7 พ.ย. 2020 เวลา 11:20 • ข่าว
#10_เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับโจ_ไบเดน
#ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่_46_ของสหรัฐอเมริกา
1
การเลือกตั้งสหรัฐในปี 2020 นับเป็นสนามที่ดุเดือดมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐ ที่คะแนนเสียงของผู้ชิงชัยทั้ง 2 ฟาก อย่างประธานาธิบดีในตำแหน่งอย่างโดนัลด์ ทรัมพ์ จากรีพับลิกัน และ โจ ไบเดน จากเดโมแครต มีคะแนนสูสีกันมาก และมีเกมพลิกได้ทุกวินาที
2
ซึ่งในขณะนี้ โจ ไบเดน สามารถพลิกกลับมานำ โดนัลด์ ทรัมพ์ ได้ใน 2 สนามเลือกตั้งรัฐสมรภูมิที่สำคัญมากอย่าง จอร์เจีย และ เพนซิลวาเนีย หลังจากที่เริ่มนับบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ และมีโอกาสสูงมากที่เขาอาจกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา
4
สำหรับโจ ไบเดน ที่มักจะถูกโดนัลด์ ทรัมพ์ ล้อเลียนอยู่เสมอว่าเป็น “Sleepy Joe” - ลุงโจ คนหน้าง่วง ปีนี้อายุ 78 ปีแล้ว และหากมีการประกาศผล อย่างเป็นทางการว่าโจ ไบเดนคือผู้ชนะ เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดในสหรัฐ นับจากวันที่ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง
1
และกว่าจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดของสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ทำงานการเมืองมานานเกือบ 50 ปี และผ่านเรื่องราวต่างๆในชีวิตมาอย่างโชกโชน
2
วันนี้เราลองมาติดตาม 10 เรื่อง ที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกากันหน่อยดีกว่า
2
1. จากเด็กติดอ่าง ก่อนกลายเป็นดาวสภา
 
โจ ไบเดน เคยมีอาการพูดติดอ่างในวัยเด็ก ที่สร้างปัญหาในการเรียนรู้ และความมั่นใจในตัวเองอย่างมากในช่วงวัยเยาว์ แต่แม่ของเขาก็คอยให้กำลังใจเขาเสมอ โดยการบอกว่า “โจอี้ อย่าให้ปัญหานี้มาทำลายความเป็นตัวตนของลูก จงจำไว้ว่าลูกสามารถเอาชนะมันได้”
3
จากนั้นแม่ของเขา จึงส่งเขาไปเรียนการอ่านบทกลอนกับแม่ชีในโบสถ์ และการอ่านกลอนเด็ก เป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้เขาสามารถกลับมาพูดได้อย่างคล่องแคล่ว มั่นใจ และหายจากอาการติดอ่างได้ในที่สุด
1
และหลังจากที่โจ ไบเดน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นรองประธานาธิบดี เขาส่งจดหมายถึง Stuttering Foundation of America ที่ช่วยเหลือผู้คนที่มีปัญหาการติดอ่างว่าเขายินดีเป็นที่ปรึกษา และให้การสนับสนุนมูลนิธิด้วยความเต็มใจ
3
2. เรียนไม่ดี แต่กิจกรรมเด่น
2
โจ ไบเดน เคยจัดอยู่ในกลุ่มเด็กที่เรียนไม่ค่อยดี แต่กิจกรรมเด่น เขามีผลการเรียนอยู่ในระดับกลางๆ ค่อนไปทางท้ายๆของรุ่น แต่มีความเป็นผู้นำสูง และชอบเล่นกีฬา โจ ได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนทั้งในสมัย มัธยมต้น และ มัธยมปลาย และเป็นนักฟุตบอลประจำโรงเรียน และยังเล่นฟุตบอลเป็นตัวหลักต่อจนถึงระดับมหาวิทยาลัย
3. วุฒิสภาชิกวัยละอ่อน
 
โจ ไบเดน เคยติด 1 ใน 5 สมาชิกวุฒิสภาที่อายุน้อยที่สุดในสหรัฐ ตอนที่เขาชนะเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่เดลาแวร์เป็นครั้งแรก ตอนอายุเพียง 29 ปี แต่ต้องรอจนเขาย่าง 30 ก่อน ถึงเข้ารับตำแหน่งได้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่า สมาชิกวุฒิสภาของรัฐต้องมีอายุ 30 ปีขึ้นไป
3
4. ข่าวดี และ ข่าวร้าย ในชีวิตของไบเดน
 
หลังจากที่เขาชนะเลือกตั้งครั้งแรกในเดือน พฤศจิกายน ปี 1972 ก่อนวันเกิดครบอายุ 30 ปีไม่กี่วัน โจ ไบเดนกลายเป็นที่จับตามองในฐานะนักการเมืองท้องถิ่นรุ่นใหม่ไฟแรง แต่ความดีใจของเขาอยู่ได้เพียงไม่ถึงเดือน ภรรยาของเรา เนย์เลีย ไบเดน พร้อมลูกสาวคนเล็กที่อายุเพียง 1 ขวบ มาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ ชนรถบรรทุกพ่วงอย่างจัง ในวันที่ 18 ธันวาคม ปีนั้นเอง
ในวันนั้น เนย์เลีย ขับรถพาลูกๆ ทั้ง 3 คน เอมี่ โบ และ ฮันเตอร์ ไปช็อปปิ้ง ซื้อต้นคริสมาส ตั้งใจจะมาฉลองวันคริสมาสในครอบครัว แต่มาประสบอุบัติเหตุรถยนต์ ชนกับรถพ่วงชกลางสี่แยก ทำให้เนย์เลีย และลูกสาวคนเล็กเสียชีวิต ส่วนลูกชาย 2 คน โบ และฮันเตอร์บาดเจ็บสาหัส กระดูกแตก ศีรษะร้าว แต่รอดชีวิตมาได้
2
5. หน้าที่ และครอบครัว ที่ไม่อาจทิ้งได้
2
จากอุบัติเหตุที่พรากชีวิตภรรยา และลูกสาวในครั้งนั้น ทำให้โจ ไบเดน จ่มดิ่งอยู่ในความทุกข์ จนเขาเคยคิดจะเลิกทำงานการเมือง เพื่อมาดูแลลูกชาย 2 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่รุ่นพี่ในพรรคเดโมแครตมาปลอบใจ และให้ไบเดนทำงานการเมืองต่อไป เขาจึงตัดสินใจทำงานต่อ โดยเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเป็นวุฒิสมาชิก ที่จัดขึ้นข้างเตียงของลูกชาย ที่ยังรักษาตัวอยู่
9
6. พบรักครั้งใหม่จากป้ายโฆษณาข้างรถเมล์
หลังจากที่จมอยู่ในความทุกข์มานานเกือบ 3 ปี เทพธิดาแห่งความรักก็เล่นตลกกับชีวิตของไบเดน เมื่อเขาเห็นนางแบบสาวคนหนึ่งป้ายโฆษณาข้างรถเมล์ชิ้นหนึ่งผ่านหน้าเขาไป เป็นภาพที่ติดตา ตรึงใจจนสลัดไม่หลุด เขาจึงตัดสินใจสืบหาว่าผู้หญิงในภาพคือใคร และในที่สุดก็พบว่าเธอคือ จิล จาค็อบส์ นักศึกษาสาวที่มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ ที่เดียวกับที่ แฟรงก์ น้องชายของเขาเรียนอยู่ จึงติดต่อขอนัดคุย จนเกิดเป็นความรัก สุกงอม และได้แต่งงาน กลายเป็นคู่ชีวิตคนที่ 2 ของเขาจนถึงปัจจุบัน
2
7. ทำเนียบอยู่ไหน Amtrak Joe มาแล้ว
โจ ไบเดน เคยมีฉายาว่า Amtrak Joe เพราะเขานั่งรถไฟ Amtrak จากบ้าน ไปทำงานที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ยาวนานกว่า 36 ปี เพราะเป็นเส้นทางเดียวที่เขาสามารถเดินทาง ไป-กลับ บ้านได้ทุกวัน ซึ่งการโดยสารรถไฟ ใช้เวลาเดินทางเที่ยวละ 90 นาที เพราะเขาอยากกลับบ้านไปเจอลูกๆ และภรรยาทุกวัน แม้แต่ทุกวันนี้ เขายังคงใช้บริการรถไฟ Amtrak เป็นบางครั้ง เพราะสะดวกกว่าขับรถเอง
2
8. โรคเกี่ยวกับสมองในครอบครัวไบเดน
โจ ไบเดน เคยต้องเข้ารับการผ่าตัดทางสมองเพราะอาการ หลอดเลือดสมองโป่งพอง ถึง 2 ครั้ง ที่ทำให้เขาต้องพักงานยาวถึง 7 เดือน แต่อาการทางสมองของโจ ไบเดน ก็ยังไม่หนักเท่ากับของลูกชาย โบ ไบเดน ที่ตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งในสมอง และเสียชีวิตในปี 2015 ด้วยวัยเพียง 46 ปี
9. คู่จิ้นสะท้านทำเนียบขาว
1
บารัค โอบาม่า และ โจ ไบเดน เป็นคู่หูประธานาธิบดีที่ทำงานเข้าขากันมากคู่หนึ่ง และยังสนิทเป็นเพื่อนซี้กันเป็นการส่วนตัวด้วย หากไม่ติดภารกิจยุ่งๆที่ไหน ก็มักจะไปพักกินข้าวเที่ยงด้วยกันเสมอ สนิทสนม กอดคอใกล้ชิดจนกลายเป็นคู่จิ้น Bromance ประจำทำเนียบขาว จนโจ ไบเดน ต้องออกมาเบรคนักข่าวว่า เลิกจิ้นผมกับโอบาม่าสักทีเถอะครับ มันจั๊กกะจี้
10. ขวัญใจชาวโลกเขียว
3
โจ ไบเดน ประกาศนโยบายหาเสียงของเขาตั้งแต่ปี 2017 หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมพ์ ประกาศจะถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงปารีส ที่ว่าด้วยเรื่องการลดภาวะโลกร้อน แถมยังบอกว่าเรื่องภาวะโลกร้อนเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง
1
โจ ไบเดน ออกมาประกาศตอบโต้ว่า หากเขาได้มีโอกาสเป็นผู้นำสหรัฐ เขาก็จะพาสหรัฐกลับไปร่วมในข้อตกลงปารีสเหมือนเดิม และเรื่องโลกร้อน ไม่ใช่เรื่องลวงโลก แต่เป็นงานของโลก และประกาศจะนำสหรัฐไปสู่ประเทศสังคมปลอดคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2050 เขาจะส่งเสริมการสร้างอาคาร Smart Building ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาระบบขนส่งมวลชนปลอดคาร์บอน และเร่งสร้างงานหลายหมื่นตำแหน่งไว้รองรับคนงานในอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหิน ให้เร็วที่สุด
11
ซึ่งเป็นนโยบายที่ตรงกันข้ามกับทรัมพ์อย่างสิ้นเชิง ที่ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมถ่านหินในประเทศเพื่อรักษารายได้ และตำแหน่งงานให้กับคนที่ยังอยู่ในอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินนั่นเอง
1
เป็นอย่างไรบ้าง กับ 10 เรื่องราวในชีวิตของโจ ไบเดน กว่าจะมาถึงวันนี้ ผ่านอะไรมาเยอะมาก ทั้งทุกข์ และ สุข อุปสรรค และความสำเร็จ ที่วนเวียนอยู่ในชีวิตของเขาเช่นเดียวกับปุถุชนทั่วไป ที่หลายคนอาจจะมองว่า เพราะเขาเคยเป็นเบอร์ 2 ของโอบาม่า จึงมีโอกาสเช่นในวันนี้ แต่หากถึงเวลาที่จะได้ยืนบนจุดสูงสุดของทำเนียบขาว ก็จะได้พิสูจน์กันว่าเขาจะสลัดเงาของโอบาม่า กลายเป็นประธานาธิบดีที่ผู้คนจดจำได้หรือไม่
4
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา