22 ต.ค. 2020 เวลา 13:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ชาวโลกกังขา Miniso น้องใหม่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ธุรกิจเลียนแบบค้าปลีกญี่ปุ่น??
เชนร้านค้าปลีกที่ได้รับแรงบรรดาลใจในการทำธุรกิจจากญี่ปุ่น ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ แม้มีความท้าทายเรื่องการเติบโตที่ชะลอตัวลง
Miniso ผู้ดำเนินการร้านขายของลดราคาที่มีสินค้าหลากหลายได้ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ด้วยการดำเนินรอยตามรูปแบบธุรกิจค้าปลีกที่เป็นที่นิยมในหมู่ธุรกิจค้าปลีกในญี่ปุ่น
ด้วยจำนวนร้านเอาท์เล็ท (Outlet) มากกว่า 4,200 แห่งในกว่า 80 ประเทศและเขตการปกครอง Miniso ซึ่งได้เข้ามาเป็นบริษัทจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หวังว่าจะใช้การเป็นบริษัทจดทะเบียนนี้เพื่อเป็นเหมือนตัวส่งสำหรับการเติบโตแบบก้าวกระโดด แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเชนร้านค้าปลีกนี้ว่าลอกเลียนแบบร้านค้าปลีกเสื้อผ้าและของจิปาถะสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Uniqlo และ Muji แต่ Miniso ก็เติบโตล้ำหน้าบริษัทเหล่านั้นทั้งสองแห่ง
ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Miniso กล่าวว่า ความได้เปรียบด้านการแข่งขันของบริษัทคือ เรื่องการจัดการเรื่องต้นที่ทุนมีประสิทธิภาพสูงแบบไม่เคยมีใครทำมาก่อน และความถี่ในการออกสินค้าใหม่ๆ และเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมาได้มีพิธีเปิดการซื้อขายครั้งแรกของหุ้น Miniso ในการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน โดยราคาปิดวันแรกนั้นยืนเหนือราคา IPO ทำให้มูลค่าตามราคาตลาด หรือ Market Capitalization ของหุ้น Miniso อยู่ที่ราวๆ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 19 ต.ค.
ดูเหมือนว่าบริษัทจะสามารถชนะใจเหล่านักลงทุนได้ ทัง้นี้ Miniso ระดมทุนจาก IPO ได้ราวๆ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะนำเม็ดเงินดังกล่าวไปใช้ในการเปิดร้านใหม่และพัฒนาระบบสำหรับยุคหลังการแพร่ระบาดโควิด-19
Miniso เป็นหนึ่งในเชนร้านค้าปลีกลดราคาที่ใหญ่ที่สุดในจีน มีการขายสินค้ามากมายในราคา 10 หยวน หรือ 1.50 ดอลลาร์สหรัฐ และมีพนักงานประมาณ 3,000 คน
บริษัทมีการเติบโตแรงอย่างมาก เปิดร้านแรกในกวางเจาเมื่อปี 2556 และเมื่อ ส.ค. 2561 Miniso มีร้านเอาท์เล็ทมากกว่า1,000 ร้านในต่างประเทศ ในเดือนต่อมา Tencent ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตสัญชาติจีนและบริษัทอื่นๆได้เทเงินลงทุน 1 พันล้านหยวนใน Miniso
นอกจากนี้ Miniso ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนากับ Disney ในเดือนธ.ค. 2562 และในปีนี้ ไฮไลต์ที่สำคัญคือ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ค ของสหรัฐฯ โดย Tencent ถือหุ้น 4.8% ใน Miniso
ร้านเชนค้าปลีก Miniso ขายสินค้าทั้งหมด 8,000 ชิ้น จาก 11 ประเภทสินค้า เช่น เครื่องเขียน ของเล่น เครื่องสำอาง และขนมหวาน โดยสินค้าที่มีราคา 10 หยวนที่ขายในจีน ประกอบไปด้วย สำลีขนาด 800 ชิ้นต่อกล่อง สบู่เหลวล้างมือขนาด 500 มล. และเซ็ทไม้แขวนเสื้อ 5 ชิ้น นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่เป็นตัวคาเรคเตอร์จากการ์ตูนด้วย อย่างเช่น ตุ๊กตา Pikachu ราคา 35 หยวน ไปจนถึงขวดน้ำ Mickey Mouse ราคา 49.90 หยวน ส่วนใหญ่ 95% ของสินค้าที่ขายในร้านนี้ ราคาต่ำกว่า 50 หยวน
นโยบายการพัฒนาสินค้าของ Miniso ทำให้ต้องมีการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ 100 ชิ้น จาก ไอเดีย 10,000 ไอเดีย ทุกๆ 7 วัน โดยบริษัทเริ่มมีการทำงานร่วมกับแบรนด์ระดับโลกในปี 2562 และปัจจุบันมีคู่ค้า 17 ราย ซึ่งรวมถึง Disney และ Hello Kitty การที่มีสินค้าใหม่ และสินค้าที่เป็นคาร์เรคเตอร์ตัวการ์ตูน สามารถดึงดูดนักช้อปรุ่นเยาว์ได้ ทั้งนี้ประมาณ 6% ของลูกค้า Miniso ในจีนมีอายุต่ำกว่า 30 ปี
ซีอีโอของ Miniso เป็นคนจีนโดยกำเนิด หลังจากที่เขาได้เริ่มต้นธุรกิจเชนร้านขายอุปกรณ์แห่งหนึ่งในกวางตุ้ง เขาก็ได้ก่อตั้ง Miniso ในปี 2556 เขากล่าวว่า เขามีความชื่นชอบประเทศญี่ปุ่นอย่างมาก หลังจากที่ไปเที่ยวที่ประเทศนั้นบ่อยๆ เขาก็เห็นสินค้าจีนหลายอย่างที่ร้านค้าปลีกของญี่ปุ่น ซึ่งทำให้เขาเกิดแนวคิดที่จะเปิดเชนร้านขายของที่หลากหลายแบบนี้ในจีนบ้าง
คู่ค้าในระดับโลกของ Miniso นั้นมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Miniso ณ สิ้นเดือนมิ.ย. บริษัทมีเอาท์เล็ททั้งหมด 2,533 แห่งในจีน และ 1,689 แห่งในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น ใช้เวลาเพียงแค่ 7 ปีเท่านั้นหลังจากที่เปิดตัว Miniso ก็ได้กลายเป็นผู้ดำเนินการร้านขายของหลากหลายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร้านเอาท์เล็ทส่วนใหญ่ ดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นซึ่งลงนามข้อตกลงแฟรนไชส์กับ Miniso ส่วนในญี่ปุ่นนั้น Miniso มีร้านที่ห้างสรรพสินค้า Aeon Mall
ปกติแล้ว ร้าน Miniso จะเก็บสต็อคสินค้าไว้มากกว่า 8,000 ชิ้น ตั้งแต่เครื่องสำอาง ไปถึงของเล่น และอาหาร โดยผลิตภัณฑ์ของ Miniso นั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังพอมีช่วงเวลาหายใจบ้าง โดยจำนวนร้านไม่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส แต่ซีอีโอของ Miniso ตั้งเป้าว่าจะเปิดให้ได้ 10,000 ร้านนั้น หมายถึงจะมีแนวโน้มที่จะเปิดร้านเอาท์ล็ทใหม่ๆเร็วขึ้น หลังจากที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว
ผลการดำเนินงานของบริษัทนั้น ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสเช่นเดียวกัน โดยยอดขายในปีนี้จนถึง มิ.ย. ลดลงไป 4.5% จากปีที่แล้วเหลือ 8.9 พันล้านหยวน เนื่องจากมีการปิดร้านหลายแห่ง แต่เรื่องของการทำกำไร น่าจะเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่ามาก ทั้งนี้ Miniso ได้เปิดเผยผลประกอบการในสองปีงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ จากการที่ต้นทุนในการเปิดร้านสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรลดลง ทั้งในจีนและต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์สัญชาติจีนแห่งหนึ่งกล่าวว่า อัตรากำไรขั้นต้น หรือ Gross Profit Margin ของ Miniso นั้นต่ำกว่าบรรดาคู่อย่างมาก
Miniso ยังมีความท้าทายอื่นๆอีก เมื่อเดือนก.ย. เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากที่น้ำยาทาเล็บที่จำหน่ายนั้น พบว่ามีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งในสินค้าในสัดส่วนเข้มข้นถึง 1,400 เท่า มากกว่าที่กฎหมายกำหนด สื่อจีนได้รายงานว่า บริษัทได้มีความเกี่ยวข้องในคดีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอีก 10 คดี
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับต้นกำเนิดของบริษัท โดยเว็บไซต์ของ Miniso ในญี่ปุ่นกล่าวว่า บริษัทก่อตั้งโดยความร่วมมือของ ซีอีโอ Miniso และนักออกแบบชาวญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า Junya Miyake บริษัทกล่าวว่าได้ดำเนินการธุรกิจในโตเกียวก่อนที่จะไปดำเนินธุรกิจในจีน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวต่างจากข้อมูลบนเว็บไซต์ในจีน อีกทั้ง ที่อยู่ของ Miniso ในญี่ปุ่นที่จดทะเบียนไว้ ก็ไม่มีในญี่ปุ่น ทั้งนี้ Miniso กล่าวว่าจะดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดและการแปลที่ผิดพลาดในเว็บไซต์ของบริษัทต่อไป
ผู้สังเกตการณ์หลายคนกล่าวว่า โลโก้และธุรกิจของ Miniso เป็นการลอกเลียนแบบวิธีการของผู้ค้าปลีกสินค้าหลากหลายและเสื้อผ้าสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึง Uniqlo, Daiso และ Muji อย่างไรก็ตามบริษัทกล่าวว่าบริษัทได้ให้ความเคารพนับถือแบรนด์เหล่านั้น อีกทั้งสินค้าของบริษัท 11 ประเภท ก็ไม่ได้ซ้ำซ้อนกับสินค้าของบริษัทเหล่านั้น
เป็นที่น่าจับตาว่า เชนร้านกาแฟอย่าง Luckin Coffee ซึ่งโตเร็วกว่า Miniso มาก เพิ่งถูกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อเดือนมิ.ย. จากข้อหาการทุจริตทางบัญชี โดยนักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่าบริษัทมีการเติบโตที่เตลิดเปิดเปิง หลงทิศ จากการที่ได้เปิดร้านกาแฟมากกว่า 4,000 ร้านในช่วงสองปีแรก และนำมาซึ่งการตกแต่งข้อมูลทางบัญชีโดยเหล่าผู้จัดการของ Luckin Coffee ส่วนทางด้าน Miniso ก็ยังมีหลายประเด็นที่จะต้องแก้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเรื่องการเปิดเผยข้อมูล ก่อนที่บริษัทจะเริ่มขยายตัวได้อีกครั้ง
ที่มา:
ภาพ:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา