15 พ.ย. 2020 เวลา 02:27 • ศิลปะ & ออกแบบ
"คนในใจ..ที่อยู่ในความทรงจำ"
คุณค่าแห่งลมหายใจ..นั้นขึ้นอยู่กับว่าคนเรานั้นได้ดำรงตนอยู่เช่นไร ในการสร้างสรรค์..ความคิด คำพูด และการกระทำ ว่าได้ทิ้งอะไรไว้ให้แก่สังคมมากน้อยแค่ไหน และดีงามทรงคุณค่าเพียงใด
ด้วยความอาลัยยิ่งแด่ รศ.ดร.สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์
ทุกสิ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีเวลาสั้นหรือยาวกว่ากัน...อยู่ที่ความตั้งใจวางตนและตั้งตนอย่างแน่วแน่มั่นคงต่างหาก
คุณค่าแห่งลมหายใจของท่านอาจารย์มิใช่เพียงแค่การสร้างผลงานต่างๆเท่านั้น แต่คุณค่าที่สูงส่งยิ่งนักคือ..ผลงานการสร้างตัวตนของท่านอาจารย์..มากกว่า
คุณค่าของลมหายใจ..อยู่ที่ใช้..ไปเพื่อสิ่งใด
ความเป็นตัวตนอันทรงคุณค่าของท่านอาจารย์ รศ.ดร.สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์ นั้นคือสิ่งที่อยากจะสรุปลงอย่างสั้นๆ 5 ประการ ด้วยคำว่า"S.U.W.A.T"ดังนี้คือ
ความเป็นตัวตน..ที่รังสรรค์
1.Stand Straight on Dignity (มีความภาคภูมิใจในตนเอง)
การดำรงตนอย่างมีจุดยืนอย่างมีหลักการที่มั่นคงและมีความสง่างาม คือการสร้างสรรค์งานศิลป์ที่โดดเด่น อย่างมีอัตลักษณ์เป็นของตนเอง
ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ จะรู้ว่าท่านอาจารย์ได้ใส่เอกลักษณ์ไว้เสมอ
ทุกชิ้นงานคือความภาคภูมิใจที่ได้ทุ่มเทใส่ความตั้งใจอย่างเต็มที่เสมอ เน้นความพิถีพิถันทำให้ต้องลงมือด้วยตนเองแทบทุกขั้นตอน
เหตุที่เป็นเช่นนี้อาจารย์เคยบอกให้ฟังว่า"ทุกชิ้นงานคือชื่อเสียงและสะท้อนความเป็นตัวผมอยู่ด้วยเสมอ ไม่ว่าจะดีหรือไม่แค่ไหน ผมจึงต้องรับผิดชอบทำออกมาให้ดีที่สุด"
"เพราะผลงานทุกชิ้นคือความภูมิใจของผม"
ทุกชิ้นงาน..คือผลงานที่ทุ่มเทจากใจ
2.UnQuestionable integrity (มีความสัตย์ซื่อที่ไม่ต้องสงสัยในตน )
เรื่องนี้เป็นสิ่งเด่นชัดมากที่สะท้อนมาจากการแสดงออกของอาจารย์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ดังเช่นเมื่อต้องมีการนำผลงานไปจัดแสดงงานต่างๆ ที่ใด สิ่งที่ท่านเคยกล่าวไว้ คือ
"เราต้องซื่อสัตย์ต่อความเป็นศิลปินที่เขาให้เกียรติเชิญเรามา ผมไม่สามารถนำผลงานเดิมๆไปเวียนโชว์
ดังนั้นผมจึงต้องทุ่มเทและให้เวลาเพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่เพื่องานนั้นๆขึ้นมาโดยเฉพาะแทบทุกครั้ง"
เชื่อเสมอได้ว่าท่านให้ความเคารพตนเองและซื่อตรงอย่างรับผิดชอบเสมอ..เพราะนั่นคือสัจจะแห่งศิลปินที่มีอยู่เต็มในตัวของท่าน
3.Warm- hearted.(คนมีหัวใจที่อบอุ่นต่อผู้คนรอบข้าง )
หากจะมีสิ่งใดที่เราสามารถพบเห็นได้เป็นปกติในตัวท่านอาจารย์ ก็คงเป็นสิ่งนี้ คือเราจะมองเห็น ความนอบน้อม ถ่อมตน และให้เกียรติผู้คน
มีความกตัญญูรู้คุณผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนยิ่งใหญ่หรือเล็กแค่ไหน ที่เคยมีส่วนร่วมหรือช่วยสร้างโอกาสและบทเรียนที่ดี
ผมมักได้ยินเสมอเมื่อท่านอาจารย์แนะนำผู้คนให้ผมรู้จักด้วยความชื่นชมอย่างรู้คุณ
"นี่คือท่านอาจารย์ที่สอนผมมา...นี่คือพี่..คือน้องที่ช่วยงานผมมาเสมอ"ฯลฯ
หากใครได้มีโอกาสได้สนทนากับท่านอาจารย์จะสามารถสัมผัสรู้ได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่กล่าวมานี้หาได้เกินเลยไปแม้แต่น้อย
4.Artist Beyond Artist (ความเป็นศิลปินที่เหนือกว่าการเป็นศิลปิน)
อาจารย์ไม่ใช่แค่การเป็นจิตรกรผู้วาดภาพสร้างสรรค์งานศิลป์เท่านั้น แต่ยังเปี่ยมด้วยปัญญาในการรังสรรค์ต่อยอดงานอย่างหลากหลายมิติ ทั้งในด้านงานปฏิมากรรมอันวิจิตรบรรจง
ยิ่งไปกว่านั้นทุกสิ่งที่สร้างสรรค์ ล้วนมีพื้นฐานจากการศึกษาค้นคว้าบนงานวิจัย เพื่อค้นพบความหมายที่บรรจงเลือกมาถ่ายทอดผ่านงานศิลป์ทุกชิ้นงาน
"ก่อนลงมือสร้างสรรค์ผลงาน ผมต้องมีความรู้จริงอย่างถ่องแท้เสียก่อน..เพื่อให้ผลงานมีฐานคิดที่ถูกต้อง"
ดังนั้นเราจึงมักจะเห็นผลงานทุกชิ้นจึงมีความลึกซึ้งในคุณค่าเพราะเป็นสิ่งเชื่อมโยงพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์และความเชื่อของผู้คนจากอดีตสู่ปัจจุบัน
จึงอาจกล่าวได้ว่างานแทบทุกชิ้นของท่านอาจารย์สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์ คือ"งานพุทธศิลป์"โดยแท้
ไม่น่าเชื่อตรงที่ศิลปินส่วนใหญ่จะเน้นที่ผลงานศิลป์ส่วนตนตามความถนัดเฉพาะเรื่องเท่านั้น
แต่หากย้อนรอยดู เราจะเห็นว่าท่านอาจารย์ไม่ได้แค่เป็นนักวิจัย แต่ยังเป็นนักเขียนที่ถ่ายทอดความหมายต่อยอดงานศิลป์ต่างๆ ให้มาเป็นผลงานหนังสือที่มีคุณค่าด้วยเสมอ
ความอ่อนน้อม..คือคุณสมบัติสร้างความสำเร็จ
จึงเป็นศิลปินที่ครบเครื่อง. ทำในสิ่งที่เหนือกว่าการเป็นศิลปินปกติ
5.Teacher..as Giver.(มีความเป็นครูผู้ให้อย่างเต็มหัวใจ)
นับว่าเป็นความเด่นชัดที่ยากจะปฏิเสธได้เลย คือความเป็นครูที่มีอยู่เต็มในสายเลือดของอาจารย์
เราจึงเห็นความทุ่มเท อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยที่ให้เวลากับการเรียนการสอนที่ไม่เคยทิ้ง แม้ในยามเจ็บป่วยอาจารย์เคยปรารภให้รู้ว่ายังห่วงงานสอนเสมอ
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่มักเห็นกันเป็นประจำทุกปี นอกจากการสอนในมหาวิทยาลัยแล้ว ยังมีการสอนให้แก่เยาวชนในต่างจังหวัด
จึงรู้ว่า การสอนในความหมายของท่านอาจารย์นั้นคือ "การให้โอกาสกับผู้คน"
สิ่งนี้คงฝังลึกในใจ ที่เคยผ่านประสบการณ์ความยากลำบากด้วยตนเอง จึงพยายามเติมเต็มสิ่งนี้คืนให้แก่ผู้คน
พลังอำนาจบารมี..ล้วนอยู่ที่การใช้อย่างมีคุณธรรม
ผมเชื่อว่านี่คือความสุขทางใจอีกชนิดหนึ่งของท่านอาจารย์
"บทสุดท้าย..แห่งชีวิต"
ตลอดเวลาที่ได้พบและเยี่ยมเยียนกัน ท่านอาจารย์ก็ดำรงความเป็นตัวอาจารย์ทั้งห้าประการที่ได้กล่าวมาแล้วอยู่เสมอ
จึงเป็นความชื่นชมและให้เกียรติที่ดีต่อกันเสมอมา จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ทราบข่าวว่าท่านอาจารย์เริ่มต้นไม่สบาย และต้องพักรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน งดกิจกรรมต่างๆลง
ด้วยความเป็นคนจริงจัง ดังเช่นอาจารย์การจะให้หยุดอยู่เฉยๆจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจยอมรับกันได้
วันหนึ่งเมื่อได้มีโอกาสพบและนั่งคุยกันที่เรือนศิลป์ จึงรู้จากปากของท่านอาจารย์เองว่า เหตุสำคัญนั้นมาจากการทุ่มเทสร้างสรรค์งานอย่างหนักติดต่อกันมาหลายงาน
จึงทำให้มีการพักผ่อนน้อย และท่านว่าอาจมาจากความประมาทด้วยเชื่อมั่นในตนเองมากไปในการท้าทายชีวิต อย่างหักโหม
ผลข้างเคียงจึงมาจาก ทั้งกลิ่นสี และการลงชื่อในโลหะงานศิลป์ทุกชิ้นที่อดพลั้งเผลอการป้องกันไปบ้าง จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้มีอาการทรุดลงของร่างกาย
ผมจำได้ว่าวันนั้น เคยบอกเล่าประสบการณ์ชีวิตตนเองเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน มีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำว่า ชีวิตคนเรานั้นมีค่ามากยิ่งนัก และเปรียบเสมือนดั่งการเดินหมากรุกในกระดานชีวิต
บางครั้งคนเรามักเพลินไปกับการทุ่มเทและให้เวลากับเดินหมากรุกอย่างคร่ำเคร่งไม่หยุดพัก ย่อมมีผลเสียหายตามมาได้อย่างไม่คาดคิด
ดังนั้นการหยุดให้กระดานหมากรุกแห่งชีวิต ได้มีโอกาสฟื้นฟูบ้างย่อมเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง
แม้อาจจะดูว่าชีวิตย่อหย่อนไปจากความตั้งใจบ้าง ทั้งในสายตาของคนทั่วไปและใจตนเองก็ตาม
แต่ก็ยังดีกว่าที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่คิดชีวิตจนกระทั่งกระดานหมากรุกหักสะบั้นลง ทุกสิ่งจะจบสิ้นไป..หมากทุกตัวก็จะหยุดเดิน
ผมจำได้ว่าวันนั้นท่านอาจารย์มีแววตาที่สดใสและมีกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมในตนเอง และบอกว่าเรื่องปอดคงต้องใช้เวลาฟื้นนานเป็นปีในการพัก
จากวันนั้นกาลเวลาผ่านมาอีกหลายเดือน กระทั่งได้ทราบข่าวที่ส่งต่อๆ กันมาทางกลุ่มศิษย์ของท่าน
วินาทีนั้น...สร้างความรู้สึกช็อคด้วยความตกใจอย่างยิ่ง เพราะในความรู้สึกของผมและเชื่อว่าหลายคนคงเป็นเช่นเดียวกัน ต่างล้วนไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อยว่าจะมีเหตุการณ์แบบกระทันหันเช่นนี้เกิดขึ้น
ข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ถูกแพร่กระจายมาอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้เคยคิดทำใจมาก่อน เพราะเชื่อว่ายังไม่น่าจะถึงเวลาสำหรับท่านอาจารย์
เพราะทุกคนต่างเชื่อว่าอาจารย์ย่อมสามารถกลับคืนมาได้ ด้วยความที่เป็นคนที่มีความดีงามในความดี
แต่ความจริงในสัจจธรรมที่ไม่มีใครเลี่ยงพ้นได้ ย่อมเกิดขึ้นได้ เหลือเพียงแค่การทำใจยอมรับ เท่านั้น
นับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่มากครั้งหนึ่งของวงการศิลป์ ในการจากไปของศิลปินที่ทุ่มเทสร้างสรรค์ผลงานอย่างไม่คิดชีวิต เช่น รศ .ดร .สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์
ยามนี้เราทุกคนต่างรู้ชัดเจนแล้วว่า แม้วันนี้ท่านอาจารย์จะอำลาจากไปอย่างนิรันดร แต่ได้ทิ้งความจริงที่ช่วยตอกย้ำคุณค่าไว้อย่างหนึ่ง คือ
"แม้ชีวิตคนเราจะแสนสั้น แต่ผลงานศิลป์ของท่านอาจารย์จะดำรงอยู่อย่างยืนยาวอย่างแน่นอน"
ความงดงามอัน..อมตะ..คือความเสมอต้นเสมอปลาย
อย่างไรก็ตามการเดินหมากรุกของท่านจะมาได้แค่ครึ่งกระดานชีวิตเท่านั้น แต่ชั่งมีผลงาน เปี่ยมด้วยลีลาที่ล้ำเลิศมากมายให้ปรากฏ..ประจักษ์แจ้งได้มากมายขนาดนี้
ดังนั้นไม่ว่าอีกครึ่งกระดาน เราจะไม่ได้เห็นการเดินหมากอันสร้างสรรค์จากท่านอาจารย์อีกต่อไปแล้วก็ตาม
"เพียงครึ่งหนึ่งของชีวิต"คือความล้ำค่าอันเด่นชัดอย่างโดดเด่นยิ่งนัก จึงดำรงอยู่ในดวงใจของทุกคนได้อย่างไม่มีวันลืมได้แม้แต่น้อย
ทุกสิ่งที่ท่านอาจารย์ได้รังสรรค์มาด้วยหัวใจอันมุ่งมั่น นับแต่วันนี้ได้กลายเป็นตำนานที่ผู้คนจะเล่าขานสืบต่อกันไปอย่างไม่มีวันจบ
สุดท้ายที่ปลายทาง
...เสมือนปริศนาแห่งสุดยอดศิลปินได้ทิ้งไว้ให้มีศิลปินคนต่อไปได้เรียนรู้ มาคลายคลี่..หมากแห่งพุทธศิลป์ อีกครึ่งกระดานที่เหลือในอนาคต
จากศิลปิน..ครึ่งชีวิต... "คนในใจ..ที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป"
ด้วยความอาลัยยิ่ง
"LL&L15/11/63
โฆษณา