23 ต.ค. 2020 เวลา 08:38 • สุขภาพ
กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปเริ่มทำการ Lock Down อีกครั้ง
เนื่องจากการไม่สามารถควบคุมการเปิดประเทศ กับ Covid-19 ระลอกที่ 2 ได้
สัปดาห์นี้ เราเห็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศ เช่น การเริ่มรับนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มแรก 100 คน
การลดระยะเวลา Quarantine ของนักท่องเที่ยวลงเหลือแค่ 10 วัน
หรือแม้กระทั่งคนที่เดินทางมาจากฝรั่งเศส หลังพ้นการกักตัวแบบ ASQ ไปได้แค่ 5 วันจากนั้นพบว่ามีอาการโควิค-19 ซะยั่งงั้นเลย (จากเพจคุณหมอสายดาร์ค)
เราไม่ได้บอกว่าการเริ่มเปิดประเทศนั้นเป็นเรื่องไม่ดีนะ มันก็คือดาบสองคม
แต่คำถามคือ เรามีวิธีการรับมือสำหรับการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวแล้วจริงๆใช่ไหมนะ ?
ย้อนกลับไปช่วงปลายเดือนสิงหาคม และกันยายน
ระหว่างที่โควิด-19 ระลอกที่ 2 กำลังระบาดแบบแฝงตัวอยู่ในกลุ่มประเทศยุโรป
ในขณะนั้นเอง ผู้คนเริ่มผ่อนคลาย ประเทศในยุโรปจำเป็นต้องเริ่มเปิดการท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ
- พิพิธภัณฑ์เกือบทั้งหมดในกรุงปารีส ถูกเปิดเพื่อให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้าชม
- ร้านกาแฟทุกๆร้านในบาเซโลน่า ประเทศสเปน ก็เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
- หรือแม้กระทั่งเทรนด์การท่องเที่ยวทะเลเมติเตอร์เรเนียน ก็ค่อนข้างป็อปปูล่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ และ สแกนดิเนเวียน
สิ่งที่เราเรียกว่าความเคยชิน อย่าง การไม่สวมหน้ากาก หรือแม้กระทั่ง Social distancing ก็ค่อยๆจางหายไป
แต่นี้คือสิ่งที่เปิดทาง ปูพรมแดงทำให้ Covid-19 ระลอกที่ 2 เข้ามาง่ายขึ้น (โดยเฉพาะจากคนต่างชาติ)
เหมือนทุกๆอย่างกำลังจะกลับมาดี แต่ก็ต้องถูกเบรคด้วยการ Lock Down อีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคมนี้
จาก The Economist
Spain และสาเหตุของการกลับมาระบาดรอบที่ 2 อย่างจริงจัง
- มีการถกเถียง และการลงมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ จากฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาของรัฐบาลประเทศสเปน
- การควบคุมในแต่ละแคว้นที่ไม่เหมือนกัน เช่น กรุงมาดริด ได้มีการตั้งกฏการกักตัวไว้ที่ 15 วัน และร้านอาหารทุกร้านจะต้องปิดภายใน 5 ทุ่ม
- ในขณะที่ แคว้นกาตาลุญญาที่มีเมืองใหญ่อย่าง บาร์เซโลนา กลับมีการบริหารที่แตกต่างกันออกไป
- แม้กระทั่งตอนนี้ Isabel Diaz Ayuso ผู้ว่าแห่งเมืองมาดริด ก็ยังออกมาแสดงถึงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการ Lock down เมือง Madrid อีกครั้ง
- โดยเธออ้างว่า ถ้าปิดเมืองครั้งนี้ เศรษฐกิจได้จมลงดินอย่างแน่นอน และทีมของเธอยังยืนยันว่าจะสามารถควบคุมการระบาดระลอกที่ 2 ได้
France อีกหนึ่งประเทศที่ควรจะ Lock down
- หลังจากที่การติดเชื้อโควิด-19 จะมีอัตราการเติบโตที่ 4.9% ประเทศฝรั่งเศสจึงได้ประกาศการใช้เคอฟิว ช่วง 3ทุ่ม - 6โมงเช้า
- โดยเป้าหมายของฝรั่งเศสคือการควบคุมและลดผู้ติดเชื้อลงให้ได้วันละมากกว่า 3,000 เคส ในปัจจุบันฝรั่งเศสมีผู้ป่วยโควิดอยู่ 41,000 ราย
Belgium สงสัยในกลุ่ม Flemish
- เป็นที่น่าแปลกที่เบลเยี่ยมยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่พวกเค้ายังไม่ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดมากนัก
- เบลเยี่ยมได้มีการสั่งปิดร้านอาหารตั้งแต่เวลา เที่ยงคืนเป็นต้นไป อยู่ตลอดเวลา
- ด้วยเหตุผลที่พวกเค้ายังไม่สามารถหาได้ พวกเค้าจึงมีข้อสันนิษฐานว่า ประชากรที่มีความใกล้ชิดกับทางฝรั่งเศส (Flemish) อาจเป็นต้นตอก็เป็นได้ (เพราะยอดผู้ติดเชื้อของฝรั่งเศสเพิ่ม)
Netherland ที่กลับมาใช้มาตรการ Full Lock Down ในเดือนตุลาคมนี้
- ถ้าแม้จำนวนผู้ป่วยของเมืองกังหันจะไม่ได้มากเท่ายุโรปประเทศอื่นๆ
- แต่ถ้ามองอัตราการเพิ่มขึ้นเนี่ย พบว่า เนเธอร์แลนด์มีเทรนด์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร หากเทียบกับสเปน หรืออิตาลี เพราะถ้าเพื่อนๆดูกราฟด้านล่าง เราแทบจะไม่เห็นเลยว่า ผู็ติดเชื้อลดลงไป
ในขณะที่กลุ่มประเทศยุโรปทางตะวันออกและตอนใต้ ก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน
- นายกรัฐมนตรีของประเทศบัลแกเรีย ออกมายอมรับว่าเจอปัญหาเรื่องของบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอ
- นั้นทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- Romania เริ่มตื่นตัวโดยการประกาศปิดสถานบันเทิงที่มีระบบอากาศปิดอย่าง โรงภาพยนต์ หรือโรงเรียนทั้งหมดในเดือนตุลาคม
- รัฐบาลของประเทศเซอร์เบียเริ่มจัดตั้งประชุมด่วนในการวางแผนการรับมือ (ถึงแม้ว่าประเทศของตัวเองยังไม่เจอผู้ติดเชื้อเท่าไร)
Germany กับระลอกที่ 2 ณ กรุงเบอร์ลิน
- ถึงแม้ว่าถ้าเทียบอัตราของผู้ติดเชื้ออาจจะไม่น่าห่วงเท่าประเทศอื่นๆในสหภาพยุโรป แต่ว่าปัญหาก็คือ เหล่านักท่องเที่ยวชาวเยอรมันที่ออกนอกประเทศเพื่อการท่องเที่ยวนะสิ........ ดันเป็นปัญหาของประเทศอื่น เพราะพบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวจากเยอรมันที่ติดเชื้อเยอะพอสมควร
- จากการใช้วิธี track-and-trace systems ทำให้รัฐบาลเยอรมันพอจะทราบได้ว่า ประชากรชาวเมือง Berlin มีอัตราส่วนการติดเชื้อที่เยอะที่สุด
- และสาเหตุหลักๆก็พบว่า เหล่าประชากรเมืองเบอร์ลิน ผ่อนคลายกันจนมากเกินไป เช่น นักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากการกักตัวแล้ว ไม่ได้มีมาตรการป้องกันความปลอดภัย อย่างการสวมหน้ากากหรือ social distance
- ที่น่าสงสัยตามมาก็คือ ทำไมนักท่องเที่ยวที่กลับมาหลังจากการกักตัว ถึงได้มีเชื้อโผล่มาอีกได้ ? (ยังไม่มีคำตอบนะ)
Italy กลายเป็นประเทศที่หวาดระแวงที่สุด
- อิตาลีน่าจะเป็นประเทศเดียวที่ได้รับบทเรียนที่แพงที่สุด และมีการระมัดระวังมากที่สุด
- อิตาลีครองแชมป์ในการควบคุมจำนวนผู้ป่วยได้ดีมาก
- จนกระทั่ง.... หลังวันที่ 11 ตุลาคม ที่จู่ๆจำนวนผู้ติดเชื้อก็พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
- แต่ในขณะนี้อิตาลียังหาคำตอบให้พวกเราไม่ได้นะ เพราะเค้ากำลังพยายามหาต้นตออยู่ แต่ส่วนตัวเราคิดว่า ไม่แปลกนะ ถ้าค้ามีการเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน หรือฝรั่งเศส
- การปิดร้านค้าในยามค่ำคืนก็อาจจะไม่ได้ช่วยมากขนาดนั้น
จบแล้วละเพื่อนๆ
แล้วเพื่อนๆมีความคิดอย่างไรกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทยเรากันบ้างเอ่ย ?
โฆษณา