28 ต.ค. 2020 เวลา 09:30 • ธุรกิจ
อย่าเพิ่งตาย ถ้ายังไม่ได้อ่าน
กรุงเทพ คือย่านธุรกิจโดยแท้จริง แม้กระทั่งวัด! เป็นประโยคที่วิ่งวนในหัวเราเมื่อค่าใช้จ่ายระหว่างจัดงานศพบานเบอะไปหมด ทั้งๆที่จัดงานสวดเพียงแค่ 3 คืน ในครอบครัวเราตั้งใจทำกันแบบเรียบง่ายที่สุดเพราะโรคโควิดยังคงระบาด แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะสิ
cr.https://lifestyle.campus-star.com
เรื่องราวเกิดขึ้นจากการสูญเสียญาติผู้ใหญ่อย่างไม่มีวันกลับมา และเป็นการสูญเสียครั้งแรกในชีวิต ซึ่งเราและครอบครัวต้องเป็นคนจัดแจงเรื่องงานศพเองทั้งหมด
เริ่มต้นด้วยการรับศพออกจากโรงพยาบาล
การนำศพออกจากรพ.ได้ ญาติต้องเซ็นเอกสารขอรับศพ รพ.จะออกใบรับรองการเสียชีวิตให้ แต่ทางห้องเก็บศพก็ลึกลับสับซ้อนเดินวกไปวนมา เราก็เข้าใจนะว่าจะให้ไปอยู่ตรงที่ที่มีคนพลุกพล่านก็คงไม่ใช่ แต่ก็คิดในใจว่าหากเป็นเรา จะมีคนเดินวกวนแบบนี้เพื่อทำเรื่องให้เรามั้ยนะ มานช่างเหนื่อยเหลือเกิน 555
นอกจากนี้ต้องเตรียมดอกไม้ ธูป เทียน เพื่อไหว้เจ้าที่ ขอนำศพ ดวงวิญญาณออกเพื่อให้ท่านเปิดทางให้ และไหว้ศพเพื่อให้ดวงวิญญาณตามญาติไปที่วัด ตามความเชื่อญาติต้องโปรยทานเหรียญไปตลอดทาง เพื่อให้ดวงวิญญาณไม่หลงทางไปไหน แน่นอนว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในการนำศพไปส่งที่วัดพร้อมการเดินเรื่องแจ้งมรณะกับทางอำเภอ ค่าหีบศพ ค่าบริการอยู่ที่ 8,500 บาท (ทั้งนี้รพ.ไม่ได้บังคับนะ)
ตัดภาพมาที่วัดแห่งหนึ่งย่านสะพานใหม่-ดอนเมือง
เจ้าหน้าที่บริการดีพร้อมใบรายการที่ต้องใช้ และค่าใช้จ่ายแต่ละรายการแบบละเอียดยิบ แต่แน่นอนค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้แจกแจงในใบรายการคือ ค่าซองพระและค่าซองมัคทายก ค่าซองพระก็ตามแต่กำลังของเจ้าภาพแหละนะ แต่ค่าซองมัคทายกนี่สิ เจ้าหน้าที่เน้นย้ำและระบุจำนวนเงินชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่เก็บกระดูกหลังวันเผาต้อง 800 บาทนะ มัคทายกประจำศาลาแล้วแต่จะให้ แหม คนเก็บกระดูก 800 แล้วคนที่ดูแลศาลาตลอดระยะเวลาทำพิธีเราจะไปให้เค้าต่ำกว่า 800 ได้ยังไงล่ะ
1
อีกเรื่องที่ต้องสะพรึง คือ
ค่าบำรุงเตาเผา 4,000 บาทนะเป็นหนึ่งในรายการที่กำหนดแบบตายตัว ไม่รวมค่าเช่าศาลา 3 คืน 4 วัน รวมเป็น 4,000 บาท
เอาล่ะจ้ะ งานยังไม่ทันเริ่มค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมก็ร่วม 20,000 บาทแล้ว
อันที่จริงครอบครัวเราก็ตั้งใจทำเต็มที่เป็นครั้งสุดท้ายอยู่แล้ว แต่เรารู้สึกว่าแบบเออถ้าคนที่เค้าไม่มีเงินสำรองจ่ายล่ะ เค้าจะได้ทำพิธีเผาศพเพื่อส่งดวงวิญญาณมั้ยนะ แล้วเค้าทำยังไงถ้าเค้าไม่มีเงินเพื่อส่งญาติผู้ใหญ่หรือคนในครอบครัวเค้าเป็นครั้งสุดท้าย เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในหัวของเรา สงสารคนที่เค้าไม่มีและยิ่งสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ด้วย ยิ่งรู้สึกสงสารอยากไปทำบุญโรงศพให้กับคนยากไร้ขึ้นมาสะอย่างนั้น
จริงรายละเอียดมีเยอะมาก กลัวจะยาวไปไม่มีคนอ่าน 55 ถ้าท่านใดมีคำถามเพิ่มเติมก็เม้นถามมาได้เลยนะคะ
เบ็ดเสร็จหลังจากจบงานค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นอยู่ที่ประมาณ 60,000 บาท เราจึงอยากเขียนประสบการณ์นี้ขึ้นมาเพื่อให้เราใช้ชีวิตกันแบบไม่ประมาท เก็บเงินออมไว้หากเราไม่อยากให้คนข้างหลังเราต้องลำบาก หลังจากเหตุการณ์การสูญเสียนั้นเกิดขึ้นในชีวิตเรา เราหันมามีสติในการใช้จ่ายมากขึ้น แยกเงินเก็บสำรองไว้ฉุกเฉินอย่างชัดเจน
ทั้งนี้เราไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวหาหรือว่าร้ายสถานที่วัดแต่อย่างใด ยังคงเคารพในพระพุทธศานาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเช่นเดิมนะคะ
ฝากถึงทุกคนใช้ชีวิตกันแบบไม่ประมาทดด้วยน๊าา
โฆษณา