22 ต.ค. 2020 เวลา 10:12 • ประวัติศาสตร์
ความน่าสนใจในประวัติศาสตร์จีน เรื่องเล่าจากสุสาน
โดย พื้นฐานการลงทุนหมูน้อยออมเงิน
เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วหมูน้อยไปทริปฮ่องกงกับเพื่อนๆครับ ในทริปนั้นก็เป็นการท่องเที่ยวธรรมดา เน้นกินเสียเป็นส่วนใหญ่
ไม่ได้กินแบบพอเป็นพิธีด้วยนะครับ กินจริงจังมาก
พวกของมันๆ นี่ต้องยอมเลยว่าคนฮ่องกงทำอร่อยจริงๆ
ช่วงที่ขึ้นไปไหว้พระบริเวณ นองปิง เห็นกระถางลักษณะนี้ก็นึกถึงเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาได้
กระถางรูปแบบนี้ เป็นกระถางปรกติที่เราพบเห็นได้ทั่วไปตามศาลเจ้าหรือวัดจีน
สิ่งนี้เรียกว่า ติง(Ding) แปลว่า กระถาง หรือ cauldron
อักษร 鼎 เป็นตัวแทนของภาพกระถางครับ สมัยก่อนอักษรจีนจะถอดแบบอักษรมาจากภาพ ในบางครั้งเราจึงเรียกอักษรจีนว่าอักษรภาพ
ส่วนใหญ่ถ้าเป็นกระถางทรงกลม จะมี 3 ขา และทรงเหลี่ยมจะมี 4 ขา
ในสมัยก่อนนานมาแล้วประเทศจีนในยุคที่มีจักรพรรดิปกครอง การปรุงยาจีนและนำสรรพคุณของสมุนไพรต่างๆมาบำรุงร่างกาย เป็นเรื่องปรกติที่พบได้ทั่วไป
1
กระถาง 3 ขานี้ บางครั้งเรายังพบการใช้ในการประกอบพิธีกรรมที่ใช้ในการสื่อสารกับเทพเจ้าอีกด้วย
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวัตถุโบราณของประเทศจีนที่ยังคงส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน
แต่มีเรื่องเล่าเก่าแก่ ผ่านสู่กันมาว่านักพรตในสมัยโบราณสามารถบำเพ็ญตนจนกลายเป็น เซียน/ผู้วิเศษ ซึ่งหนึ่งในทักษะของนักพรตเหล่านั้นคือการปรุงยา และในบางครั้งก็เล่ากันว่าถึงขั้นสามารถปรุงยาอายุวัฒนะ ได้เสียด้วย
หนึ่งในมหาจักรพรรดิที่เรารู้จักกันดี จิ๋นซีฮ่องเต้ หรือ ฉินสื่อหวงตี้ จักรพรรดิพระองค์แรกที่รวมจีนกลายเป็นหนึ่ง
เมื่อพิชิตใต้หล้าได้แล้วสิ่งที่เป็นเป้าหมายถัดไปของพระองค์คือการพิชิตความตาย พระองค์ประสงค์ที่จะมีชีพอมตะ
จึงได้ออกคำสั่งให้ขุนพลออกไปตามหายาวิเศษ แต่สุดท้ายท่านก็ไม่ได้ยาอายุวัฒนะนั้นมา ในที่สุดก็ได้สร้างมหาสุสานขึ้นมาแทน ซึ่งการออกแบบสุสานของจักรพรรดินั้นตามความเชื่อของคนจีนสมัยก่อนว่ากันว่าไม่เพียงแต่จะสร้างให้สมฐานะของผู้ตายเท่านั้น
แต่ตัวหลุมศพของบรรพชนยังสามารถส่งต่อความรุ่งเรืองไปยังรุ่นถัดๆไปได้อีกด้วย
ดังนั้นการออกแบบสุสานของจักรพรรดิจึงเป็นสิ่งที่ถูกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ทั้งตำแหน่งที่ตั้งของตัวสุสาน สิ่งของที่ใช้ในการฝังร่วมต้องผ่านการคัดสรรมาอย่างดี(สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนคงคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้กันดีครับ)
https://www.travelchinaguide.com/images/map/qinshihuang-mausoleum-map.jpg
ปัจจุบันนี้เราได้เห็นนักโบราณคดีของประเทศจีนได้เปิดภายนอกสุสานเข้าไปได้และได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการแสกนโครงสร้างของสุสานออกมาได้คร่าวๆดังที่ท่านได้เห็นในภาพข้างบน
แต่ปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถเปิดเข้าไปถึงตัวสุสานหลักได้ เพราะมีทั้งกับดักที่ถูกบรรจุอยู่ในสุสาน และความกลัวว่าจะเกิดความเสียหายแก่สถานที่แห่งนี้
นิทรรศการสุสานจิ๋นซี
ภายในบันทึกโบราณได้บรรยายลักษณะของสุสานจิ๋นซีเอาไว้ว่า อาณาจักรใต้พิภพนั้น มีพระราชวังขนาดใหญ่อยู่ภายใน เพดานสุสานเป็นการจำลองภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนเอาไว้ โดยมีไข่มุกเป็นดวงดาวประดับ ประดาอยู่เต็มท้องฟ้า
มีแม่น้ำปรอท ล้อมรอบตัวสุสานเอาไว้ ซึ่งในยุคนั้นเชื่อกันว่า ปรอทนั้นเป็นยาอายุวัฒนะที่จะมอบชีวิตอันเป็นอมตะได้
เมื่อพูดถึงเรื่องแม่น้ำปรอท ในคราแรกเราอาจจะนึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าที่เสริมจิตนการของผู้บันทึกเอาไว้
แต่ปัจจุบันมีการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังไปแล้วและมีหลักฐานยืนยันได้ว่าภายใต้สุสานนั้นมีร่องรอยของปรอทปริมาณมหาศาลอยู่จริง!
ในอดีตนั้น มีเหล่าหัวขโมย(Tomb Raider) ที่ต้องการนำสมบัติฝั่งร่วมที่บรรจุอยู่ในสุสาน เพื่อนำมาขายให้ชาวต่างชาติเหมือนอย่างที่เราได้เห็นในหนังอยู่จริงครับ
และโทษของหัวขโมยเหล่านั้นหากถูกจับได้ขึ้นมาคือ "ความตาย" ฐานขโมยสมบัติของชาติ
ยกตัวอย่างในปี 2017
ศาลประเทศจีนได้ตัดสินให้ประหารชีวิต นาย Yao Yuzhong อายุ 55 ปี หัวขโมยสุสานระดับปรมาจารย์ผู้ทำอาชีพนี้มานานกว่า 30 ปี
ในข้อหา ขุดสุสานโบราณทำลายวัฒนธรรมของประเทศ และ ขายของตกทอดจากบรรพบุรุษให้แก่ชาวต่างชาติ
อย่างไรก็ดีเนื่องจากนาย Yao ให้การรับสารภาพจึงถูกเว้นโทษตาย
เกร็ดเล็กน้อยในภาษาจีน
คำว่า เซียน ที่เราคุ้นเคยกันดีซึ่งหมายถึงผู้วิเศษนั้น ในภาษาจีนคืออักษร 仙
ซึ่งประกอบด้วยอักษร ย่อย 2 ตัวคือ คำว่า
人 เหริน ที่แปลว่า คน
山 ซาน ที่แปลว่า ภูเขา
ในหนังจีนเราจึงมักจะได้เห็นบ่อยๆว่า หากผู้ใดต้องการฝึกฝนจนกลายเป็นเซียนจึงต้องปลีกวิเวกไปขึ้นภูเขา นั่นเองครับ
หวังว่าทุกท่านจะมีช่วงเวลาสนุกๆกับบทความของหมูน้อยก่อนวันหยุดยาวนี้ครับ
reference
กรณีเรื่องหัวขโมยสุสานถูกตัดสินประหารชีวิต
เอกสารเรื่องการศึกษา แม่น้ำปรอทในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ซีอัน
โฆษณา