5 พ.ย. 2020 เวลา 09:18 • ประวัติศาสตร์
PaK 44 ปืนต่อสู้รถถังที่โหดที่สุดในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง
แนวรบตะวันออกปี 1943 กองทัพเยอรมันต้องปะทะกับรถถังโซเวียตที่แข็งแกร่ง ทั้ง T-34, KV, IS ฯลฯ โดยเฉพาะรถถัง IS ที่มีความสมดุลทั้งเกราะหนาและปืน 122มม.อันทรงพลัง ทำให้เยอรมันเห็นแล้วก็มีความต้องการปืนต่อสู้รถถังขนาดใหญ่ๆมาใช้บ้าง
จากเครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ ขนาดปืนที่ผลิตได้ใกล้เคียงกับปืน 122มม. ของโซเวียตคือ 128มม. ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับปืนใหญ่เรือ การเลือกใช้ปืนใหญ่ขนาดนี้จะทำให้ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องเครื่องมือการผลิตเพราะใช้เครื่องมือผลิตร่วมกับปืนใหญ่เรือ
เมื่อได้ขนาดที่ต้องการแล้ว บริษัทที่รับช่วงไปออกแบบก็คือ Rheinmetall Bösig และ Krupp
บริษัท Rheinmetall Bösig ได้ออกแบบปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 128มม. ซึ่งก็คล้ายๆกับ Flak88 นั่นเองเพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่าและน้ำหนักมากกว่า ในขณะที่บริษัท Krupp ได้ออกแบบปืนต่อสู้รถถังขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า PaK44
Flak 128mm.
กระสุนปืนใหญ่ตัวนี้แยกบรรจุระหว่างหัวกระสุนกับนัดดิน โดยมีนัดดินสามขนาดคือเล็ก กลาง ใหญ่ ขนาดเล็กและขนาดกลางใช้สำหรับยิงกระสุนระเบิด เนื่องจากกระสุนระเบิดไม่ต้องการความเร็วปากลำกล้องมาก ส่วนขนาดใหญ่ใช้สำหรับยิงกระสุนเจาะเกราะต่อสู้รถถัง ยิ่งความเร็วปากลำกล้องมากก็ยิ่งทำให้เจาะเกราะได้ดี
ปืนต่อสู้รถถัง Pak44 สามารถเจาะเกราะที่ลาดเอียง 30° ได้ถึง 230มม.ที่ระยะ 1,000ม. เจาะเกราะ 200มม.ที่ระยะ 2,000ม. และ 173มม.ที่ระยะ 3,000ม. ทั้งยังมีความแม่นยำสูง สามารถยิงหวังผลได้ในระยะไกลมาก เรียกได้ว่าเป็นปืนที่ครบเครื่องทั้งเรื่องเจาะเกราะและระเบิด
นอกจากปืนต่อสู้รถถังตั้งพื้นแล้ว ยังมีการพัฒนาเป็นปืนใหญ่ PaK80 สำหรับนำขึ้นไปติดบนยานเกราะพิฆาตรถถัง Jagdtiger และยังมีแผนนำปืนใหญ่ขนาดนี้ไปติดบนรถถังหนักอย่าง Maus อีกด้วย
ปืนใหญ่แบบนี้เข้าสู่สงครามก่อนสิ้นปี 1944 และถูกใช้จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดพอดี แต่เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลงปืนใหญ่แบบนี้ก็ไม่ได้มีการพัฒนาต่อทำให้มันสูญพันธุ์ไปในที่สุด
โครงการพัฒนารถถัง Maus

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา