17 พ.ย. 2020 เวลา 12:40 • ข่าว
ทรัมป์ได้ทำนายผลการเลือกตั้งไว้ล่วงหน้าจากการหาเสียงช่วงเดือนกันยายนว่า ถ้าเขาแพ้โหวต แต่สุดท้ายสภานิติบัญญัติจะเลือกเขากลับมา อะไรคือสิ่งที่แฝงนัยในสถานการณ์การเลือกตั้ง
ขีดเส้นใต้ที่จะสู้หรือถอยของทรัมป์ ผ่านสภานิติบัญญัติของสหรัฐ
ตามกฏหมายรัฐธรรมนูญของสหรัฐ เมื่อรัฐใดไม่สามารถระบุผู้ได้รับเลือกได้ทันตามเวลา นั้นจะทำให้สภาฯ มีสิทธิ์พิจารณาให้แต่ละรัฐส่งผู้แทนการเลือกตั้งมาได้รัฐละ1คน
เป็นการเปิดโอกาสให้ทรัมป์กลับมาครองตำแหน่งอีกครั้ง เพราะพรรค
รีบพับรีกันมีฐานเสียงถึง 24 รัฐ และเดโมเครตมี 15 รัฐ และที่เหลือนั้นอาจไม่ใช่ฐานเสียงของทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดการแย่งชิง และสุดท้าย
พรรครีพับริกันอาจจะได้เปรียบและเลือกทรัมป์กลับมา
จากคำเตือนของนาง แนนซี่ โพโลซี่( Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา สังกัดพรรคเดโมเครต และคู่กัด
บรรลือโลกของนายทรัมป์ เคยเตือนพรรคเดโมเครตให้หาหนทางในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้
พอล แองเกล ผู้เขียนหนังสือ The Constitution Study ได้อธิบายถึงสาเหตุนี้ว่า
1.ความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในบางรัฐที่ทำให้ไม่สามารถได้รายชื่อผู้สิทธิ์เลือกตั้งภายในระยะเวลาที่กำหนดเป็นเงื่อนไขที่จะให้สภานิติบัญญัติมีอำนาจที่จะยุติการคัดเลือกทั้งหมดได้ เพราะเกิดข้อคัดค้าน ค้างอยู่กับหลายรัฐ เป็นสิ่งที่ทำให้ สภานิติบัญญัติสามารถใช้อำนาจรับรองให้กับคนที่แต่ละรัฐส่งมา (รัฐละ1คนเท่านั้น) มาทำหน้าที่ผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกประธานาธิบดีแทนซึ่งส่วนใหญ่จะเตรียมรายชื่อผู้มีสิทธิ์ในกรณีนี้ ไว้แล้ว
สภานิติบัญญัติของสหรัฐ มีฐานเสียงที่ถูกควบคุมโดยพรรครีพับริกัน และคำตอบนี้ก็น่าจะเป็นจริงตามที่ทรัมป์เคยพูดไว้ในช่วงหาเสียงก็เป็นได้
1
แม้ใครคนใดคนหนึ่งจะได้เสียงข้างมาก จากการโหวตที่ผ่านมา แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการสภาฯ แล้ว คะแนนย่อมมาจากบุคคลที่สภาฯให้การรับรองให้มีสิทธิ์เลือกประธานาธิบดีได้เท่านั้น
วุฒิสมาชิกเลือกตำแหน่ง รองประธานาธิบดี ตามรัฐธรรมนูญ
2. คนอเมริกันไม่รู้กฏหมายเป็นส่วนใหญ่ ( นักเขียนเขาวิจารณ์ไว้ ) ประชาชนจะมองการกระทำ ตามกระบวนการว่ามีการทุจริต ไม่มีความยุติธรรม เลือกข้าง และทั้งหมดไม่เป็นธรรมกับฝ่ายตน การขโมยการเลือกตั้งและผลที่เกิดขึ้นไม่มีความชอบธรรมที่แท้จริงในกระบวนการทาง กฏหมาย (เปรูก็เกิดการประทะอยู่ในขณะนี้ด้วยเหตุผลคล้ายกัน)
3. ท้ายที่สุดทั้งหมดก็ขึ้นกับคนอเมริกัน ปัญหาการนับคะแนนความผิดปกติไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการโกงและคนที่ได้รับให้ดูแลเรื่องนี้ ก็ไม่สามารถป้องกันหรือแก้ไขได้ ประชาชนเองปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้ ความประมาท ปล่อยให้มีการทุจริตมาตลอด
เมื่อถึงคราวที่สภานิติบัญญัติ จะให้มติผ่านการเลือกที่ถูกกำหนดขึ้น
ตามกฏหมาย และได้คนที่ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้แทน แต่ปัญหาที่แท้จริงที่ผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ให้เห็นคือ
ประชาชนชาวสหรัฐที่เลือกข้างจะไม่ยอมรับผลการเลือกประธานาธิบดีที่มาจาก การดำเนินการตามกฏหมายเพราะความเชื่อว่าฝ่ายของตนไม่ได้รับความยุติธรรม และในที่สุดก็คือการเกิดปัญหาเรียกร้องของฝ่ายที่เสียเปรียบ เป็นแรงส่งให้เกิดความวุ่นวายที่จะตามมา จากกระบวนการเลือกสรรของสภาฯ
2
มีช่องทางใดที่ยังเหลือให้ปธน.ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา เหลือเป็นทางเลือกที่จะเอาตัวรอด ล้มการโหวตที่ผ่านมาได้ แม้จะมีคำเตือนจากประธานวุฒิสภา ว่าทรัมป์อาจจะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อการรักษาอำนาจของเขาไว้ได้
สรุป ก็คือไม่ว่าจะได้ชื่อใครออกมาจากการโหวตเลือก สุดท้ายก็ต้องมีฝ่ายตรงข้ามออกมาประณามว่าอีกฝ่ายโกง และเมื่ออำนาจของฝ่ายใดเหนือกว่า ก็จะเกิดการรวมตัวประท้วงหาความชอบธรรมให้ตัวเอง และสุดท้ายอาจนำไปสู่การสร้างรอยร้าวฉานของคนในประเทศ แม้จะเป็นประเทศที่มีการศึกษาหรือถูกเรียกว่าพัฒนาแล้วก็ตาม หรือว่านี้จะคือผลตามสุภาษิตกฏแห่งกรรม กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง
ทำความเข้าใจเพิ่มเติม
ขอบคุณภาพจาก
NTDNEWS
ขอบคุณที่กดไลค์แชร์ติดตามคอมเม้นต์ที่สร้างสรรค์🙏❤
โฆษณา