4 พ.ย. 2020 เวลา 23:59 • ท่องเที่ยว
Colmar & Riquewihr หมู่บ้านในเทพนิยาย💕👑👑
บ้านและดอกไม้ในเมืองแห่งเทพนิยาย Colmar ❤️
หากเคยอ่านนิทานอีสป ที่มีรูปประกอบ. ทุกคนอาจจะจินตนาการตามได้ถูก ถึงภาพวาดหมู่บ้านในนิทานเหล่านั้น บ้านในนิทาน มันคล้ายๆเอาขนมปัง บิสกิต มาประติดประต่อให้เป็นบ้านสวยๆ แต่ภาพตรงหน้าของเรานี่สิ มันคือความจริง ที่ลืมตาอยู่ ไม่ได้ฝันและไม่ได้อ่านนิทาน แต่บรรยากาศ รอบๆตัว มันชวนให้เราคิดว่า ได้เดินหลุด หลงเข้าไปนิทานดีๆนี่เอง 🧚🏽‍♀️🧚🏿‍♂️🌸
สัญลักษณ์เมืองสวยๆแต่ทำไมมีเทพีเสรีภาพด้วยละ 😊😊ต้องตามไปอ่านด้านล่าง
เรานั่งรถไฟออกมาจากปารีส แหล่งอารยธรรมศิวิไลซ์ ที่ดูจะเจริญเพียงสิ่งปลูกสร้าง ยิ่งใหญ่ อลังการ ที่บรรพบุรุษพวกเขาได้สร้างไว้ให้ แต่เท่าที่เข้าไปปะปนกับผู้คนฝรั่งเศส. ในเมืองใหญ่ เขาไม่ค่อยจะน่ารัก เรียกว่าต้องใช้ชีวิตแบบระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เพราะพวกเราเกือบโดนล้วงกระเป๋าบนรถไฟ ความสะอาด สะอ้านของเมือง ก็น่าผิดหวังไม่น้อย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในยุโรป ที่นี่มีผู้คนปะปนหลากหลายเชื้อชาติ อาจเป็นเพราะเราไม่ชอบเที่ยวเมืองเจริญก็ได้ เลยรู้สึกแอนตี้เมืองปารีส
พอได้ออกมาชานเมือง ดูเหมือนเราค่อยหายใจหายคอสะดวกขึ้น😅 เราวางแผนกันมาว่า จะไปเยี่ยมเมือง โคมาร์และเมืองริคเวียร์ (แต่เราชอบเรียกว่าริเคอไวน์ =Liqueur +Wine )😊ฟังดูน่ามึนเมาชมัด😂😂
และเมื่อรถไฟจอดถึงที่หมาย ตอนที่ไปถึงเป็นช่วงบ่ายๆแล้ว ฝนตกปรอยๆ ฟ้าไม่ค่อยเปิดเอาเสียเลย พวกเราลากกระเป๋าหาที่พัก ที่จองไว้ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก เมืองนี้ อาคารสถานที่ดูขลัง เก่าๆมีสไตล์เป็นแบบเฉพาะตัว ช่วงทางเดินจากสถานีรถไฟ ไปที่พัก อาคารจะเป็นตึกสร้างติดๆกัน น่าตื่นตาอยู่หรอก แต่ยังไม่เห็นภาพ บ้านที่เหมือนนิทาน ตามในหนังสือที่เราอ่าน และอยากมาชม จึงรีบนำกระเป๋าไปเก็บก่อนเพื่อจะได้เดินสำรวจต่อว่าที่ตรงนั้นอยู่ส่วนไหนของเมืองนี้🧚🏽‍♀️
สภาพบ้านเมืองด้านนอก บริเวณที่พักของเรา ไม่ห่างจากสถานีรถไฟเท่าไรนัก
ที่พัก เป็นอพาร์ตเมนต์เก่า สูง 4ชั้น มองภายนอก ดูทึมๆน่ากลัว พอเปิดประตูเข้าไปด้านใน มีบันไดวนขึ้นชั้นบน ค่อนข้างมืด แต่พอถึงห้องพัก สภาพภายใน กลับดีจนเกินคาด สะอาดสะอ้าน สวยงามไปด้วยเครื่องเรือนสีครีม มีอุปกรณ์สำหรับทำอาหาร ครบครัน และมีตู้เก็บถ้วยชาม และแก้วไวน์สวยงาม จนกลัวจะทำของเขาแตก 🤣🤣พร้อมโต๊ะทานอาหารและห้องนั่งเล่น ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูดีกว่าบ้านที่ซุกหัวนอนของเราซะอีก เสียแต่แต่สภาพโดยรอบ เงียบเชียบ แทบไม่ได้ยินเสียงมนุษย์😳😳นี่ถ้ามาพักคนเดียว แม่ยอดจินตนาการสูงแบบเรา คงจะหลับฝันถึงเจ้าของที่นี่แน่ๆ แล้วก็อดจะพึมพำกับตัวเองไม่ได้ 🤔 “เจ้าของ ที่นี่คือใครน๊า จะยังมีชีวิตดีอยู่หรือเปล่าหนอ”พร้อมนึกถึงท่านเค้าน์แดร๊กคูล่าแก่ๆ หน้าตาเฉยชาขึ้นมาตะหงิดๆ จนเดอะแกงค์ตะโกนเรียก ให้ไปเดินสำรวจ เมืองได้แล้ว จึงได้หลุดออกจากภวังค์😔😔
ห้องครัวนี้แหละ ที่เราทำแจ๋วฮ้อน ณ.ฝรั่งเศส กินกันจนหายคิดถึงบ้านที่เดียวเชียว😅
ฝนข้างนอกหยุดตกแล้ว พร้อมมีแสงพระอาทิตย์โผล่มายิ้มแฉ่ง เชิญชวนพวกเราออกเดินดูเมืองอย่างน่าตื่นเต้น บ้านเมืองยุโรป ส่วนใหญ่เขาจะอยู่กันแบบเงียบเชียบ เงียบจนเริ่มไม่แน่ใจว่ามีคนอยู่หรือเปล่า แต่จริงๆเขาอยู่กันปกติดี เราต่างหากที่เคยอยู่ในที่อึกทึกครึกโครม จนเคยตัว จึงรู้สึกเหงาๆหู 😅😅
เมืองโคมาร์ (Colmar) เป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตั้งอยู่ในจังหวัด. โอ-แร็งในแคว้นอาลซัส ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส และได้ชื่อว่าเป็น “capitale des vins d'Alsace” (เมืองหลวงแห่งไวน์แห่งอาลซัส) อาคารบ้านเรือนมีเอกลักษณ์แบบเยอรมันที่เขาเรียกว่า half-timbered house คือเขาจะขึ้นโครงไม้ก่อนเป็นเฟรม แล้วโบกปูนลงในช่องว่าง ทาสีหลากสีสัน เหมือนบ้านตุ๊กตา และด้วยนิสัยคนยุโรป เขาจะโรแมนติก เดินไปทางไหน ก็ช่างกุ๊กกิ๊ก ปลูกดอกไม้ประดับประดา กันแทบทุกบ้าน💕
อาคารบ้านเรือน ที่ถูกดูแลรักษาอย่างดี สีสันสะดุดตา
สิ่งที่เราชอบที่จะมอง เวลาไปเที่ยวยุโรป เห็นจะเป็นหน้าต่าง ของแต่ละบ้าน ซึ่งดูแล้วบ้านแต่ละหลัง จะตั้งใจจะ present ดอกไม้ หรือตุ๊กตุ่นตุ๊กตา น่ารักน่ามอง ให้เดินแอบดูจนเพลิน โดยเฉพาะ รูปนกกะสา ที่มีประดับประดากันหลายๆบ้าน จนสงสัยว่า เมืองนี้มีอะไรกะนกกระสา ทำไมถึงฮิตกันจัง จึงไปสืบมาจากคนขายของที่ระลึก ได้ความว่า นกกระสาเป็นนกประจำแคว้น Alasace ของเขา อย่างนี้นี่เองจึงเหมือนมัสคอตของเมืองไปเลย😊😊
การตกแต่ง และจัดวาง สิ่งของต่างๆของที่นี่ ช่างดูเก๋แปลกตา
ดูสิ น่ารักกุ๊กกิ๊กไปหมด
หลังจากเดินกันจนหมดแรง จึงไปนั่งพักขา ตรงหน้าร้านๆหนึ่ง ตาเหลือบไปเห็นแผ่นโลหะรูปสามเหลี่ยม มีสัญลักษณ์เทพีเสรีภาพ พร้อมสลักคำว่า Colmar ก็ให้สงสัยนักว่ามันเกี่ยวกันอย่างไร เพราะเทพีสันติภาพมันอยู่อเมริกา ยังคงนั่งคิด. วนไปวนมาด้วยความอยากรู้ไม่หาย และแล้วก็เดินผ่านพิพิธภัณฑ์ของ คุณเฟรเดริก ออกุสต์ บาร์โตลดี ที่เหมือนจะกวักมือ เรียกเราให้เข้าไปหาคำตอบโดยบังเอิญ คือสรุป คุณเฟรเดริกเนี่ย เขาเกิดที่โคมาร์นี่แหละ แต่เขาเป็นนักออกแบบ ที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส ที่ไปออกแบบเทพีเสรีภาพให้อเมริกา ในโอกาสครบรอบ 100 ปีดังนั้นจึงมีรูปเทพีเสรีภาพ ตั้งจำลองไว้ที่นี่ด้วยนั่นเอง😊😊และหมุดหมายเมือง ก็เลยสลักไว้เพื่อชื่นชม เป็นอนุสรณ์ว่า เทพีเสรีภาพ เป็นฝีไม้ลายมือของคนโคมาร์นี่เอง😊
ชอบมองหน้าต่างบ้านชาวยุโรป เขาชอบมีดอกไม้มาประดับประดา น่ารักมากๆ
อากาศเริ่มเย็นยะเยือก เพราะตอนนี้ประมาณสัก 5 โมงเย็นบ้านเขาแล้ว เราขอแยกกลับที่พักมาก่อนคนเดียวพร้อมกุญแจที่พัก และแล้วเราก็หลงทิศหายไปเกือบ 2 ชั่วโมง อยากทราบรายละเอียด ให้ย้อนไปติดตาม ตอนที่ชื่อว่า “ฝากชีวิตไว้กับ google map😰” จะเข้าใจบรรยากาศ ว่าวันนั้นเราเป็นอย่างไร 😰รู้แต่ว่าค่ำวันนั้น หลังกลับมาได้ หลับเป็นตายเลย เพราะเหนื่อยมาก😥😥
เช้าตรู่ของวันใหม่ พวกเรารีบไปขึ้นรถบัส 🚃 ที่จะพาไปหมู่บ้านท่ามกลางไร่องุ่น ที่เป็นวัตถุดิบ สำคัญ ในการผลิตไวน์ จุดมุ่งหมายนั้น คือหมู่บ้าน ริคเวียร์ หรือริเคอร์ไวน์ ของเรานั่นเอง 😊
รถบัส พาลัดเลาะไปตามไร่องุ่น กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ช่วงที่เราไป มันเพิ่งเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ จึงทำให้เห็นเม็ดองุ่นเม็ดเล็กๆ สียังเขียวอ่อนๆอยู่เลย เมือง Liquewihr อยู่ไม่ไกลจาก Colmar มากเท่าไหร่นัก จะแตกต่างกันชัดเจน คือเมือง ริคเวียร์มีผลิตภัณฑ์โดดเด่นคือไวน์. ที่เปิดร้านเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวชมและชิม🥂🍸🍾ส่วนโคมาร์เท่าที่เห็นมักจะทำพวกขนม หรือผลไม้อบแห้ง🥯🥨🍓🍇
ดอกไม้สวยๆ ที่ปลูกอยู่หน้าบ้าน
อาคารบ้านเรือน สีสันน่ารักมากๆ เดินไปเดินมา รู้สึกว่าแอบให้คะแนนความน่ารักของหมู่บ้านนี้ นำหน้าเมืองโคมาร์นิดนึง เพราะว่าเมืองนี้ ดูเขาจะโรแมนติกมากกว่า สังเกตุจากการตกแต่งดอกไม้ มากกว่าโดยเฉพาะหลายๆบ้าน มีกุหลาบเลื้อยดอกโตๆ ให้แอบย่องไปสูดกลิ่น กันเต็มเลย กุหลาบก็หอมมากๆ ทำให้สมกับมาฝรั่งเศสดินแดนแห่งน้ำหอมนิดนึง🥰
ดูหน้าต่างแต่ละบ้านซิ ไม่มีใครยอมใครเลย ถึงความน่ารัก
หน้าต่าง ประตูน่าเอ็นดูยิ่งนัก😊
รอบๆหมู่บ้านเท่าที่มองออกไปไกลๆ พบว่าเขาน่าจะทำไร่องุ่น เป็นอาชีพ แต่ช่วงที่เราไปมันยังติดลูกเล็กๆใหญ่กว่าหัวไม้ขีดไฟ นิดนึง จึงเสียดายที่ไม่ได้เห็นพวงองุ่น ซึ่งจะเห็นได้ คงเป็นช่วงเดือนสิงหาคม เพราะโดยปกติแล้วในช่วงต้นเดิอนสิงหาคม ที่นี่จะจัดงาน ไวน์ ทุกๆปี (ไม่เป็นไรเดี๋ยวถูกล๊อตเตอรี่ จะกลับมาแก้ตัวใหม่🤣)
เดินชมหมู่บ้านรอบๆ ได้พบกับสัญลักษณ์ประจำแคว้น ทำรังกันอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง ยืนมองอยู่ที่นั่น เห็นหน้านางชัดเจน เพราะนกกระสาตัวค่อนข้างโต แต่ไม่ได้เอากล้องตัวใหญ่ไป จึงไม่สามารถ ซูมภาพจากหลังคาได้ชัดจึงไม่มีรูปมาให้ดูเลย😩😩
เดินวนไปมาจนได้เวลารถบัส รอบสุดท้าย จึงต้อง say bye bye หมู่บ้าน ที่แสนสวยเสียที่ พร้อมเก็บความสวยงามยัดใส่ memory ของเรา เพราะความสวยงามของที่นี่ มองผ่านดวงตา จะสวยงามกว่ามองผ่านเลนส์ หลายเท่านัก💕💘
เช้าตรู่วันถัดไป พวกเราวนกลับมาที่สถานีรถไฟเดิมอีกครั้ง เพื่อเดินทางข้ามชายแดน ไปเยือนประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตามแผนที่เตรียมมา 🖐🖐💘
📌หมู่บ้านในนิทานอีสป มีรูปมากมายแต่ไม่ประทับใจเท่าของจริง😊
📌เมืองเล็กๆน่ารัก แต่ระวังหลงทาง
📌หากอยากจิบไวน์ให้เต็มคราบ ให้ไปเที่ยวช่วงงานเทศกาลไวน์
สถานี Colmar สวยตั้งแต่สถานีรถไฟ😊😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา