27 ต.ค. 2020 เวลา 05:07 • ความคิดเห็น
ช่วงเวลาที่ตลาดเริ่มมีความกังวล...จะเป็นช่วงเวลาที่ ซื้อ-ขาย ทำกำไรระยะสั้นได้ดี ย่อ-รับ เด้ง-ปล่อย
ช่วงที่ตลาดเริ่มมีความกลัว เป็นเวลาของการเริ่มมองหาหุ้นพื้นฐานดี และเข้าเก็บของ แต่...นักลงทุนที่ประสบการณ์ยังไม่มากพอมักจะพลาดตรงนี้ !!
1
พลาด - ด้วยความเชื่อว่านี่จะเป็นราคาที่ดีที่สุดอีกช่วงนึง
จึงเกิดความมั่นใจแบบผิดๆ คือ มั่นใจเกินไป และเข้าซื้อด้วยไม้ใหญ่ ดังนั้นทฤษฎี MEW จึงออกแบบมาเพื่อซัพความผิดพลาดตรงนี้ (แบ่งไม้เข้าซื้อโดยใช้ วอลุ่มและราคาเป็นจุดสังเกตุ)
ระดับความกลัว ของตลาด แบ่งเป็น 2 ระดับ 2 ภาคใหญ่ๆ
กลัวเพราะข่าวร้าย กลัวเพราะไม่เข้าใจ ยังประเมินสถานการณ์ได้ไม่ชัด และกลัวตามๆกัน ระดับนี้จะเกิดเป็น Panic Selling. จังหวะนี้หุ้นจะลงแรงมาก แต่นักเทรดที่มีสกิลและประสบการณ์จะอาศัยจังหวะที่ทำกำไร
เพราะเมื่อตลาดทิ้งตัวลงแรงก็จะเด้งกลับแรงเช่นกัน
อีกระดับคือ กลัวจริงๆ อันนี้เป็นลักษณะขาลง ที่ชัดเจน
มันต่างจากการเทขายทำกำไร หรือตกใจขาย ลักษณะตอนนี้จะเป็นภาพที่ลง ต่อเนื่องหลังจากตลาดพักฐานได้ระดับหนึ่ง เช่น sw แถว 1350-1300 แต่ก็ยังไหลต่อ นี่คือระดับความกลัว ความกังวลที่มาจากสถานการณ์ที่ชัดเจน ภาพข่าวร้ายต่างๆไม่ใช่แค่มาแล้วไป แต่มาแล้วก็ยังมาอีก มาเป็นระรอก และยังอยู่อีกนาน
จังหวะนี้จะเป็นจังหวะที่ นักลงทุนระยะกลาง-ยาว เหมาะที่จะเข้าตลาด เพราะ จุดนี้ ภาพจำภาพพื้นฐานของหุ้นหลายตัวได้เปลี่ยนไป หุ้นแข็งแกร่งบางตัวจะลงมาต่ำกว่า พื้นฐานมาก ในช่วงนี้ เพราะโดนกดดันทั้งตลาด (แต่จะไปฟื้นเอาช่วงที่ตลาดต่ำสุด แปลกไหมหล่ะ ดังนั้นบ่อยครั้งที่ใครที่ซื้อ ณ ตอนตลาดนิ่งๆเป็นฐานยาวๆ กลับไม่ได้ราคาที่ดีที่สุด !! ) ตรงนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ในการอ่านพฤติกรรมหุ้น และภาวะเศรษฐกิจให้ออก
หลังจากหลุดภาวะแห่งความกลัวมาได้ 2 ระดับ
จะเกิดภาวะ สิ้นหวังของตลาดขึ้นมา กราฟจะเป็นแนวนอนราบเรียบเหมือนทะเลไม่มีคลื่น นี่คือจุดที่เซฟโซนที่สุดของการลงทุน และเป็นจุดที่ นักลงทุนระยะยาว หรือvi จะทำการเข้าซื้อมากที่สุด แล้วสักพักทุกอย่างก็จะฟื้นคืนตามวัฏจักรเป็นไซเคิลขาขึ้น
ดังนั้น บ่อยครั้งที่คนที่ได้ราคาดีที่สุดในช่วงระดับความกลัวขั้นที่ 2 หลายคนถอดใจ (แถวนี้คนจะติดหุ้นเยอะพอควร) และยอมขายออก จนส่งผลให้เกิดภาวะสิ้นหวัง
แต่...เมื่อเกิดภาวะนี้ขึ้นมา คนกลุ่มเดิมจะไม่กลับมาซื้ออีก บางคนก็ออกตลาดไปเลย นั้นจึงเป็นเหตุให้ตลาดช่วงภาวะสิ้นหวัง มีนักลงทุนเพียงไม่กี่คนที่เหลือรอด ที่อดทนรอ เข้ามาเก็บของ เศษซากปรักหักพัง แล้วรอการก่อสร้างฟื้นตัวใหม่
มันก็เป็นเช่นนี้มาตลอด เป็นเช่นนี้มานาน และมันจะไม่มีทางเปลี่ยนผัน เพราะตลาดหุ้น คือ จิตใจคน มันเป็นภาพสะท้อนของจิตใจมนุษย์
ส่วนหนึ่งของบทความในหนังสือ The Mew Theory by mewmew
มิ้วๆค่ะ
โฆษณา