30 ต.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #หมดรักก็ต้องเตรียมลา ]
ดีทมาร์ ฮามันน์ คือนักเตะเยอรมันที่มีความผูกพันกับฟุตบอลอังกฤษมากสุดคนหนึ่ง
เพราะค้าแข้งอยู่ในลีกผู้ดีรวมแล้ว 13 ปีด้วยกันตั้งแต่ 1998-2011 เริ่มกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล , โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส , แมนฯซิตี้ ก่อนจะรีไทร์ในสีเสื้อของมิลตัน คีนย์ส ดอนส์
ฮามันน์ เป็นแข้งหงส์แดงยาวนานสุดร่วม 7 ปีด้วยกัน รองลงมาคือตอนรับใช้เรือใบสีฟ้าประมาณ 3 ปี
ดังนั้นยามที่เขาแสดงความเห็นเกี่ยวกับสองสโมสรนี้จึงต้องเงี่ยหูฟังบ้าง เพราะย่อมรู้จักและมีข้อมูลจนกล้าออกมาวิจารณ์
นอกจากจะเป็นหนึ่งในแข้งต่างชาติที่เดอะ ค็อปเคารพและนับถือแล้ว ตำนานอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็ซูฮก ฮามันน์ ผู้เคยเป็นพี่เลี้ยงคอยเสี้ยมสอนแนะนำมาตลอด กระทั่งกลายเป็นกองกลางชั้นยอด
ส่วนกับแมนฯซิตี้ก็ทันเกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีนายทุนข้ามชาติเข้ามาเทคโอเวอร์และประสบการณ์ของเขาก็ช่วยทีมได้ไม่น้อย
หลังแขวนสตั๊ดแล้ว ยังทำงานด้านโค้ชสั้นๆ โดยจุดเริ่มมาจากควบโค้ชและนักเตะของมิลตัน คีนย์ส ดอนส์ ก่อนไปทำงานกับเลสเตอร์ ตามด้วยคุมสต๊อคพอร์ทสั้นๆ 4 เดือนด้วยกัน
สมัยเป็นสต๊าฟฟ์ของเลสเตอร์ ยังได้วิชาความรู้มาจาก สเวน โกรัน อีริคส์สัน ผู้จัดการทีมเวลานั้น ซึ่งน่าจะรู้มือกันดีเมื่อครั้งเป็นเจ้านายลูกน้องที่แมนฯซิตี้มาก่อนแล้วด้วย
ขณะเดียวกันนอกจากเคยกลับไปรับงานทีวีทางช่อง LFC TV ของลิเวอร์พูลแล้ว ยังเป็นคอลัมนิสต์ให้นิตยสารฟุตบอลบางเล่มอีกต่างหาก
รวมถึง The Didi Man: My love affair with Liverpool หนังสืออัตชีวประวัติของ ฮามันน์ หรือที่คนใกล้ชิดเรียกกันว่า ดีดี้ ก็ได้รับความนิยมในแง่ถ่ายทอดศาสตร์ลูกหนังได้อย่างดีอีกด้วย
แม้จะไม่ประสบความสำเร็จหรือจริงจังกับงานโค้ช แต่ในแง่มุมมองหรือแสดงความคิดเห็นของ ฮามันน์ นับว่าน่าสนใจมากๆ
ในฐานะที่เคยปักหลักกับแมนฯซิตี้มา 3 ปี เมื่อมีนักข่าวมาถามว่าคิดอย่างไรกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในเวลานี้ อันน่าจะหมายถึงอนาคตที่กำลังคลุมเครือ เกิดเครื่องหมายคำถามว่าจะอยู่หรือไปในซัมเมอร์หน้า
ฮามันน์ ไม่ต้องคิดอะไรมากบอกไปเลยว่า หากเป็นผู้จัดการทีมคนอื่นโดนเชือดพ้นตำแหน่งไปแล้ว ไม่หนังเหนียวอยู่นานอย่างนี้หรอก
แม้ เป๊ป จะประสบความสำเร็จพาแมนฯซิตี้ครองแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยซ้อน แถมบันทึกประวัติศาสตร์ใหม่รวบหมด 3 ถ้วยในประเทศ แต่ถามหน่อยว่านั่นใช่เป้าหมายที่แท้จริงหรือเปล่า?
พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพหรือว่าลีกคัพ ไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับเรือใบในวันที่โหยหาความยิ่งใหญ่ในเวทียุโรป
คำตอบสุดท้ายจึงเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ฤดูกาลที่ผ่านมานับว่าน่าผิดหวังมากๆ อุตส่าห์ไปได้สวยหักด่านผ่านราชันแห่งยุโรปอย่างเรอัล มาดริดมาได้แล้ว แต่ก็มายุติเส้นทางเอาในรอบควอเตอร์ไฟนั่ลเท่านั้น
มันเหมือนหนังม้วนเดิมไม่มีผิด รายละเอียดของบทอาจแตกต่างออกไป แต่สุดท้ายแล้วชะตากรรมไม่เปลี่ยนเลย
เพราะลองดูผู้จัดการทีมคนก่อนๆ ต่อให้มีแชมป์ลีกมาการันตีก็ไม่รอดเช่นเดียวกัน ชัดเจนก็คือ มานูเอล เปเยกรีนี่
แต่สำหรับ เป๊ป แล้วเหมือนมีอภิสิทธิ์บางอย่าง อาจด้วยความสัมพันธ์กับ ซิกิ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการฟุตบอลที่เป็นเพื่อนนักเตะกันมาก่อน
นอกจากนี้ในส่วนผู้บริหารยังมี เฟร์ราน โซเรียโน่ อดีตรองประธานของบาร์เซโลน่านั่งเก้าอี้ใหญ่อีก เลยได้รับการสนับสนุนอุ้มชูอย่างเต็มที่
ฮามันน์ ไม่ได้บอกว่า เป๊ป ไม่เก่ง แต่จากมาตรฐานของซิตี้ที่ผ่านมาสมควรเจอปลดไปแล้ว เส้นสายภายในนั่นแหล่ะที่เป็นเหมือนเกราะกำบัง
อย่างไรก็ตาม ฮามันน์ ยังมองว่าเวลาของ เป๊ป กับแมนฯซิตี้ผ่านช่วงสุกงอมงดงามมาแล้ว ซึ่งยากมากๆที่ฤดูกาลนี้จะผงาดครองยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกตามที่แพลนเอาไว้
จากสถานการณ์ที่เห็นและเป็นอยู่ เป๊ป ไม่น่าจะเข็นทีมไปได้ไกลกว่าที่เคยแล้ว เหมือนอยู่ในจุดอิ่มตัวแต่ยังไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรต่อไป
ปูมหลังก็บอกอยู่แล้วว่า กุนซือสแปนิชอยู่ที่ไหนได้ไม่นาน แล้วช่วงกุมบังเหียนบาเยิร์น มิวนิค 3 ปีก็พลาดเป้าแชมป์ยุโรปเช่นเดียวกัน
แม้ในช่วงดังกล่าวคนภายนอกจะดูว่าเสือใต้เกรียงไกรยิ่งใหญ่คับประเทศ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฮามันน์ ซึ่งโตมากับบาเยิร์น อยู่ที่นี่มาตั้งแต่ยังวัยรุ่นรวมแล้ว 9 ปี จึงมีข้อมูลบางอย่าง
ภาพข้างนอกของเสือใต้ฉาบไปด้วยความสวยงาม แต่เมื่อเจาะไปข้างในแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้นเลย
เพราะนักเตะหลายคนไม่ได้ชื่นชอบบอสชาวสเปนเลย ด้วยเหตุผลถูกเรียกร้องหรือคาดหวังมากเกินไป
เหมือนอย่างที่เราหลายคนเคยได้ยินกิตติศัทพ์ความเป็น Perfectionist หรือต้องการความสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลานั่นแหล่ะ เป๊ป ต้องการมากเกินไป จนแข้งบางคนเกิดความกดดัน
พอรู้ว่า เป๊ป จะอำลาทีม หลายคนจึงดีใจอย่างมากแทบจะฉลองกันเลยทีเดียว จากนี้จะได้ผ่อนคลายกันบ้าง ไม่ต้องอึดอัดเหมือนเดิม
เป๊ป เองก็อาจจะรู้ข้อเสียเรื่องนี้ของตัวเอง แต่นิสัยมันฝังลึกยากที่จะปรับเปลี่ยนกันง่ายๆ จิตใจหมกมุ่นกับเรื่องงานตลอดเวลา ไม่เคยได้พักเลย ในหัวจะมีแต่ฟุตบอลอย่างเดียว
การโยกมาคุมแมนฯซิตี้มีความแตกต่างออกไป จากทั้งตอนทำบาร์เซโลน่าและบาเยิร์นก็จริง แต่บทสรุปไม่น่าจะหนีกันนัก
เขาเริ่มฤดูกาลแรกกับเรือใบสีฟ้าด้วยผลงานที่น่าผิดหวัง คว้าน้ำเหลวอย่างสิ้นเชิงไม่ได้แชมป์เลยสักรายการ ก่อนจะเจอเสียงเย้ยหยันว่าพรีเมียร์ลีกไม่หมูอย่างที่คิดหรอก เผลอๆจะเอาชื่อมาทิ้งได้
อย่างไรก็ตาม 2 ซีซั่นถัดมา ก็กลบคำวิจารณ์เหล่านั้นลงได้ จนฤดูกาลที่เพิ่งจบลงไปเหมือนจะวนลูปอีกครั้ง
แชมป์ลีกคัพรายการเดียว ไม่ได้เยียวยาความรู้สึกอะไรเลย แล้วฟอร์มของทีมแกว่งไกวไปมา หาความสม่ำเสมอเหมือนอย่างที่เคยไม่ได้ ลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน
ในมุมมองของ ฮามันน์ คล้ายจะบอกว่า เป๊ป มักจะชอบเรียกร้องจากลูกทีมมากเกินไป ซึ่งมันอาจไม่ได้ผลไปตลอด หากมีความกดดันเกิดขึ้น
แม้จะได้รับการสนับสนุนจากบอร์ดบริหารอย่างเต็มที่ในเรื่องเสริมกำลังพล แต่ทุกอย่างมีข้อจำกัดเสมอ
กระทั่งเวลานี้มาถึงทางตันแล้ว ไม่รู้จะเดินไปถึงเส้นชัยได้อย่างไร
อีกทั้งเขากำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆที่ตามมารุมเร้า ก่อนหน้าก็ต้องคิดสูตรสิบตลบเพื่อแก้ไขเกมรับอันหละหลวม โดนวิจารณ์ว่าดีแต่ซื้ออย่างเดียว ลำพังแนวรับมูลค่ารวมกัน 400 ล้านปอนด์แล้ว แต่ยังไม่อาจยืนระยะได้
ส่วนแนวรุกเวลานี้ก็ต้องปวดหัวกับอาการบาดเจ็บตามเล่นงาน เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" และ กาเบรียล เชซุส สองกองหน้าตัวเป้าที่มีอยู่ ต้องปรับแท็คติกกันวุ่นวายอีกไม่น้อย
ด้วยสถานการณ์หลายอย่างไม่แน่ใจเหมือนกันว่าบอร์ดบริหารแมนฯซิตี้ยังคงวางใจหรือรู้สึกเชื่อกับ เป๊ป เหมือนอย่างเคยหรือไม่
ฝ่ายตัวกุนซือเองก็เหมือนหมดความท้ายทาย ก๊อกสุดท้ายได้ใส่ไปแล้ว ไม่มีเพิ่มอีกแน่นอน
เป็นไปได้สูงมากๆ หากบทสรุปยังลงเอยเหมือนเดิม เป๊ป คงไม่ตัดสินใจขยายสัญญาครั้งที่สอง ปล่อยให้ครบเทอมแล้วค่อยทางใครทางมัน
มันอาจจะเป็นความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย เพราะเชื่อว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว
เมื่อไม่ใช่อีกต่อไป ดึงดันอยู่ด้วยกันอีกไม่มีประโยชน์หรอก
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #จำเลยที่ไม่เคยจำใจ ] : จนถึงวันนี้ เมซุต โอซิล ยังกลายเป็นส่วนเกินของอาร์เซน่อลต่อไป โดยที่เขายังเป็นแข้งที่รับเงินมากสุดในพรีเมียร์อีกต่างหาก แม้กระแสจากแฟนบอลจะเอียงมาทางตัวนักเตะ ทว่าบอร์ดบริหารสโมสรก็ดูจะไม่ได้แคร์อะไรทั้งสิ้น เหมือนต้องการจะประกาศสงคราม เอาเข้าจริงเคสนี้ไม่มีใครแพ้และเจ็บปวดเท่ากับแฟนบอลอีกแล้ว ยิ่งในวันที่ปืนโตโหยหาเพลย์เมคเกอร์ตัวปั้นเกม มีของดีอยู่ในมือแต่ไม่อาจนำมาใช้ได้
[ #ใครว่าเด็กไร้ประสบการณ์ ] : ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ จัดเป็นหนึ่งในกุนซือยุคปัจจุบันที่ถูกยอมรับอย่างวงกว้าง ด้วยวัยเพียงแค่ 33 ปีเท่านั้นเขาไม่ใช่เด็กใหม่ไร้ประสบการณ์ ตรงกันข้ามผ่านศึกใหญ่มามากมาย โค่นบิ๊กเนมอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ หรือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เมื่อฤดูกาลที่แล้วราบคาบวันนี้เขาจะได้นำแอร์เบ ไลป์ซิกมาเยือนแมนฯยูไนเต็ด หนึ่งในทีมที่เคยติดตามมาตั้งแต่เด็กและน่าจะเป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่ต้องจำไม่ลืมเช่นกัน
[ #คำถามที่ต้องมีคำตอบ ] : 2-3 วันมานี้เคส ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มีการพูดถึงกันมาที่ยังคงต้องเป้นตัวสำรองอดทน แบบเห็นแย้งกับสายตาผู้คนทั่วไป คำถามยอดฮิตคือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะซื้อมาทำไมตั้ง 40 ล้านปอนด์ แล้วไม่ยอมใช้งาน ให้เป็นตัวสำรองในลีกแบบกระปริดกระปรอย ซึ่งไม่มีประโยชน์สักเท่าไรและ โซลชา ยังคงต้องตอบต่อไป ตราบเท่าที่ยังไม่มีความชัดเจนเช่นนี้
[ #วิถีเท่านั้นสำคัญที่สุด ] : เราเคยได้ยินหลายคนพูดกันว่าถ้า โรนัลโด้ ดาวถล่มประตูทีมชาติบราซิล ไม่หละหลวมเรื่องวินัยจะไปได้ไกลกว่านี้อีกแต่คำวิจารณ์นี้ต้องไปถามตัวนักเตะเองว่า เต็มใจจะปฏิบัติมากน้อยแค่ไหน เพราะสำหรับบางคนแล้วการต้องฝืนทำอะไรก็ตาม อาจลิดลอนประสิทธิภาพที่แท้จริงเพราะวินัยกับวิถีชีวิตที่ใช้ อาจมีเส้นบางๆครั่นอยู่ก็ได้
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา