5 พ.ย. 2020 เวลา 10:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กลยุทธ์การลงทุนแบบยั่งยืน อีกหนึ่งเคล็ดลับของการลงทุน
บทความโดย Kiatnakin Phatra Asset
ตลาดหุ้นปัจจุบันมีการตอบสนองอย่างฉับไวต่อปัจจัยต่างๆ ที่มากระทบ ทั้งการระบาดของไวรัส Covid-19 ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน หรือความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน
การลงทุนที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว
แบบไม่เสี่ยงและไม่ผันผวนจนเกินไปจึงดูเป็นเรื่องยาก
แต่ก็ยังสามารถทำได้ ด้วยเคล็ดลับการลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ซึ่งเคล็ดลับนั้นก็คือ การลงทุนแบบ ESG
ESG คืออะไร?
E คือ สิ่งแวดล้อม (Environment)
S คือ สังคม (Social)
G คือ การบริหารงานที่ดี โปร่งใสและตรวจสอบได้ (Governance)
โดยสรุปคือการพิจารณารายละเอียดของหุ้นในระดับนโยบาย ประกอบด้วยนโยบายการบริหารงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความใส่ใจสังคมและความเท่าเทียมทั้งภายในบริษัทหรือชุมชนโดยรอบ รวมถึงการจัดการธุรกิจที่ดี รัดกุมและสามารถตรวจสอบได้
จากการจัดลำดับกองทุนหุ้นประเทศสหรัฐฯ ของบริษัทมอนิ่งสตาร์ ณ วันที่ 30 ก.ย. 63 ได้ผลว่าในกลุ่มกองทุนที่มีผลตอบแทนดีมากและสม่ำเสมอในระยะยาว (กองทุนที่ได้ 5 ดาว) เป็นกองทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG มากกว่าครึ่งของกองทุนทั้งหมด และมีเพียง 20% ที่เป็นกองทุนที่มีคะแนน ESG ต่ำ ในขณะที่กองทุนที่ได้มอนิ่งสตาร์ 1ดาว เป็นกองทุนที่มีคะแนน ESG ต่ำ มากกว่าครึ่ง
กราฟแสดงสัดส่วนกองทุนหุ้นประเทศสหรัฐฯ ESG ของแต่ละลำดับกลุ่มกองทุนมอนิ่งสตาร์(1ดาว-5ดาว)
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยถึงการสร้างผลกำไรของหุ้น ESG ในระยะยาว พบว่า 63% จากงานวิจัยทั้งหมดทั่วโลกชี้ว่า ESG ทำเงินได้จริง และมีเพียง 8% เท่านั้นที่ได้ผลตรงกันข้าม
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นนักลงทุนให้ความสนใจกับหุ้น ESG และกองทุนรวม ESG มากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากปริมาณเงินที่ไหลเข้ากองทุนกลุ่ม ESG อย่างต่อเนื่อง ทั้งในอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
ไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กองทุนที่เกี่ยวกับ ESG ทั่วโลก มีมูลค่ารวมกันสูงถึงล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ (ขนาดประมาณ GDP ประเทศไทย 2 ประเทศรวมกัน) ซึ่งเทียบกับเมื่อ 2 ปีก่อน มีขนาดเพียง 5 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เท่านั้น
ย้อนกลับมาที่ฝั่งไทย บริษัทมอนิ่งสตาร์ (ประเทศไทย) ได้รวบรวมข้อมูลกองทุนหุ้นในประเทศไทยเพื่อทำการเปรียบเทียบ และได้ผลมาในลักษณะเดียวกันกับกองทุนหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งก็คือกองทุนที่มีผลตอบแทนดีมากและสม่ำเสมอในระยะยาว (กองทุนที่ได้ 5 ดาว) มีพอร์ตการลงทุนเป็นหุ้นที่คำนึงถึง ESG สูงถึงเกือบ 80% และมีเพียง 20% เป็นกองทุนหุ้นที่มีคะแนน ESG ต่ำ
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่ากองทุน ESG เป็นมากกว่าสิ่งที่หลาย ๆ คนคิดกันว่า เป็นการลงทุนเพื่อทำความดี สะสมแต้มทำบุญ หรือสร้างคุณธรรมภายในตัวเองเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว กองทุน ESG เป็นกองทุนที่สามารถช่วยสร้างผลตอบแทน และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับผู้ลงทุนได้แบบยั่งยืน
ซึ่งการที่บริษัทที่มี ESG ที่ดีกว่า สามารถทำให้ผลกำไรดีกว่านั้น บริษัทวิจัยที่มีชื่อเสียงอย่าง McKinsey ได้ให้เหตุผลไว้ทั้งหมด 5 ข้อ คือ 1.บริษัทจะขายของได้ดีกว่า เนื่องจากผลิตภัณฑ์จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากกว่า 2.ลดต้นทุนได้มากกว่า 3.ได้ประโยชน์จากภาครัฐมากกว่าทั้งในรูปแบบตัวเงินหรือความร่วมมือ
4.ประสิทธิภาพของพนักงานในองค์กรเพิ่มขึ้น 5.ลงทุนในโปรเจคที่ได้ผลตอบแทน (IRR) สูงกว่า ซึ่งเป็นโปรเจคที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวมากกว่า
จากข้อมูลอ้างอิงข้างต้น ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าในระยะยาวแบบยั่งยืนแล้วนั้น
นโยบาย ESG ที่ดีมีส่วนช่วยให้บริษัททำกำไรได้ดี
และมีกำไรสะสมในระยะยาวมากขึ้น
อ่านบทความเต็มได้ตาม Link ด้านล่างนี้
#กองทุนESG #สิ่งแวดล้อมสังคมการจัดการธุรกิจที่ดี #Gorvernance #Social #Environment #ตรวจสอบได้ #Average #Funds #Sustainable #Global #GoldmanSachs #MorningsStar #CROCI #CashReturn #เกียรตินาคินภัทร #KiatnakinPhatra@Blockdit #KKP #Wealth #Investor #นักลงทุน #KKPAdviceCenter #บทสรุปคอนเทนต์ด้านการลงทุนที่นักลงทุนต้องอ่าน #KiatnakinPhatraAsset #โปร่งใส #ลงทุนทุกที่สร้างโอกาสที่ดีเสมอ
โฆษณา