7 พ.ย. 2020 เวลา 04:33 • ศิลปะ & ออกแบบ
King of leather
“หนังจระเข้” ที่สุดของเครื่องหนัง ที่มีความพิเศษจำเพาะในตัวเอง
ด้วยคุณลักษณะโดดเด่น เกิดเป็นงานคาร์ฟที่แตกต่างและประณีต
หากพูดถึงผลิตภัณฑ์จากหนังสัตว์ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด “หนังจระเข้” ต้องเป็นหนึ่งในลิสต์ของหลายๆ คนอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเพราะความสวยงามของลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของจระเข้แต่ละตัวที่ไม่ซ้ำกันเลย หรือเพราะความคงทนมีอายุการใช้งานยาวนานก็ตาม
แต่เราเคยรู้กันหรือไม่ว่าหนังจระเข้ที่เราใช้อยู่นั้น เป็นหนังจากจระเข้ชนิดไหน และเป็นหนังส่วนไหนของจระเข้กันนะ? วันนี้เรามาทำความรู้จักกับจระเข้กัน
จระเข้เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดใหญ่ที่สุด สืบสายพันธุ์ยาวนานมาตั้งแต่ยุค “มีโซโซอิค” หรือยุคจูราสสิค นั่นเอง
เมื่อครั้งที่โลกโดนดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนในตอนปลายของยุคมีโซโซอิค และไม่กี่เดือนหลังจากนั้นบรรดาพืชพรรณ และสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย แม้แต่สัตว์ใหญ่อย่างไดโนเสาร์ต่างพากันสูญพันธุ์ไปเกือบครึ่งโลก มีเพียงจระเข้ที่สามารถปรับสภาพร่างกายให้อยู่รอดได้ และยังขยายพันธุ์ไปทั่วโลกโดยยังคงลักษณะทางกายไว้ได้เหมือนเดิมเกือบทั้งหมดแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากยุคของบรรพบุรุษเลย
1
นอกจากขนาดที่เล็กลงเท่านั้น ในยุคหนึ่งจระเข้เคยมีขนาดยาวถึง 12 เมตร และมีน้ำหนักถึง 10 ตันเลยทีเดียว
⚫ จระเข้ที่รอดขยายพันธุ์ไปไหนบ้าง❓
นับจากนั้นจระเข้ได้ขยายพันธุ์ไปทั่วโลกถึง 23 สายพันธุ์ ส่วนมากจะพบในเขตอบอุ่น และเขตร้อนของทุกทวีปทั่วโลก และหากแบ่งย่อยลงมาจะแบ่งจระเข้ได้ 3 สกุลคือ
1. จระเข้ (Crocodile) มี 2 ชนิดคือ จระเข้น้ำจืด และจระเข้น้ำเค็ม
2. อัลลิเกเตอร์ (Alligator) หรือจระเข้ตีนเป็ด หรือเรียกสั้นๆ ว่า “เกเตอร์” (Gators)
มี 2 ชนิดคือ อัลลิเกเตอร์อเมริกัน และอัลลิเกเตอร์จีน
3. ตะโขง (False Gharial) มี 2 ชนิดคือตะโขงมลายู และตะโขงอินเดีย
⚫ แต่ละสกุลต่างกันยังไง?
ใน 3 สกุลนี้หากเรียงลำดับตามขนาดจากใหญ่ไปหาเล็ก จระเข้มีขนาดใหญ่ที่สุด, อัลลิเกเตอร์มีขนาดรองลงมา และตะโขงตามลำดับ ความแตกต่างทางด้านร่างกายที่สังเกตง่ายๆ หากมองจากด้านบน
จระเข้ มีจะงอยปากจะเป็นรูปตัววี V เมื่อหุบปากฟันบน และฟันล่างจะสับหว่างซ้อนกันพอดี มีเพียงฟันล่างซี่ที่ 4 ซึ่งเป็นฟันซี่ที่ใหญ่ที่สุด และตำแหน่งขอบปากบนตรงบริเวณนั้นเป็นรอยหยักเว้าพอดี ทำให้เมื่อหุบปากแล้วยังเห็นฟันซี่นี้ชัดเจน
▪ อัลลิเกเตอร์ มีจะงอยปากเป็นรูปตัวยู U เมื่อหุบปากจะเห็นเพียงฟันบนแม้แต่ฟันล่างซี่ที่ 4 ซึ่งใหญ่ที่สุดก็จะไม่เห็น
▪ ตะโขง อันนี้ดูง่ายหน่อยเพราะมีจะงอยปากแหลมเล็กเรียวยาวมากแตกต่างจากจระเข้ และอัลลิเกเตอร์อย่างชัดเจน
⚫ พันธุ์ที่พบในไทย
ในจำนวน 23 สายพันธุ์ 3 สกุลนี้ ที่พบในไทยมีเพียงแค่ 3 สายพันธุ์ คือ
▪ จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย (Crocdylus siamensis)
▪ จระเข้น้ำเค็ม (Crocodylus porosus)
▪ ตะโขงหรือตะโขงมลายู (False Gharial)
⚫ จากป่าสู่ฟาร์มและความนิยม
จระเข้ได้กลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจของไทย ทำรายได้ให้กับประเทศไทยปีละหลายพันล้านบาท จึงนิยมเพาะเลี้ยงในฟาร์มเพื่อทำการพาณิชย์กันมากขึ้น เพราะทุกส่วนในตัวจระเข้สามารถนำมาแปรรูปเป็นสินค้าได้หมด
นอกจากหนังแล้ว เนื้อจระเข้ยังทำเป็นผลิตภัณฑ์ส่งขายให้กับผู้บริโภคได้อีก และเลือดจระเข้ก็มีธาตุเหล็กสูงนิยมนำไปทำเป็นแคปซูล, ใช้เป็นสมุนไพรหรือนำไปสกัดเป็นยารักษาโรคต่างๆ
สำหรับจระเข้ที่นิยมนำมาเลี้ยงในเชิงเศรษฐกิจมี 2 ชนิดคือ จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย และจระเข้น้ำเค็ม โดยจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยจะเป็นที่นิยมเลี้ยงมากกว่า เนื่องจากพันธุ์น้ำจืดหาง่ายกว่าพันธุ์น้ำเค็ม ให้ลูกที่เร็วกว่า และสามารถนำเข้าพันธุ์จากประเทศเพื่อนบ้านมาเลี้ยงได้
พ่อแม่พันธุ์จระเข้น้ำเค็มก็มีน้อยกว่าอีกด้วย ส่วนตะโขงไม่นิยมนำมาเพาะเลี้ยงเนื่องจากขยายพันธุ์ยาก ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด และหนังไม่มีราคา
การเลี้ยงจระเข้ในฟาร์มมีทั้งแบบเลี้ยงรวมกัน และแบบแยกเลี้ยงเดี่ยว ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการนำหนังจระเข้มาใช้คือเมื่อจระเข้อายุครบ 3 ปีหรือมีขนาดความยาวที่ 1.80 เมตร จระเข้ที่อายุ 3 ปีจะยังไม่มีกระดูกในหนังจระเข้ที่อายุมากจะเกิดกระดูกในหนัง ทำให้ในขั้นตอนการย้อมสีอาจจะเกิดสีที่ไม่เท่ากันขึ้นได้
หนังจระเข้ที่นิยมนำไปใช้จะมี 2 ส่วนคือส่วนหลัง และส่วนท้อง หากเป็นจระเข้ที่เลี้ยงเดี่ยว และมีหนังส่วนท้องที่สมบูรณ์ ไม่มีรอยแผลเลย จะยิ่งได้รับความสนใจจากตลาด และมีราคาสูงกว่าหนังส่วนอื่น
ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติที่โดดเด่นของจระเข้ ทำให้เกิดความนิยมเลี้ยง และมีฟาร์มเล็กๆ เกิดมากขึ้น
⚫ คุณลักษณะเด่นที่แตกต่างสู่ความไม่ซ้ำใคร
1
ประเทศไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบหนังจระเข้ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หนังจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยได้รับการยอมรับ และจัดอยู่ในอันดับหนังประเภทเกรด A เมื่อเทียบกับหนังจระเข้นอกอย่างหนังอัลลิเกเตอร์ ด้วยคุณลักษณะเฉพาะของหนังจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย ที่มีความยืดหยุ่นกว่าไม่แข็งเหมือนหนังจระเข้นอกหรืออัลลิเกเตอร์ แม้ว่าจะเป็นหนังส่วนท้องเหมือนกัน
เหตุนี้จึงทำให้หนังจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยมีคุณภาพที่ดีกว่า เป็นที่ต้องการของตลาดโลกมากกว่า และมีราคาที่สูงกว่านั่นเอง
1
MANO Strap เราให้ความสำคัญในการคัดสรรหนังจระเข้สำหรับนำมาใช้ทำสายนาฬิกา ตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ โดยเลือกใช้จระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทย และเป็นจระเข้ที่เลี้ยงแบบเดี่ยวจากฟาร์มเลี้ยงที่มีคุณภาพในเมืองไทยซึ่งได้รับมาตรฐานตามสากล เพื่อให้ได้หนังจระเข้เกรด A ที่สมบูรณ์ สวยงาม ไร้ตำหนิ
หนังที่นำมาใช้เป็นหนังส่วนท้องที่เราพิถีพิถันในการคัดเลือกลวดลายบนหนังจระเข้ เฉพาะลวดลายที่มีขนาดเล็กเท่านั้นเพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของสายนาฬิกาที่ออกแบบ และตัดเย็บให้เข้ากับบุคลิกเฉพาะคุณ
หนังจระเข้มีความพิเศษจำเพาะอยู่ในตัวเอง เนื่องจากจระเข้แต่ละตัวมีลวดลายที่ไม่ซ้ำกันเลย และหนังจระเข้ยังมีไฟเบอร์ที่ยึดเกาะกันแน่นเหนียวจึงเป็นหนังที่มีความแข็งแรงคงทนสูงมากกว่าหนังชนิดอื่น
⚫ งานคาร์ฟเฉพาะคุณ
MANO Strap เราสามารถนำหนังจระเข้มาออกแบบเป็นสายนาฬิกาได้ทุกรุ่น ทุกแบรนด์ สายหนังทุกชิ้นเป็นงาน Custom-made ที่ตัดขึ้นใหม่โดยวัดขนาดจากข้อมือของคุณเพื่อให้พอดีกับคุณเท่านั้น ออกแบบโดย “Lek Mano” นักออกแบบนักสะสม ผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับนาฬิกาในทุกมิติมากกว่า 20 ปี และตัดเย็บอย่างปราณีตโดยช่างฝีมือคนไทย
เรามีหนังจระเข้มากสีสันให้คุณเลือกหลายเฉดสีทั้งสีโทนสุภาพ, สีเข้ม, สีอ่อน, แบบมันเงา และแบบด้าน
คุณสามารถเลือกแมทช์สีให้เข้ากับบุคลิก และไลฟ์สไตล์ของคุณหรือแมทช์เข้ากับของรักส่วนตัว เช่น กระเป๋า, รองเท้าหรือรถยนต์ที่ใช้เป็นประจำก็ได้
หากคุณกำลังเบื่อสายนาฬิกาเรือนเดิม อยากลองเปลี่ยนสไตล์หรือมีสายนาฬิกาที่ชำรุด ลองเลือกเปลี่ยนสายนาฬิกาเป็นสายหนังจระเข้กับ MANO Strap เพื่อค้นพบความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร ด้วยตัวคุณเอง และคุณยังมีส่วนร่วมในการออกแบบได้อีกด้วย
บอกสไตล์ที่คุณชอบ และความต้องการเปลี่ยนสายหนังของคุณกับเราผ่านช่องทางนี้
- เลือกสายหนังที่คุณชอบได้ที่ IG: mano_strap
- ปรึกษาเรื่องสายหนังที่เหมาะสมกับคุณได้ที่ LINE: @mano
- นัดหมายเพื่อนำนาฬิกาเข้ารับบริการได้ที่ MANO Gallery
ที่ตั้ง: MANO Gallery ห้องเลขที่ 180-181 ชั้นที่ 1
River City Bangkok เจริญกรุง 24 (ท่าเรือสี่พระยา)
เปิด: 10.00-19.00 น. โทร. 095-480-9489
โฆษณา