ประเด็นที่อยากจะชวนคุยคือว่า เราน่าจะเคยเจอคนที่ชอบบอกว่า เฮ่ย อย่าไป work hard เราต้อง work smart สิ! ฟังดูแล้วเท่มากๆ แต่ถ้าเชื่อตามนั้นจริงๆ นี่คือชีวิตเปลี่ยนเลยนะ
ที่พูดแบบนี้เพราะ ทุกคนคงยุ่งหมดครับ เรายุ่งได้มากที่สุดเท่าๆกับเวลาทำงานแต่ละวันที่เรามีได้คือ 8-12 ชั่วโมง แล้วแต่ว่าช่วงไหนจะยุ่งแบบปกติหรือยุ่งแบบหนักหนาสาหัสนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เท่ากับว่า Work hard เป็นค่า default ของทุกคนอยู่แล้วครับ (ถ้าคุณอยู่ในองค์กรที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าน่ะนะ)
1
ซึ่งพอ Work hard ไม่ต่างกัน แต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่เราเห็นว่าต่างกัน มันมาจากว่าใคร Work smart ได้มากกว่า
Work smart ในที่นี้คือ การมีความสามารถในการทำ 4 อย่าง คือ
หลังจากนั้นค่อยไปสู่ขั้นตอนของการ work hard คือไปใช้เวลาลงมือทำมันให้เต็มที่ เพื่อให้ได้งานตามที่ต้องการครับ
กระบวนการในการทำงานที่ดีต้องเริ่มจาก work smart ก่อนเพื่อ set direction ที่ถูกต้อง หลังจากนั้นค่อย work hard และหาวิธีเพิ่ม efficiency ในสิ่งที่ทำ เพื่อให้การ work hard มันได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างชัดเจน ไม่ใช่ work hard ไปเรื่อยๆ efficiency ดูแล้วดีมากๆ แต่กลับผิดทิศผิดทาง สุดท้ายกลับไม่ได้ประโยชน์ ได้ผลลัพธ์อะไรเลย
ที่คนเก่งๆเขาพยายามพูด พยายามบอกให้เรา Work smart
เพราะ Work hard มันเป็นค่า default ของการทำงานอยู่แล้ว
และสิ่งที่จะทำให้ Work hard คุ้มค่า มีความหมาย
มันต้องตั้งต้นมาจากการ Work smart ก่อนเสมอนั่นแหละครับ