26 ต.ค. 2020 เวลา 10:46 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ECONOMY : แผนการเติบโตใหม่ของจีนอาจผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้มีขนาดใหญ่กว่าสหรัฐฯ ภายในทศวรรษนี้ ขณะที่ความขัดแย้งในด้านต่าง ๆ ของทั้ง 2 ประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เปิดการประชุมที่ปักกิ่งในสัปดาห์นี้ เพื่อวางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะต่อไป ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งของสหรัฐที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะครั้งนี้ ชาวอเมริกันก็ต้องการเลือกประธานาธิบดีที่จะมาต่อต้านอิทธิพลของจีนที่กำลังเพิ่มขึ้น
แผนการระยะ 5 ปีฉบับที่ 14 ของจีนคาดว่าจะเน้นเกี่ยวกับนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี การพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ของพรรคคอมมิวนิสต์จะตั้งเป้าหมายในอีก 15 ปีข้างหน้าเช่นกัน ขณะที่สี จิ้นผิงพยายามที่จะปฏิบัติตามคำมั่นของเขาในการฟื้นฟูชาติโดยการเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์อื่น ๆ
รายละเอียดเพิ่มเติมของการประชุมยังไม่เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ส่วนการตัดสินใจเรื่องสำคัญต่าง ๆ ก็อาจยังไม่ชัดเจนจนกว่าจะถึงวันพฤหัสบดีนี้
หากเศรษฐกิจของจีนซึ่งฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการถดถอยในช่วงที่ไวรัสระบาด สามารถยึดติดกับวิถีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็จะทำให้พวกเขาแซงหน้าสหรัฐฯ ได้ภายใน 10 ปีข้างหน้านี้
ขณะเดียวกัน แนวโน้มของความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นกับสหรัฐฯ จะกลายมาเป็นรากฐานของยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในการเร่งดำเนินแผนการเพื่อป้องกันประเทศจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
Fred Hu ผู้ก่อตั้ง Primavera Capital Ltd. ซึ่งเป็นกองทุนเอกชนในปักกิ่งกล่าวว่า
“It reflects China’s realist reassessment of the current global climate, Self reliance is about developing certain domestic capabilities through investments in R&D and innovation, a necessary and prudent response to external uncertainties.”
“ยุทธศาสตร์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการประเมินตามความเป็นจริงของจีนเกี่ยวกับสภาพอากาศทั่วโลกในปัจจุบัน ขณะที่การพึ่งพาตนเองเป็นเรื่องของการพัฒนาขีดความสามารถภายในประเทศผ่านการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงนวัตกรรมและการตอบสนองที่จำเป็นและรอบคอบต่อความไม่แน่นอนภายนอก”
“However, it doesn’t mean China will repudiate its longstanding ‘open door’ policy and turn inward,” said Hu, who previously worked for the International Monetary Fund and led Goldman Sachs Group Inc. in China.
“อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าจีนจะปฏิเสธนโยบาย 'open door' ที่มีมายาวนานและหันหน้าเข้ามาข้างในประเทศ” Hu ซึ่งเคยทำงานให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศและเป็นผู้นำของ Goldman Sachs Group Inc. ในประเทศจีนกล่าว
สี จิ้นผิงและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ของจีนได้ยืนยันเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะเปิดช่องทางสู่เงินทุนและการแข่งขันจากต่างประเทศ โดยในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ Shenzhen ในเดือนนี้เขาได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้แผนใหม่กลายเป็นประเด็นล่าสุดในความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้วของจีนกับสหรัฐฯ และประเทศคู่แข่งทางการค้าอื่น ๆ ก็อาจหมายความว่าการแสดงออกของพวกเขาจะลดน้อยลง เนื่องจากกลยุทธ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีชื่อว่า “Made in China 2025” กลับต้องพบกับความมืดมนหลังจากที่มันทำให้เกิดสงครามการค้าระหว่างประเทศภายใต้การบริหารของทรัมป์ และกระตุ้นให้เกิดความไม่สงบในยุโรปและประเทศอื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อการสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นกับจีน
Chang Shu และ David Qu นักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg กล่าวว่า
“An emphasis on encouraging domestic circulation would not signal that China is closing its doors on the world. We expect the plan to encourage two-way trade and promote services trade.”
“การให้ความสำคัญกับการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศ จะไม่เป็นการส่งสัญญาณว่าจีนกำลังปิดประตูสู่โลกสากล และเราคาดว่าแผนดังกล่าวจะส่งเสริมการค้า 2 ทางและยังส่งเสริมบริการทางการค้าอื่น ๆ”
ปัจจุบันมีหลายประเทศที่มีการสนับสนุนให้จำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ของจีนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่สหรัฐฯ ไปจนถึงออสเตรเลีย และท่าทีที่ก้าวร้าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต่อจีนในขณะนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากพรรคทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเจ้าหน้าที่ของจีนก็กำลังมีความกังวลว่าการที่โจ ไบเดนชนะการเลือกตั้ง อาจทำให้สหรัฐฯ มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรวมพันธมิตรเพื่อยับยั้งการพัฒนาของจีน
Chen Zhiwu ผู้อำนวยการ Asia Global Institute ที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษาของสภาแห่งรัฐจีนกล่าวว่า
“Which is why the new plans will be much less explicit and not as specific as before, because the Made in China 2025 plan had brought so much trouble for China and helped energize the opposition from the U.S., So, I expect them to focus on general guidelines and stay vague on specifics,”
"นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแผนใหม่ของพวกเขาจะมีความชัดเจนน้อยลงมากและจะไม่เฉพาะเจาะจงเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากแผน Made in China 2025 นั้นสร้างปัญหาให้กับจีนอย่างมากและยังกระตุ้นการต่อต้านจากสหรัฐฯ ดังนั้นฉันคาดหวังว่าพวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่แนวทางทั่ว ๆ ไปและจะมีความคลุมเครือในเรื่องที่เฉพาะเจาะจง”
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของจีนได้ออกมาโต้แย้งเสียงคัดค้านต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว โดยกล่าวว่า "what’s good for China is good for the world" (สิ่งที่ดีสำหรับจีนนั้นดีต่อโลกเช่นกัน)
Zhao Lijian โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า 1 ใน 3 ของกำไรของบริษัท Mercedes Benz AG มาจากจีนทั้งหมดในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้และยอดขาย Box Office ของจีนก็มีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ซึ่งแซงหน้าอเมริกาเหนือเป็นครั้งแรกในปีนี้
“This proves that China’s massive market will generate sustainable impetus for Chinese and world economic growth,” Zhao said.
"สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าตลาดขนาดใหญ่ของจีนจะสร้างแรงผลักดันที่ยั่งยื่นสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและโลกใบนี้” Zhao กล่าว
นอกจากนี้ เศรษฐกิจของจีนยังได้รับการสนับสนุนจากคาดการณ์ของ IMF และการคำนวณของ Bloomberg โดยการประเมินล่าสุดแสดงให้เห็นว่าจีนจะเป็นกลไกการเติบโตที่ใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจโลกในอีกหลายปีข้างหน้า ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ตรงที่เศรษฐกิจของจีนได้กลายเป็นประเทศสำคัญเพียงแห่งเดียวในโลกที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจะเติบโตในปีนี้หลังจากการควบคุม COVID-19 อย่างเข้มงวด
แต่ถึงกระนั้น จำนวนประเทศที่มองว่าบริษัทเทคโนโลยีของจีนกำลังเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติของพวกเขาก็กำลังเติบโตขึ้น โดยบางประเทศได้รวมตัวกันเพื่อลดการพึ่งพา Supply Chains จากจีนเนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์ที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภายในประเทศของรัฐบาลปักกิ่ง
การต่อต้านจากหน่วงานและสมาคมระหว่างประเทศกำลังผลักดันให้จีนมองไปถึงต้นตอของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และจนถึงขณะนี้แม้แต่การขึ้นภาษีทางการค้าและมาตรการคว่ำบาตรจากประเทศคู่แข่งก็ทำได้เพียงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของจีนไปเล็กน้อยเท่านั้น
ปัจจุบันจีนยังคงรายชื่อบัญชีดำต่อบริษัทต่างชาติที่ดำเนินงานในประเทศเป็นจำนวนมาก และอาจกำหนดเป้าหมายเพิ่มเติม ขณะที่การดำเนินการล่าสุดที่พุ่งเป้าไปที่การส่งออกของออสเตรเลียเพื่อแสดงให้เห็นว่าจีนได้เตรียมที่จะตอบโต้เมื่อรู้สึกว่าผลประโยชน์ของตนเองถูกคุกคาม
นอกจากนี้ ความพยายามที่ประสานกันมากขึ้นของยุโรป ญี่ปุ่นและพันธมิตรอื่น ๆ ของสหรัฐฯ อาจทำให้เกิดอุปสรรคใหญ่และสามารถผลักดันให้จีนก้าวไปสู่เส้นทางที่โดดเดี่ยวมากขึ้น
Fred Hu กล่าวว่าภาวะสงครามในต่างประเทศจะส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของการลงทุนภายนอกประเทศของจีน และมีความเป็นไปได้ที่การลงทุนในตลาดต่างประเทศอย่างเช่น สหรัฐฯ อังกฤษ หรือออสเตรเลียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลปักกิ่งจะถูกลดขนาดลง ขณะที่ความทะเยอทะยานเกี่ยวกับโครงการอื่น ๆ อย่างเช่น Belt and Road Initiative ของสี จิ้นผิงจะถูกปรับเปลี่ยนใหม่
เป้าหมายการเติบโตของจีน
แผนการ 5 ปีซึ่งถือเป็นมรดกของเศรษฐกิจจีน ได้ให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างทางอุตสาหกรรมและรักษาอัตราการเติบโตในระดับปานกลางถึงไปจนถึงสูง
สื่อของรัฐบาลรายงานว่าประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับลดเป้าหมาย GDP ในแผนที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากจะเปลี่ยนเป้าหมายไปสู่การเติบโตที่มีคุณภาพสูง และแม้ว่าจะมีการประกาศการตัดสินใจหลังการประชุมทันที แต่เอกสารทั้งหมดจะเปิดเผยต่อสาธารณะในการประชุมรัฐสภาประจำปีในเดือนมีนาคม 2021 เท่านั้น
Wang Tao หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของ UBS Group AG ในฮ่องกงกล่าวว่า
Delivering on self reliance while still benefiting from globalization -- or “dual circulation” as the twin goal is dubbed by Chinese officials -- will be a challenge given that hawkish rhetoric toward China will persist, said Wang Tao, chief China economist at UBS Group AG in Hong Kong.
"การทำให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองได้ในขณะที่ยังคงได้รับประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัตน์หรือเศรษฐกิจวงจรคู่ซึ่งมีเป้าหมายทั้ง 2 อย่างตามที่เจ้าหน้าที่ของจีนกล่าว จะถือเป็นความท้าทายเนื่องจากกระแสที่ต่อต้านจีนจะคงอยู่ต่อไป"
“China is facing a more challenging external environment of development, Going forward, China has to be more ambitious on domestic reform and opening. It will probably intensify.”
“จีนกำลังเผชิญกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่ท้าทายมากขึ้นสำหรับการพัฒนาประเทศ และในอนาคตจีนจะต้องมีความทะเยอทะยานมากขึ้นในการปฏิรูปและเปิดประเทศ ซึ่งอาจทำให้ความขัดแย้งกับประเทศต่าง ๆ รุนแรงขึ้น”
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!
โฆษณา