13 พ.ย. 2020 เวลา 12:56 • สุขภาพ
ทำยังไงถึงจะมีความสุข?
กับคนปกติทั่วไปการแสวงหาสิ่งนี้ก็นับว่าปกติ หลายคนก็คงจะลองทำแล้วกับหลายๆวิธี คนมีเงินมากก็จะมีโอกาสทดลองทำกับหลายหนทางมากกว่า
แต่กษัตริย์โซโลมอนของอิสราเอล ก็ถือนับว่าเป็นกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ในด้านความมั่งคั่งและสติปัญญา ก็ได้ทดลองกับหลายๆหนทางเพื่อจะมีความสุขเหมือนกัน และพระองค์ก็ได้สรุปว่าการแสวงหาความสุขตามวิถีทางของโลกล้วนจบลงที่"อนิจจัง" คือมันเหมือนว่างเปล่า ไม่ได้ไม่มีอะไรเลย
กับผู้คนมากมายก็กำลังพยายามดิ้นรนกันเพื่อสร้างฐานะ เพื่อยกสถานภาพของตัวเอง จริงๆ จะว่าไปก็ เหมือนหยากจะขึ้นไปสู่ที่ๆ พระองค์เป็น แต่ทั้งชีวิตมันจะได้ไปถึงหรือเปล่า และกับคนที่ได้ไปถึงแล้วอย่างพระองค์สรุปสิ่งที่ได้รับเมื่อได้ไปถึงก็คือ"อนิจจัง" แล้วยังหยากจะไปกันอีกหรือ หรือคิดว่ามันจะมีอะไร
แต่ดูเหมือนว่ามันมีอำนาจที่ทรงพลังในการผลักดันผู้คนให้ไหลไปในทิศทางนี้ด้วย ไม่ว่าจะเต็มใจจะไปหรือไม่ก็ตาม ตราบที่ยังคิดจะมีที่ยืนอยู่ได้ในสังคม เหมือนเครื่องจักรที่ถูกตั้งโปรแกรมให้ต้องทำ จนกว่าเครื่องจะพังใช้การอีกไม่ได้นั่นแหล่ะถึงจะได้หยุด
หลายคนก็เลือกที่จะปลีกตัวหนีออกมา ไม่อยากที่จะไปต่อสู้แข่งขันกับใคร อยากอยู่แบบสงบๆ ทำมาหากินอยู่ไปวันๆ ง่ายๆสบายๆ แต่เอาเข้าจริงๆ ชีวิตมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด กับการจะมีชีวิตอยู่เพียงลำพัง ไม่มีใครเลยมันเป็นไปไม่ได้ แต่พอมีความสัมพันธ์กับคนอื่นก็ต้องมีปัญหาความขัดแย้งตามมาด้วย เพราะต่างคนต่างมีความคิดวิถีทางของตน
ครอบครัวที่ดี แค่การมีเธอมีฉันจึงไม่เพียงพอแต่มันจะต้องมีคนกลางที่คอยเป็นกรรมการตัดสินที่เด็ดขาดด้วยถึงจะไปได้ตลอดรอดฝั่ง หลายครอบครัวก็เอาพ่อแม่มาคอยช่วย แต่ก็มักจะไม่สามารถตัดสินชี้ขาดได้จริง ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ อีกฝ่ายก็จะมองว่าลำเอียงเข้าข้างลูกของตัวเองเสียมากกว่า อีกอย่างท่านก็เป็นเพียงมนุษย์เดินดินขี้เหม็นเจ็บตายเป็นเหมือนกัน ถ้าจะตัดสินผิดพลาดบ้างก็เป็นเรื่องปกติ
ส่วนผมกับภรรยาหรือกับเพื่อนพี่น้องที่คบหากันเรามีพระเจ้าเป็นคนกลางครับ มันก็จบง่ายครับหากเกิดความขัดแย้งกันขึ้นมา เราต่างก็จะหันมาดูว่าพระเจ้าว่าอย่างไรคือดูจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลน่ะครับ เธอฉันว่าอย่างไรคือไม่สำคัญเลย เอาพระเจ้าว่าไว้อย่างไรก็พอแล้ว มันก็เลยจบง่ายครับ คือกับพวกเราที่เป็นมนุษย์ก็อยู่ในสถานะที่ต่ำกว่า มีขีดจำกัด ไม่ได้มีค่าอะไรเลยเมื่อเทียบกับพระเจ้า
แต่ถ้าไม่มีพระเจ้าเป็นคนกลาง เอามนุษย์มาเป็นคนกลางต่อให้คนที่ดูเก่งที่สุดฉลาดที่สุดของโลกก็ไม่ได้มีอิทธิพลที่มากพอจะทำให้ผู้คนไว้วางใจได้ว่าเขาจะสามารถรับประกันหรือดูแลรับผิดชอบกับชีวิตของตนนั้นได้จริงๆ สังคมนั้นสุดท้ายก็จะมีแต่การแย่งชิงอำนาจกัน ผลัดกันแพ้ชนะไม่จบไม่สิ้น ต่างฝ่ายต่างอยากขึ้นครองบัลลังค์สูงสุดแห่งอำนาจ เพราะสบายใจกว่าการจะอยู่ภายใต้ผู้ใด ล้วนอยากเป็นกษัตริย์เองเหมือนกันทั้งหมด
มันก็เลยวุ่นวายกันไปหมดกับสภาพสังคมโลกทุกวันนี้ เป็นภาพที่น่าขยะแขยงกับการใช้ชีวิตของผู้คนมากมายทุกวันนี้ เหมือนให้เด็กไม่หย่านมขึ้นมาเป็นแม่ทัพ เหมือนให้ขอทานขึ้นมาเป็นกษัตริย์ เพราะพระเจ้าสร้างมนุษย์มาไม่ได้สร้างมาให้มีคุณสมบัติแบบนั้น ไม่ได้สร้างมนุษย์มาให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่สร้างมาให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ก็ต้องด้วยมีการเชื่อมต่อติดอยู่กับพระองค์พึ่งพาพระเจ้าเท่านั้น
นอนลงถ้าพระเจ้าไม่ให้ก็หลับไม่ได้ หลับแล้วถ้าพระเจ้าจะเอาลมหายใจไปก็ฟื้นอีกไม่ได้ ตื่นมาถ้าพระเจ้าไม่ให้กลืนก็กินไม่ได้แม้แต่น้ำหยดเดียว ทำงานถ้าพระเจ้าไม่ให้กำลังและสติปัญญาก็ทำอะไรไม่ได้เลย ฯลฯ ทุกๆเรื่อง แต่หลายคนตอนนี้กลับใช้ชีวิตเหมือนตัวเองคือพระเจ้า คือผู้บงการชีวิตตัวเอง ไม่สนใจเลยว่าพระเจ้าต้องการอะไรที่ให้ตนนั้นเกิดมา..
ก็คงใกล้มากแล้วกับวันเผาจริง คือเวลาที่โลกนี้จะต้องยุติลง การประกาศข่าวนี้เพื่อให้ทุกคนได้รู้และเตรียมพร้อมรับมือนี้ต่างหากคือเรื่องที่สำคัญมากที่สุด
"องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่
แต่ว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมยแอบย่องมา และในวันนั้น ท้องฟ้าจะล่วงเสียไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินโลกกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่ในโลกนั้น จะต้องไหม้เสียสิ้น เมื่อเห็นแล้วว่าสิ่งทั้งปวงจะต้องสลายไปหมดสิ้นเช่นนี้ ท่านทั้งหลายควรจะเป็นคนเช่นใดในชีวิตที่บริสุทธิ์และดีงาม จงเฝ้ารอและเร่งวันของพระเจ้าให้มาถึง ซึ่งวันนั้นท้องฟ้าจะถูกไฟผลาญสลายไป และโลกธาตุก็จะถูกไฟเผาให้สลายไป แต่ว่าตามพระสัญญาของพระองค์นั้น เราจึงคอยท้องฟ้าอากาศใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ที่ซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่"
2 เปโตร 3:9‭-‬13 TH1971
โฆษณา