26 ต.ค. 2020 เวลา 08:30 • ธุรกิจ
มารู้จักกับ 5 แบรนด์ดังที่ผลิต Soft Cookies โดนใจผู้บริโภคทั่วโลกกัน !
สำหรับเพื่อนๆที่เป็นแฟนของคุ้กกี้หน้านิ่มเนี่ย คงจะไม่พลาดแบรนด์ดังๆเหล่านี้แน่นอน งั้นเราไปดูกันเลย !
1. Mrs.Fields
ก่อตั้งในปี : 1977 โดย Debbi Fields
รัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
- ถึงแม้ว่าจะปิดตัวสำหรับการผลิตซอฟคุ้กกี้ในประเทศไทย รวมถึงหน้าร้านไปแล้ว
- แต่พวกเค้ายังคงส่งคุ้กกี้มาขายในไทยในรูปแบบของซอง/กล่องขนมปิดผนึกขายอยู่นะ
- ถ้าย้อนกลับไปมองถึง Mrs.Fields สาขาแรกๆที่เพื่อนๆน่าจะเคยรับประทาน ก็คงไม่พ้นห้างเซ็นทรัล (ของเราเป็นเซ็นทรัลลาดพร้าว)
- ด้วยขนาดของซอฟคุ้กกี้อบสดๆ และมีขนาดที่ใหญ่ หนานุ่ม และกลิ่นที่หอมมาแต่ไกล ทำให้ใครหลายคนคงต้องซื้อติดมื้อสักชิ้น
- รสที่เป็น flagship เลยก็คือรสช็อคโกแลตชิปส์นั้นเอง
- Debbi Fields ได้ก่อตั้งร้านอบคุ้กกี้นี้ขึ้นมาในปี 1977 ในชื่อ Mrs. Field's Chocolate Chippery
- จาก 1 ร้าน มุ่งไปสู่ 300 สาขาทั่วโลกในปัจจุบันนี้
เรื่องของการตลาดและกลยุทธ์ของ Mrs.Field คือ
- การทำให้ซอฟคุ้กกี้สามารถทานกับอาหารเช้า และกาแฟ เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม โดยนำคอนเซ็ปของการกินสโคนพร้อมกับชา
- การทำคุ้กกี้ที่เป็นแนวแฟชั่นให้เข้ากับเทศกาลต่างๆ เหมาะกับการเป็นของฝาก
- การทำ Personalize cookie โดยให้ลูกค้าสามารถออกแบบและดีไซน์เองได้เลย
- ต้องบอกว่า Mrs.Field คงไม่สามารถขยายได้เพียงแค่ทำคุ้กกี้ แต่ Debbie เองยังได้ทำการตลาดเพิ่มเกี่ยวกับการโปรโมทการขาย Franchise ลงในหนังสือพิมพ์และวิทยุด้วย (ในสมัยนั้น)
ถึงแม้ว่าปัจจุบันแบรนด์ที่ทำซอฟคุ้กกี้จะมีค่อนข้างเยอะมากเลย
แต่สำหรับเราแล้ว เราจะนึกถึงแบรนด์ Mrs.Field เป็นอันดับแรกๆเลยละ
2. Ben's Cookies
ก่อตั้งในปี : 1983 โดย Helge Rubinstein
ลอนดอน, สหรัฐราชอาณาจักร
- ซอฟคุ้กกี้แบรนด์เปรียบเสมือน 1 ใน signature ของเมืองลอนดอนเลยก็ว่าได้
- เป็นแบรนด์ซอฟคุ้กกี้ที่พบเห็นได้ตามท้องถนน และสถานที่เที่ยวสำคัญ หากินง่าย
เรื่องของการตลาดและกลยุทธ์ของ Ben's Cookies คือ
- การเน้นการส่งออกซอฟคุ้กกี้ไปยังต่างประเทศ โดยมีการปรับใช้นวตกรรม การแช่แข็งที่อุณหภูมิ -20 องศา ก่อนจะส่งคุ้กกี้ออก และเพื่อให้ร้านสาขาในต่างประเทศสามารถนำมาอบใหม่ได้อีกครั้ง
- การให้คุณค่าความสำคัญในเรื่องของวัตถุดิบ และเทคโนโลยีของการใช้เตาอบ
- ซอฟคุ้กกี้ของ Ben สามารถอยู่ได้ด้วยความสดใหม่ มากถึง 4 วัน ! (เราว่าอันนี้เป็ฯจุดเด่น เพราะปกติแล้ว ซอฟคุ้กกี้อบสดๆ จะอยู่ได้ราวๆ 2 วัน)
- การเลือกทำการตลาดแบบเจาะจงเฉพาะนอกประเทศอังกฤษ เช่น USA, UAE (อาหรับ), เกาหลีใต้, สิงคโปร์ และ กรุงเทพ
- เพื่อนๆจะเห็นได้ว่า Ben's Cookie ไม่ได้โฟกัสไปทุกประเทศทั่วโลก แต่เค้ากำลังสร้าง viral ในแต่ละประเทศ
- แต่ในปัจจุบันนี้ มีชื่อเสียงไปทั่วโลกเรียบร้อย (โดยเฉพาะในโลก online influencer)
3. Pepperidge Farm
ก่อตั้งในปี 1937 โดย Margaret Rudkin
คอนเนคติคัท, สหรัฐอเมริกา
- แบรนด์นี้มั่นใจเลยว่า น้อยคนน่าจะไม่รู้จัก
- ก็เพราะว่าช่องทางการจำหน่ายของเค้าเนี่ย ทั่วถึงมากๆเลย มีในทุกห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ Supermarket (แต่ราคาอาจจะสูงนิดนึง เพราะนำเข้า)
- ก่อตั้งจาก Margaret Rudkin ที่เริ่มจากการทำร้านอบขนมปังเล็กๆ
- และที่เป็นจุดเด่นของเจ้าซอฟคุ้กกี้ก็คือ ส่วนผสมทุกอย่างมาจากฟาร์ม organic ของ Margaret และสามีของเธอ
- จนกระทั่งในปี 1961 Campbell Soup Company ก็ได้เข้ามาซื้อกิจการของเธอในราคา 28 ล้านดอลล่าร์
- และในปี 1963 Margaret ก็ได้ออกหนังสือ cookbook ที่เผยสูตรการทำซอฟคุ้กกี้แสนอร่อยในชื่อ "The Margaret Rudkin Pepperidge Farm Cookbook"
เรื่องของการตลาดและกลยุทธ์ของ Pepperidge Farm คือ
- เน้นการทำ Campaign ต่างๆ และการใช้ Social media เป็นตัวกลางในการเผยแพร่
- ตัวอย่างเช่น "Save Something For Yourself" แคมเปญของทาง Pepperidge Farm ที่ใช้กับตัวผลิตภัณ์ "Milano Cookie" ค่อนข้างได้ผลตอบรับที่ดี และมียอด impression มากถึง 80 ล้าน
- รวมถึงการใช้วิธีทำแฮชแท็กเช่นกัน
- โดยนอกจากที่ Pepperidge Farm จะได้ประโยชน์ในเรื่องของการโปรโมทแล้ว พวกเค้ายังได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของฟีดแบคจากลูกค้าด้วยเช่นกัน
- โดยแคมเปญผ่านทาง Social media ได้สร้างผลกำไรให้กับบริษัทมากถึง 2.8%
- และยังทำให้พวกเค้าสามารถทราบถึงกลุ่มตลาดลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ส่ามากถึง 72% เป็นลูกค้าเพศหญิง เจเนอเรชั่น Millennium
4. Tate's Bake Shop
ก่อตั้งในปี 1970 โดยKathleen King
เซาท์แฮมตัน, รัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา
- แบรนด์นี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูที่ไทยสักเท่าไร (แต่เราเคยเห็นขายที่ Villa)
- จุดเด่นที่ชัดที่สุดของเจ้า Soft cookie นี้คือ ความบาง แต่ไม่กรอบ ไม่หวานและออกเค็ม
- นอกจากนั้น Tate' Bake เนี่ย เค้ายังมีตัว Vegan Cookie ที่เป็นอีกหนึ่ง Flagship ด้วยละ
- Tate's Bake shop นี้ได้ถูกจัดติดอันดับที่ 1 เป็น Soft cookie ที่ขายดีที่สุดใน Walmart
- หลังจากที่ถูกบริษัทผลิตขนมยักษ์ใหญ่อย่าง Mondelez International เข้าซื้อกิจการในราคา 500ล้านดอลล่าร์
- ปัจจุบัน Tate's Bake shop มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.5 ล้านชิ้นต่อวัน และมีรายได้รวมมากถึง 26 พันล้านดอลล่าร์ต่อปีเลยทีเดียว !
เรื่องของการตลาดและกลยุทธ์ของ Tate's Bake Shop คือ
- พอมาอยู่ในมือของ Mondelez ก็ไม่แปลกที่ Tate's Bake จะเล่นการตลาดในกลุ่มของ Retail อย่างพวก Supermarket ในอเมริกา (โดยรายได้เกือบ 85% ของเค้ามาจากการขายผ่าน supermarket ในสหรัฐ)
- การเน้นการส่งออกผ่าน Wholesale เจ้าต่างๆในต่างประเทศ
- เน้นการผลิตในส่วนของ Chocolate chip cookies เป็นหลัก
หน้าร้านแห่งแรกของ Tate's Bake Shop ใน Southampton, New York
5. Keebler Cookies
ก่อตั้งในปี 1853 โดย Godfrey Keebler
เพนซิลเวเนีย, สหรัฐอเมริกา
- ถ้าพูดถึงแบรนด์นี้ คงไม่พ้นตัวเอลฟ์ผมขาว ที่เป็นภาพจำของแบรนด์ Keebler
- ถ้าจะพูดให้รู้สึกคุ้นเคยมากกว่าเดิมคงต้องบอกว่า เมื่อก่อนเคยเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ Kellogg อาหารเช้าซีเรียลชื่อดัง
- ต่อมา Kellogg ได้ขายแบรนด์ Keebler ไปให้กับ Ferraro
- แต่ต้องบอกเพื่อนๆอีกว่า ผลิตภัณฑ์ของ Keebler ที่มีป็อปปูล่าเนี่ย ก็คือ Shortbread และ Fudge Cookies
เรื่องของการตลาดและกลยุทธ์ของ Keebler Cookies คือ
- ตั้งแต่มาอยู่ภายใต้บริษัท Ferraro SpA เลยทำให้ Keebler หันมาสนใจในส่วนของ E-commerce มากขึ้น โดยที่เห็นได้ชัดคือการลงทุนเกือบ 41% ของการตลาดได้ถูกวางแผนสำหรับตลาดออนไลน์
- การโปรโมทผ่านทาง TV ads เช่น ABC, Fox, NBC, ESPN, MTV, และ Streaming อย่าง Hulu
- ล่าสุดแผนของปี 2020 คือการมองที่ถึงความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภครวมถึงสถานการณ์ต่างๆ โดย Keebler พยายามเน้นการพัฒนาในเรื่องของ Packaging ที่สามารถเก็บคุ้กกี้ได้นาน และทนทานกับการใช้งานแบบรับประทานหลายๆครั้งของลูกค้า
สิ่งที่เราจะเห็นได้ชัดจากแบรนด์ขายคุ้กกี้ทั้ง 5 ก็คือ
- อายุของบริษัทที่อยู่มายาวนาน เกิน 50 ปี
- การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และเทคโนโลยีในปัจจุบัน
- การพัฒนาไปยังเรื่องของ การโฆษณา และ ตัวกล่องผลิตภัณฑ์ (ก็เพราะว่าตัวคุ้กกี้เอง อาจจะพัฒนาสูตรมากไปกว่านี้ค่อนข้างยาก)
หวังว่าบทความนี้คงเป็นความรู้เพลินๆให้กับเพื่อนๆนะ :)
โฆษณา