24 ต.ค. 2020 เวลา 21:30 • ปรัชญา
“เปลี่ยนศรัทธาความเชื่อให้เป็นความจริงด้วยการพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติ”
ธรรมะรุ่งอรุณ ☀️
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๓
เรื่องของบุญเรื่องของบาป เรื่องของนรกเรื่องของสวรรค์ เรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องของการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดนี้เป็นเรื่องของจิตใจ จิตใจนี้เป็นนามธรรม ไม่ใช่ร่างกายที่เป็นรูปธรรม สิ่งต่างๆ ที่เราเห็นได้ด้วยร่างกายนี้เป็นรูปธรรม เช่น สิ่งที่เราเห็นได้ด้วยตาได้ยินด้วยหู ได้รับสัมผัสทางจมูกทางลิ้นหรือทางร่างกาย เป็นรูปธรรมเป็นสิ่งที่เราสามารถรับรู้ได้เห็นได้ด้วยร่างกายของเรา แต่เรื่องของบุญเรื่องของบาป เรื่องของผลของบุญคือสวรรค์ เรื่องผลของบาปคือนรก เรื่องผลของการเวียนว่ายตายเกิดของจิตใจนี้เป็นเรื่องของจิตใจ ที่เราไม่สามารถใช้ร่างกายเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ สิ่งที่เราจะพิสูจน์เรื่องของจิตใจได้ เราต้องอาศัยวิธีที่พระพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบ วิธีที่จะพิสูจน์เรื่องใจว่ามีจริงว่าไม่สูญว่าต้องไปเกิดใหม่ ต้องไปอยู่ในสวรรค์บ้าง อยู่ในนรกบ้าง ไปเกิดเป็นมนุษย์บ้าง ไปเกิดเป็นเดรัจฉานบ้าง นี้เป็นเรื่องของใจที่เราจะต้องพิสูจน์ด้วยใจ คือเราต้องเปิดใจ เปิดตาของใจ ซึ่งตอนนี้กำลังถูกปิดอยู่ ถูกปิดด้วยอำนาจของโมหะอวิชชา
 
“โมหะ” ก็คือความหลง “อวิชชา” ก็คือความไม่รู้ความจริง เราถูกโมหะอวิชชาปิดไม่ให้เราได้รู้จักเรื่องราวของจิตใจ เพราะโมหะอวิชชาต้องการให้เรารู้เพียงเรื่องของร่างกาย ต้องการให้เรารู้เรื่องของความสุขผ่านทางร่างกาย หาความสุขจากลาภยศสรรเสริญ หาความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะที่มีอยู่ในโลกนี้ เราเลยไม่รู้เรื่องของใจ ไม่รู้เรื่องของบุญของบาป ไม่รู้เรื่องของนรก ของสวรรค์ ไม่รู้เรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด เรารู้จักวิธีหาลาภยศสรรเสริญ หาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย แต่การที่เรารู้เพียงด้านเดียวคือรู้ทางด้านร่างกาย มันก็ไม่สามารถที่จะทำให้เรานั้นดับความทุกข์ต่างๆ ที่มีอยู่ภายในใจของเราได้ การที่เราหาความสุขจากลาภยศสรรเสริญ หาความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ก็เพราะว่าเราต้องการที่จะใช้มันเป็นการป้องกันความทุกข์ต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้นมานั่นเอง หรือเวลาเกิดขึ้นมาเราก็ใช้การหาลาภยศสรรเสริญ หารูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะเป็นวิธีกำจัดความทุกข์ต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นมาในใจของพวกเรา แต่เราก็ไม่สามารถกำจัดความทุกข์ต่างๆ ให้มันหมดไปได้อย่างถาวร กำจัดได้เป็นชั่วคราวเวลาที่เรามีความไม่สบายใจ ถ้าเราได้เงินทองเพิ่มขึ้นมาความไม่สบายใจนั้นก็อาจจะหายไปชั่วคราวเวลาได้รับเงินเดือนเพิ่ม พอมีรัฐบาลใหม่ รัฐบาลบอกว่าต่อไปนี้เงินเดือนขั้นต่ำต้องเป็นวันละ ๔๐๐ ความไม่สบายใจของเราก็หายไปชั่วคราว มีความดีใจที่ได้เงินเดือนขึ้น หรือถ้าเราได้รับการแต่งตั้งให้เลื่อนขึ้นสู่ชั้นที่สูงขึ้น จากนายสิบได้เป็นนายร้อย จากนายร้อยได้เป็นนายพัน จากนายพันได้เป็นนายพล พอได้รับการแต่งตั้งเลื่อนขั้นก็ดีอกดีใจกัน ความทุกข์ต่างๆ ที่เคยมีอยู่ในใจก็หายไปชั่วคราว
 
นี่คือวิธีที่เรากำจัดความทุกข์กัน สร้างความสุขกันด้วยการหาลาภยศสรรเสริญ หารูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะเพราะเราไม่รู้จักเรื่องของบุญเรื่องของบาป เรื่องของการเวียนว่ายตายเกิดว่ามีจริงหรือไม่ ถ้าไม่ได้มาพบกับพระพุทธศาสนาหรือถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาใดศาสนาหนึ่งเลย เราจะไม่รู้เรื่องว่าเรื่องของนรกเรื่องของสวรรค์ว่ามีจริงหรือไม่ เพราะเราจะรู้เพียงเรื่องของร่างกาย เราไปโรงเรียนไปศึกษาตามสถาบันการศึกษาต่างๆ นี้ ไม่มีสถาบันศึกษาไหนสอนเรื่องบุญเรื่องบาป สอนเรื่องนรกสอนเรื่องสวรรค์ สอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าเราไม่มีศาสนาเราก็จะไม่เชื่อหรือไม่รู้เรื่องของบุญเรื่องของบาป เรื่องของนรกเรื่องของสวรรค์ เรื่องของการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าเราได้ยินได้ฟังเราก็อาจจะไม่เชื่อเพราะว่าสถาบันการศึกษาที่เราไปศึกษานั้น เขาไม่สั่งไม่สอนเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ เขาให้เราหาความสุขบำบัดความทุกข์ด้วยการหาลาภยศสรรเสริญ หารูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะต่างๆ เราเรียนหนังสือเพื่อเราจะได้มีวิชาความรู้ที่นำเอาไปทำมาหากิน หาเงินหาทองหาตำแหน่งหารางวัลอะไรต่างๆ แล้วก็ไปหารูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ ด้วยการไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ด้วยการไปดูมหรสพบันเทิงต่างๆ นี่คือวิธีของคนที่ไม่มีศาสนาหาความสุขและบำบัดความทุกข์กัน แล้วเขาก็จะต้องเจอความทุกข์ไปเรื่อยๆ เพราะวิธีบำบัดความทุกข์นี้เป็นการบำบัดชั่วคราว ด้วยการหาความสุขมาเติมให้อยู่เรื่อยๆ แต่ต่อไปเมื่อร่างกายของเขามีการแก่ลงไป มีความเจ็บไข้ได้ป่วยหรือจะต้องตายไป เวลานั้นการหาความสุขมาเติมก็จะหมดไป ความทุกข์ที่มีอยู่ในใจก็จะผุดจะโผล่มากขึ้นไปตามลำดับ จะทำให้มีแต่ความทุกข์ทรมานใจในบั้นปลายของชีวิต ถ้าไม่มีการศึกษาไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า
 
นี่คือปัญหาจะตามมาสำหรับผู้ที่ไม่มีศรัทธาไม่มีความเชื่อในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ก็จะไม่สนใจที่จะศึกษาคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า ของพระอริยสงฆ์สาวก จะสนใจแต่คำสั่งคำสอนของสถาบันการศึกษาที่ได้ไปศึกษามา สถาบันการศึกษาก็จะสอนให้หาเงินหาทองให้หาตำแหน่งต่างๆ ให้หารางวัลต่างๆ ให้หาความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ แต่จะไม่สอนให้หาความสุขทางด้านจิตใจ จะไม่สอนการดับความทุกข์ของทางด้านจิตใจ เมื่อไม่ได้สอนไม่ได้เรียนรู้เรื่องของความสุขใจก็มักจะไม่เกิดขึ้น เรื่องของความทุกข์ใจที่เกิดขึ้นก็จะไม่สามารถกำจัดมันได้ดับมันได้ นี่คือเรื่องของการมีศรัทธาในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์หรือไม่ ในเบื้องต้นต้องมีศรัทธาในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ก่อน ถ้าไม่มีศรัทธาไม่มีความเชื่อก็จะไม่สนใจที่จะพิสูจน์ที่จะปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง ดังนั้นการที่เราได้มาเกิดในครอบครัวที่นับถือพระพุทธศาสนานี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เราเกิดศรัทธาขึ้นมาในเบื้องต้น เพราะเมื่อเราเวลาเป็นเด็กเราก็จะถูกพ่อแม่สั่งสอนให้เชื่อพระพุทธเจ้า ให้เชื่อพระธรรมคำสอน ให้เชื่อพระอริยสงฆ์สาวก ให้เชื่อเรื่องบุญเรื่องบาป เรื่องนรกเรื่องสวรรค์ เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เรื่องการเกิดแก่เจ็บตาย เราถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้เรื่องจะยังไม่เข้าใจความหมายของสิ่งต่างๆ ที่เราถูกสั่งสอนให้เชื่อ อย่างน้อยในเมื่อพ่อแม่ของเราเชื่อ เราก็เชื่อตามได้ เพราะเราเชื่อว่าสิ่งที่พ่อแม่เชื่อนี้ต้องเป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์พ่อแม่ถึงเชื่อ แล้วถึงเอามาสั่งสอนพวกเรา เมื่อเราได้รับการสั่งสอนเราก็อย่างน้อยก็เชื่อไว้ก่อน ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเราเชื่ออะไรก็ตาม ถ้าบอกให้เชื่อพระพุทธเจ้าเราก็เห็นเพียงแต่พระพุทธรูป ให้เชื่อพระธรรมคำสอนเราก็ได้ยินได้ฟังพระเทศน์พระสอน เราก็ฟังไปเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่เราก็เชื่อ เราเห็นพระที่ปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เราก็เชื่อว่าท่านได้เป็นพระอริยบุคคล อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการที่เราจะได้รับประโยชน์จากพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ คือเราต้องมีความเชื่อในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ในเบื้องต้นก่อน ถ้าเราไปเกิดในครอบครัวที่ไม่นับถือศาสนาพุทธ เขาให้เราไปนับถือศาสนาอื่นเราก็จะไม่เชื่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ผู้ที่จะมาเชื่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์จากศาสนาอื่นนี้ ต้องเป็นผู้ที่มีความขวนขวายมีความสนใจศึกษา ถึงจะเปลี่ยนจากศาสนาอื่นมานับถือศาสนาพุทธได้ ซึ่งเราก็มีชาวต่างชาติมีจำนวนไม่น้อยที่มาเชื่อมานับถือพระพุทธศาสนา มาศึกษามาปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า มาบวชเป็นพระก็มีเป็นจำนวนมาก การที่เขาหันมาเชื่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ได้นี้ แสดงว่าเขามีความขวนขวาย เขามีความสนใจค้นคว้าศึกษาหาความจริงเกี่ยวกับวิธีกำจัดความทุกข์ของเขา ที่ศาสนาของเขาที่เขานับถืออยู่นั้นไม่สามารถตอบโจทย์ของเขาได้ เขาเลยอาศัยการอ่านหนังสือของศาสนาพุทธ พอเขาได้อ่านแล้วเขาก็ได้เกิดศรัทธาความเชื่อขึ้นมา แล้วพอเขาได้ลองปฏิบัติตามเขาก็จะได้เห็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าความทุกข์ใจของเขานี้เริ่มลดน้อยลง ความทุกข์ใจที่ไม่เคยลดน้อยลงเลย พอได้มาศึกษาได้มาปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนแล้วก็เริ่มเห็นผลว่าเป็นผลที่ดีกว่าผลที่เขาได้รับจากศาสนาของเขา เขาก็เลยเปลี่ยนศาสนาได้
 
พวกที่เกิดในต่างศาสนานี้จึงมีโอกาสน้อยที่จะได้เชื่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ เหมือนกับพวกที่เกิดในศาสนาพุทธนี่ พวกที่เกิดในศาสนาพุทธนี้ก็จะเชื่อโดยอัตโนมัติ แต่การเชื่อโดยอัตโนมัติโดยที่ไม่ไปศึกษาไม่ไปปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนก็จะกลายเป็นความเชื่อแบบงมงายไปได้ เป็นความเชื่อที่ไม่ตรงกับจุดประสงค์ของพระพุทธเจ้าให้เชื่อก็ได้ เช่น เป็นการเชื่อในเรื่องอภิญญาปาฏิหาริย์อะไรต่างๆ เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปที่จะสามารถประทานพรให้แก่ผู้ที่มีศรัทธาได้ ใครอยากจะได้ลูกก็ขอจากพระพุทธเจ้าได้ ถ้าแต่งงานกันมาหลายปีแล้วทำยังไงก็ยังไม่มีลูกสักที ก็อาจจะมีคนแนะนำว่าให้ไปขอไปกราบพระวัดนั้นวัดนี้ พระวัดนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถประทานพรให้แก่ผู้ที่ต้องการพรชนิดต่างๆ ได้ วัดบางวัดจึงแน่นไปด้วยผู้คนที่จะไปกราบพระพุทธรูป แล้วก็ถวายดอกไม้ธูปเทียน บริจาคข้าวของเงินทองให้กับวัด แล้วก็ขอพรชนิดต่างๆ บางคนก็อยากร่ำรวย บางคนก็อยากเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง บางคนก็อยากจะแคล้วคลาดปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เมื่อเช้าก็มีคนขอให้เคาะหัวเพราะจะได้ทำให้โรคภัยไข้เจ็บหายไป เจ็บมานานแล้ว ถ้าได้พระมาเคาะหัวสักหน่อย แล้วจะทำให้โรคภัยที่มีอยู่นั้นหายไปได้ ความเชื่อแบบนี้ก็เลยเป็นความเชื่องมงายไป ไม่ได้เป็นความเชื่อตามหลักที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เชื่อ เพราะคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้านี้สอนให้เชื่อ “อัตตาหิ อัตตโน นาโถ” คือให้เชื่อ “ตนเป็นที่พึ่งของตน” ตนเป็นผู้สร้างความสุขให้กับตน ตนเป็นผู้กำจัดความทุกข์ให้กับตน แม้แต่พระพุทธเจ้าพระธรรมพระอริยสงฆ์ ก็ไม่สามารถทำหน้าที่ในการสร้างความสุขใจบำบัดความทุกข์ใจให้แก่เราได้ เรานั่นแหละต้องเป็นผู้สร้างความสุขใจเอง เราจะต้องเป็นผู้กำจัดความทุกข์ต่างๆ ที่มีอยู่ในใจของเราเอง พระพุทธเจ้าพระธรรมคำสอนพระอริยสงฆ์สาวกนี้เป็นเพียงผู้บอกทาง เป็นเพียงผู้บอกวิธีสร้างความสุขใจกำจัดความทุกข์ใจ เราจึงต้องศึกษาจากพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ ถ้าเราเชื่อเฉยๆ โดยไม่ศึกษาว่าพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์สอนให้เราทำอะไร เราก็จะกลายเป็นเชื่อแบบงมงาย อย่างที่เป็นกันอยู่ในขณะนี้ ชาวพุทธเราส่วนใหญ่นี้จะเชื่อกันอย่างงมงาย คือจะเชื่อว่าพระพุทธรูปตามวัดต่างๆ หรือพระพุทธรูปที่เราได้มาจากวัดต่างๆ หรือไปซื้อมาจากร้านต่างๆ พอเราเอามาตั้งที่บ้านเราแล้ว พระพุทธรูปนี้จะมีผลานุภาพที่สามารถกำจัดภัยต่างๆ ป้องกันภัยต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้นได้ มีพระพุทธรูปแล้วไฟไม่ไหม้บ้าน น้ำไม่ท่วมบ้าน ขโมยไม่ขึ้นบ้าน ผีไม่มาหลอก นี่คือความเชื่อแบบงมงาย เชื่อเพราะไม่ได้ศึกษาเชื่อเพราะถูกสั่งสอนกันมา ให้เชื่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ เห็นพระก็ให้ไหว้ เห็นพระพุทธรูปก็ให้กราบ ให้ทำบุญทำทานสนับสนุนส่งเสริมวัดวาอาราม ก็ทำได้เท่านี้สอนกันมาเท่านี้ อันนี้ก็เป็นความเชื่อแบบผิวเผิน และความเชื่อที่มีส่วนเป็นความจริงและมีส่วนที่ไม่จริง ส่วนที่เป็นจริงก็คือการทำบุญทำทานกับวัดนี้เป็นส่วนที่เป็นจริง วัดจะอยู่ได้ศาสนาจะอยู่ได้ก็ต้องอาศัยศรัทธาญาติโยมคอยให้ความสนับสนุน ต้องช่วยกันสร้างวัดสร้างศาลาสร้างกุฏิ ช่วยกันเลี้ยงดูพระเณรไม่ให้อดอยากขาดแคลน เพราะพระเณรจะเป็นผู้ที่มาสืบทอดพระศาสนา มาศึกษาพระธรรมคำสอน มาปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน
 
อันนี้ก็เป็นส่วนที่ถูกต้อง แต่ส่วนที่ไม่ถูกต้องก็คิดว่าถ้ามีพระพุทธรูปแล้ว มีการทำบุญทำทานแล้วความทุกข์ต่างๆ ของเราจะหายไปหมด ภัยต่างๆ จะหายไปหมด อันนี้เราต้องการอะไรเราก็จะขอได้จากพระพุทธรูป อันนี้ไม่ได้เป็นความจริง ความจริงนี้ศาสนาพุทธเราไม่ได้สอนให้ขอ เพราะขอไม่ได้ สอนให้ทำเรียกว่าเป็น “ศาสนาทำ” แต่ไม่ใช่ “ธรรม” แต่เป็น “ทำ” คือให้ทำ ทำเองก็คือ “อัตตาหิ อัตตโน นาโถ” ให้สร้างสวรรค์เอง ให้กำจัดนรกเอง ให้ยุติการเวียนว่ายตายเกิดเอง เพราะถ้ายุติการเวียนว่ายตายเกิดได้แล้ว ปัญหาต่างๆ ที่เราได้จากการมาเกิดนี้ก็จะถูกกำจัดไปหมด ไม่ต้องมากังวลกับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไม่ต้องมากังวลกับภัยต่างๆ ที่อาจจะมากระทบกับร่างกายของเราได้ ไม่ต้องมาหวาดกลัวกับเหตุการณ์ต่างๆ เพราะว่าเมื่อเราไม่มีร่างกายแล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้เราหวาดกลัวได้ การที่เรายังมีความหวาดกลัวอยู่ก็เพราะว่าเรายังมีร่างกายกัน แล้วพอเราไปได้ร่างกายเราก็ไปคิดว่าเราเป็นร่างกายกัน เราก็เลยกลัวทุกข์กันเวลาที่มีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องมาพิสูจน์กัน ให้เราได้รู้จักความจริง เพราะการรู้จักความจริงนี้จะทำให้เรานี้สามารถกำจัดความทุกข์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในใจของเราได้หมด เพราะความทุกข์ของเรานี้เกิดจากความหลงนั่นเอง ความไม่รู้ความจริง เราก็เลยทุกข์กัน แต่ถ้าเรารู้ความจริงแล้วเราก็จะไม่ทุกข์กัน เราจะรู้ความจริงได้เราก็ต้องศึกษาพระธรรมคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วน้อมนำเอาไปปฏิบัติให้ได้ ถ้าเราปฏิบัติได้เราก็จะเห็นความจริง แล้วเมื่อเห็นความจริงความทุกข์ที่เกิดจากความหลงก็จะหายไป นี่คือเรื่องของการมาเปลี่ยนศรัทธาความเชื่อให้เป็นความจริงด้วยการพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน
โฆษณา