะที่เป็นผู้ติดตามความเคลื่อนไหวของแอปเปิล และได้ใช้เวลาช่วงเช้ามืดของวันที่ 14 ตุลาคม ในการเฝ้าดูว่า Apple Event ในเดือนตุลาคม จะมีอะไรบ้าง
แน่นอนว่า พระเอกของงานย่อมต้องเป็น iPhone 12 ที่มีด้วยกัน 4 โมเดล ตามข่าวลือที่มีมาเนิ่นนาน
ในความเห็นส่วนตัว เฉยชากับคำว่า "เป็นไปตามข่าวลือที่เปิดเผยมาก่อนหน้านี้" เนื่องจากการเก็บความลับผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามในยุคนี้ เป็นเรื่องยาก เพราะมีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ความลับสามารถรั่วไหลได้ทุกเมื่อ หรือแม้กระทั่งเป็นความตั้งใจปล่อยให้หลุด เพื่อจุดกระแสให้เกิดการติดตาม
พร้อมกันนี้ ถ้าสังเกตถึงทิศทางและความเป็นไปของวงการเทคโนโลยี ก็อาจจะพอคาดเดาได้ว่า เนื้อในของ iPhone 12 จะบรรจุอะไรเพิ่มเติมเข้ามาบ้าง
เมื่อเวที Apple Event รูดม่านขึ้น แอปเปิลเปิดตัว HomePod mini เป็นชิ้นแรก ซึ่ง HomePod mini เป็นผลิตภัณฑ์ที่แอปเปิลหวังกู้ชื่อเสียงคืน ภายหลัง HomePod ที่เคยเปิดตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อน ได้รับเสียงตอบรับที่ไม่ดีนัก โดยเฉพาะเรื่องของราคา ในขณะที่คู่แข่งจากฟากฝั่ง Amazon และ Google ต่างทำราคาลำโพงประเภทนี้ได้ถูกกว่ากันหลายดอลลาร์
HomePod mini ลำโพงตัวใหม่ที่แอปเปิลมาทำตลาดสงครามราคา
นั่นจึงไม่แปลกที่แอปเปิลต้องกลับมาตีโจทย์ใหม่ ซึ่งก็ไม่ยาก ลดสเปก ลดราคา และตั้งชื่อใหม่ว่า HomePod mini สอดคล้องกับนโยบายระยะหลังของแอปเปิลที่มีความชัดเจนว่า การทำตลาดด้วย “ราคา” เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ หากอยากได้ฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น ประจักษ์พยานเห็นอยู่ชัดๆ กับผลิตภัณฑ์อย่าง iPhone SE 2020 และ Apple Watch SE
พิธีการดำเนินมาถึงการเปิดตัว iPhone 12 สิ่งที่รู้สึกได้แทบจะทันที นั่นคือ แอปเปิลกั๊กของดีไว้ปีหน้าแน่ๆ เพราะการนำเสนอผ่านพรีเซนเทชันของ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ไม่มีสิ่งใดที่สลักสำคัญ
จริงอยู่ว่า การเชื่อมต่อไร้สาย 5G ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดอย่างหนึ่งในเวลานี้ แต่เมื่อเหลือบมองไปถึงความพร้อมของ 5G ในสหรัฐอเมริกา จนถึงตอนนี้ผู้ให้บริการรายใหญ่ก็ยังไม่สามารถพัฒนาเพื่อให้เข้าสู่ระบบ 5G ได้ทัน อีกทั้งการทดสอบประสิทธิภาพของ 5G ก็ทำได้ดีกว่า 4G เพียงแค่ 1.8 เท่า ยังห่างไกลกับมาตรฐานที่ควรจะเป็นของ 5G ที่ควรเร็วกว่า 4G 10-20 เท่า นั่นหมายความว่า iPhone 12 จะยังไม่สามารถใช้งาน 5G ได้เต็มประสิทธิภาพ
สงครามมือถือ 5G หัวเว่ยได้แอปเปิลเป็นคู่แข่งหน้าใหม่
ส่วนในประเทศไทยนั้น ไม่ต้องพูดถึง ยังขาดองคาพยพที่จำเป็นต่อการพัฒนา 5G อีกเพียบ เพราะต้องไม่ลืมว่า เทคโนโลยี 5G ไม่ได้มีแค่เรื่องของ “เน็ตที่เร็วกว่า 4G” แต่ยังมีเรื่องของการนำ 5G ไปใช้ในอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาประเทศ การยกระดับคุณภาพชีวิต การนำไปใช้ทางการแพทย์ การพัฒนาเมือง ขณะที่หน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลักดัน 5G ในประเทศไทย ก็ยังไม่มีความพร้อมในเรื่องนี้ด้วย เมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย
ผู้สันทัดกรณี เชื่อว่า กว่าที่ 5G บนเวทีโลกจะอยู่ในสถานะที่พร้อมใช้งาน คงต้องรอไม่ต่ำกว่า 2 ปี เนื่องจากดีไวซ์ที่รองรับ 5G ยังมีน้อย และส่วนน้อยที่ว่านั้นก็มีราคาแพงมากด้วย เช่นเดียวกับแอปพลิเคชันที่รองรับ 5G มีจำนวนจำกัด
แต่เรื่องนี้ เราสามารถทำความเข้าใจได้ เพราะแอปเปิลรอไม่ได้แล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่ iPhone 12 ต้องมีฟีเจอร์ 5G ไม่ว่าความพร้อม 5G ในสหรัฐอเมริกาจะพร้อมหรือไม่ก็ตาม เนื่องจากคู่แข่งของแอปเปิลอย่างซัมซุงและหัวเว่ย ต่างพกพาฟีเจอร์ 5G ลงในสมาร์ทโฟนระดับท็อปหมดแล้วทั้งสิ้น ถ้าแอปเปิลไม่มี 5G ใน iPhone 12 เท่ากับว่า แอปเปิลเป็นฝ่าย “ล้าหลัง” คู่แข่งทันที
แม้จะคิดไปล่วงหน้าแล้วว่า Apple Event ในเดือนตุลาคมนี้ แอปเปิลจะไม่มีเทคโนโลยีใดๆ อีกแล้ว แต่ในใจก็ยังมีความคาดหวังว่า แอปเปิลจะหักมุมคนดูให้ช็อกตาค้าง ด้วยการทิ้งท้ายในประโยคเด็ด One more thing... ก่อนรูดม่านปิดงาน
สุดท้ายเป็นฝันลมๆ แล้งๆ ไม่มีอะไรในกอไผ่
iPhone 12 ชูประเด็นเรื่องกล้องที่ดีกว่าเดิม
จริงอยู่ว่า การพูดถึงเรื่องของกล้องที่ดีกว่าเดิม มี LiDAR สแกนเนอร์ที่จะช่วยยกระดับเรื่องของ Augmented Reality ยกระดับการถ่ายภาพให้ดูโปรขึ้น มีออโต้โฟกัสที่รวดเร็ว การถ่ายภาพในเวลากลางคืนที่มีคุณภาพขึ้น รวมถึงฟีเจอร์ ProRAW ที่จะเข้ามาช่วยให้การปรับแต่งภาพทำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งการปรับโฉมการออกแบบ โดยหยิบยืมรูปลักษณ์ของ iPhone 4 และ iPhone 5s ให้มาอยู่บน iPhone 12 และเพิ่มสีฟ้าที่ทำออกมาได้สวยจนน่าดึงดูดใจอยู่ไม่น้อย
แต่เมื่อมองถึงภาพรวมของ iPhone 12 ทั้งหมดแล้ว สิ่งที่ดูจะเป็นไฮไลต์จริงๆ ก็มีแค่เรื่องของการเชื่อมต่อไร้สาย 5G เท่านั้น พูดกันตามตรง จุดขายแค่ 5G มันยังเบาบางเกินไป ไม่สมกับเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงสักเท่าไรด้วยซ้ำ
iPhone 12 รุ่นแรกที่มี 5G
ผมคิดว่า ถ้าหากต้องการใช้ iPhone เพราะมีฟีเจอร์ 5G คงเป็นการซื้อที่ไม่คุ้มค่านัก สู้ลองกัดฟันเก็บเงินก้อนนี้เอาไว้สัก 1-2 ปี และรอให้ 5G มีความพร้อมมากกว่าที่เป็นอยู่ ซื้อตอนนั้นก็คงไม่สาย
อย่างไรก็ดี ตรงนี้ต้องขีดเส้นใต้หนาๆ เอาไว้เลยว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ซื้อ iPhone รุ่นใหม่ในทุกๆ ปีอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา กดพรีออร์เดอร์ แล้วรอวันที่ iPhone 12 จะมาอยู่บนมือของคุณได้เลย
ผู้เขียน: Wiwat Rungsaensuksakul
กราฟิก: Varanya Phae-araya
👇 อ่านบทความต้นฉบับ 👇
โฆษณา