20 ต.ค. 2020 เวลา 01:19 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เจาะโทรศัพท์ 5 รุ่น ราคาต่ำกว่า $700 ทางเลือกแทน iPhone 12
 
iPhone 12 ของ Apple นั้น มีจุดขายที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ 5G กล้องสองตัว และสามตัวสำหรับเวอร์ชั่น Pro ระบบการประมวลผลอันทรงพลัง และความบาง การออกแบบที่เบาๆกว่า iPhone 11
แต่ในความเป็นจริงนั้น แม้จะมีการลดราคาจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ตาม ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถซื้อโทรศัพท์ราคา 700 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 22,400 บาท หรือราคามากกว่านั้น หรือจะซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ได้ (ราคา iPhone เริ่มต้น 699 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับ iPhone 12 mini) นั่นก็เพราะว่า โลกแห่งความเป็นจริงคือ เรากำลังเผชิญกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสไปทั่วโลกนั่นเอง
หากคุณเป็นผู้ได้รับผลกระทบ และยังต้องการ การอัพเกรดโทรศัพท์ ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ อุปกรณ์ 5G อื่นๆ Good Sharing ขอนำเสนอทางเลือกต่างๆเพื่อให้สบายกระเป๋าของทุกท่านค่ะ
หากยังต้องการใช้ 5G มาเริ่มกันเลยค่ะ
Google Pixel 4a 5G
สำหรับหลายคน การเชื่อมต่อแบบ 5G อาจจะไม่ใช่เหตุผลที่จะซื้อเครื่องใหม่เพื่อให้ได้โทรศัพท์รุ่นใหม่ขึ้น เพราะโครงข่าย 5G ยังต้องใช้เวลาพัฒนาสร้างเครือข่าย แต่สำหรับอีกหลายๆคนที่อาศัยอยู่ในเมือง ซึ่งมี 5G แล้ว ก็คงอยากจะลองของใหม่ โครงข่ายที่เร็วกว่า ซึ่ง Google Pixel 4a 5G น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ราคาของเครื่องเริ่มต้นที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 15,968 บาท โดย Google เองก็สร้างความประหลาดใจด้วยการไม่ลงเล่นในสนามสมาร์ทโฟนที่ราคาแพงหูฉี่ ด้วยการเปิดตัวอุปกรณ์แทบเบล็ตล่าสุดที่ชื่อว่า Pixel เมื่อต้นเดือนนี้ โดย Pixel 4a 5G นี้ เป็นตัวอัพเดทจาก Pixel 4a สมาร์โฟนราคาถูกที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งราคารุ่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย อยู่ที่ 349 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 11,168 บาท
ราคาที่ถูกกว่าย่อมหมายถึงต้องยอมลดสเป็คบางอย่าง เช่น โทรศัพท์ Pixel รุ่นใหม่ล่าสุดนี้มีการแสดงผลที่มีความละเอียดต่ำลง และมีระบบการประมวลผลที่ช้ากว่าอุปกรณ์ชั้นนำอื่นๆ และ Pixel 4a 5G นั้น ไม่กันน้ำ
แต่อุปกรณ์ดังกล่าวมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.2นิ้ว พร้อมกับกล้องที่พัฒนาจาก Pixel 4a มีความจุ 128GB เพราะฉะนั้น โทรศัพท์รุ่นนี้คือเครื่องใหม่ล่าสุดในระบบแอนดรอด์ และที่สำคัญรองรับการเชื่อมต่อแบบ 5G ในราคาที่ถูกลงกว่าอุปกรณ์ 5G ส่วนใหญ่ในท้องตลาด โทรศัพท์รุ่นนี้ จะเปิดตัวในเดือน พ.ย.
Motorola One 5G
นอกจากการเชื่อมต่อกับ 5G แล้ว อุปกรณ์นี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายฟีเจอร์ ซึ่งรวมถึงหน้าจอ Full HD ขนาด 6.7 นิ้ว มีกล้องหลังสี่กล้อง และมีความจุ 128 GB ที่มากับตัวเครื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีขนาดแบตเตอร์รี่ 5,000 mAh (มีความจุขนาดใหญ่กว่า แบตเตอร์รี่ของ iPhone 12 ถึงสองเท่า และคาดว่าการเชื่อมต่อ 5G จะกินแบตเตอร์รี่อย่างมาก)
สิ่งที่ทำให้โทรศัพท์รุ่นนี้ไม่ค่อยน่าสนใจคือ ตัวเครื่องทำจากพลาสติค ไม่ใช่กระจก และมี RAM แค่ 4GB เท่านั้น
ทั้งนี้ Motorola One 5G เริ่มต้นที่ 445 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 14,240 บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่น่าสนใจหากเปรียบเทียบกับเครื่องสมาร์ทโฟน 5G ในท้องตลาด
Samsung Galaxy A51 5G
Samsung ทำได้ดีทีเดียวในการทำให้โทรศัพท์เทคโนโลยีขั้นสูงออกมาในราคาที่ถูกลง และปีนี้ กลุ่ม Galaxy เข้ามามีบทบาทสำคัญ
A51 5G มีหน้าจอแสดงผลแบบ Full-HD ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมกล้องสี่ตัวด้านหลัง การอ่านลายนิ้วมือบนหน้าจอ และแบตเตอร์รี่ความจุขนาดใหญ่ แม้จะไม่ได้มีระบบประมวลผลที่เร็วที่สุดในโลก แต่ด้วยราคา 499 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 15,968บาท ก็มีฟีเจอร์มากมาย ล้ำหน้ามากกว่าโทรศัพท์ราคาแพง
แต่ถ้ายังต้องการใช้ iPhone ล่ะ
iPhone SE
เมื่อต้นปี Apple ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนราคาประหยัด เน้นลูกค้ากลุ่มที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ราคาย่อมเยา นั่นก็คือ iPhone SE
สมาร์ทโปนดังกล่าวเริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 12,768 บาท แต่ยังคงนำเสนอพลังการประมวลผลของ iPhone 11 ที่ราคาสูงกว่า หน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว มีปุ่ม Home และ Touch ID ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่มีใน iPhone รุ่นใหม่ๆ
iPhone SE มีกล้องหลังหนึ่งตัว เมื่อเทียบกับกล้อง 2 หรือ 3 ตัวใน iPhone รุ่นหลัง แต่อย่าลืมว่า ตอนนี้เราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับบ้าน กล้องแบบไฮเทค อาจจะไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไหร่
หากต้องการที่จะจ่ายเพิ่มอีกนิด ก็อาจจะซื้อ iPhone รุ่นก่อนหน้าที่ร้าน Apple ก็ได้ เพราะเมื่อมีการประกาศเปิดตัว iPhone 12 Apple ก็จะลดราคาพวก iPhone X และ iPhone 11 ซึ่งตอนนี้ราคาก็จะเริ่มต้นที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 15,968บาท และ 599 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 19,168 บาท ตามลำดับ
หากต้องการแต่โทรศัพท์ธรรมดาที่เน้นการทำงาน
Moto G Power
บางทีแค่สมาร์ทโฟนธรรมดาที่สามารถใช้งานได้ เช่นแค่ โทรศัพท์ เช็คอีเมล์ และไม่ดับในช่วงเวลาคับขัน เราอาจจะต้องการแค่นั้นจริงๆ และ Moto G Power สามารถตอบโจทย์ได้ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวอ้างว่ามีความจุแบตเตอร์รี่ 5,000 mAh ซึ่งสามารถเปิดเครื่องได้นาน 16 ชั่วโมงด้วยการชาร์จเพียงแค่ครั้งเดียว (แม้ว่าแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับหน้าจอ 6.4 นิ้ว ทำให้โทรศัพท์แลดูจะหนักไปหน่อยก็ตาม)
หน้าจอแสดงผลของอุปกรณ์นี้ที่มาพร้อมกับกล้องหลังสามตัว ไม่สามารถเทียบเคียงกับโทรศัพท์รุ่นแพงๆได้ แต่ในแง่ราคาดูจะประหยัดใช้ได้เลยค่ะ
Moto G Power เริ่มต้นที่ 249 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 7,968 บาท แต่เมื่อซื้อผ่านเว็บไซต์ Motorola จะอยู่ที่199 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6,368 บาทเท่านั้น
หมายเหตุ ราคาคิดที่อัตราแลกเปลี่ยน 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการอื่นในไทย
ปล. ขออภัยในเสียงจิ้งหรีดเรไรนะคะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา