18 พ.ย. 2020 เวลา 07:47 • หนังสือ
#รีวิวหนังสือ คัมภีร์เล่มเล็กของคนคิดใหญ่ (The Little Book of Thinking Big)
หมวดหมู่ : จิตวิทยาพัฒนาตนเอง
ผู้เขียน : Richard Newton | ริชาร์ด นิวตัน
ผู้แปล : พรเลิศ อิฐฐ์
อย่าให้ความฝันของคุณสะดุดเพียงเพราะ “ความคิด” ของคุณสั่งให้หยุดทำ
 
หนังสือเล่มเล็กนี้เป็นคัมภีร์ของคน “คิดใหญ่” ซึ่งไม่เพียงมอบ “วิธีคิด” ที่จะช่วยให้คุณได้ทุกสิ่งที่ต้องการ แต่ยังมอบ “แรงกระตุ้น” ที่จะดันคุณให้ลุกจากเก้าอี้ทันทีที่อ่านจบ...แล้วลงมือทำสักที
 
เขาบอกกับผมว่า ถ้าเธอเดินเข้าหาพระเจ้าสองก้าว พระเจ้าจะทรงวิ่งเข้าหาเธอ
Life of Pi - ยานน์ มาร์เทล
 
สมองเป็นอวัยวะที่น่าอัศจรรย์สุดๆ มันเริ่มทำงานไม่หยุดตั้งแต่นาทีที่เราลืมตา จนกระทั่งตอนเราไปถึงที่ทำงานนั้นแหละ…
โรคเบิร์ต ฟรอสต์
 
รัสเซลล์
 
เซธ โกดิน นักเขียนชาวอเมริกัน
ผู้คนจะยอมจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อแลกกับสิ่งที่คาดไม่ถึง สิ่งที่หายากและล้ำค่า
 
โรเบิร์ต ริดจ์เวย์
Color Standards and Color Nomenclature
 
ออโต้จูน ถูกคิดค้นโดยนักธรณีวิทยา ผู้มีความสนใจด้านดนตรี เขาพบว่า ตัวเองสามารถเอาหลักการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง การปรับเปลี่ยนคลื่นความถี่ มาใช้ในการสร้างสรรค์งานเพลงได้
 
หรือคุณอาจ เอาแนวคิดเรื่อง จิตมนุษย์ และแม่แบบทางวัฒนธรรมของ นักจิตวิเคราะห์อย่างคาร์ล ยุงก์ ไปพัฒนาจนกลายเป็นทฤษฎีทางมนุษย์วิทยา ซึ่งอธิบายว่า ตำนานปรัมปราทุกเรื่องในโลกล้วนมีโครงเรื่องหลักเหมือนกัน
 
แต่ก่อนอื่นคุณต้องมีความรู้ในเรื่องเหล่านี้เสียก่อนและหมายความว่า คุณต้องสนใจและกระหายใคร่รู้ถึงความเป็นไปในโลก
1. อย่าปล่อยตัวไปตามกระแส
บทเรียนชีวิตจากเพรียงหัวหอม
ตัวอ่อนเพรียง จะคล้ายกับ ลูกอ๊อด
หลังฟักออกมา จะว่ายไปทั่วทะเล หาอาหารและที่อยู่
เมื่อเจอโขดหิน หรือซากเรือเหมาะๆ ก็จะเกาะอยู่ตรงนั้น
จากนั้นก็จะไม่ไปไหนอีก อาหารก็สุดแต่ทะเลจะพามา
แล้วสุดท้ายเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้สมอง เพรียงหัวหอมก็จะกินสมองตัวเอง
 
สมองมนุษย์เหมืนหมูจอมตะกละ
มีน้ำหนักแค่ 1 ใน 50 ของน้ำหนักร่างกาย
แต่ใช้พลังงานถึง 1 ใน 5 ของพลังงานทั้งหมด
การส่งสัญญาณ 1 ครั้งเซลล์สมองต้องใช้พลังงานมาก
พอๆกับเซลล์กล้ามเนื้อขา ในการใช้ในการวิ่งมาราธอน
 
บทเรียนจากเพรียงหัวหอม คือ ถ้าไม่ใช้สมองก็จงกินมันซะ
 
พลังงานให้กำเนิดพลังงาน
ไม่ว่าจะนำความคิดไปทิศทางไหน ชีวิตก็จะมุ่งหน้าไปทิศทางนั้น
 
ใครๆก็ทำได้ คนเราต่างมีวิธีการมองโลกของตัวเอง
การนำมาใช้ประโยชน์ต้องอาศัยการกระตุ้นความคิด
ยิ่งปรับวิธีคิดให้ถูกต้องได้เร็ว ก็จะยิ่งเข้าใจและประสบผลสำเร็จ
ต้องปรับความคิด ให้คิดใหญ่ขึ้น
ทำหัวให้โล่ง
วังวนขยะในหัวเต็มไปด้วย ความคิดเห็นของคนอื่น แรงกดดันในการทำงาน ข่าวลือ ธุระจุกจิก ความกลัว และอคติต่างๆ
หากอยากดึงศักยภาพออกมาใช้ ต้องค้นหาเป้าหมายของคุณหรือต้องเข้าใจตัวเองเสียก่อน คืออะไร
 
เป้าหมายที่แท้จริง
การรู้ว่าสิ่งใดสำคัญกับคุณจะช่วยให้คุณรู้ว่าควรทุ่มเทพลังงานไปที่ไหน
คุณแค่ต้องการทิศทางที่แน่ชัดเพื่อค้นหาว่าอะไรคือสิ่งสำคัญอย่างแท้จริง หมายความว่าในหัวของคุณต้องมีพื้นที่โล่งเสียก่อน
 
อย่าตกอยู่ในวังวนของการคิดที่คับแคบการหลงวนเวียนในเรื่องเรื่อยเปื่อยเป็นเรื่องง่ายแต่คุณนั้นแหละที่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นวังวนขยะในสมองจะกัดกินเวลาที่คุณควรใช้กับสิ่งสำคัญ
 
ฝูงแกะชั้นยอดคุณกำลังทำเพื่อเป้าหมายของตัวเองอยู่รึเปล่า?
 
ศาสตร์แห่งการใคร่ครวญและมองเห็นคุณค่า ชีวิตผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่หยุดแล้วมองไปรอบๆ คุณอาจจะพลาดอะไรไป เราแทบไม่เคยหยุดนิ่งหรือใคร่ครวญถึงความน่าอัศจรรย์ของชีวิตและจักรวาล และนั้นคือ ความผิดพลาด เพราะการได้ครุ่นคิดว่าสิ่งใดสำคัญต่อเราอย่างแท้จริง เป็นความสุขอย่างหนึ่งของชีวิต
การคิดใหญ่ > ใคร่ครวญว่าสิ่งใดสำคัญ > ทุ่มเทพลังงานไปกับสิ่งนั้น > รักทุกนาทีในชีวิต
หากไม่พยายามอย่างจริงจัง เราจะไม่ตระหนักถึงความน่าอัศจรรย์ของชีวิตและสิ่งสำคัญต่างๆ เหมือนกับปลาที่ไม่ตระหนักถึงความสำคัญของน้ำ
 
สิ่งสำคัญไม่อาจวัดเป็นตัวเลข
1. แม้การวัดค่าเป็นตัวเลขจะมีประโยชน์ แต่มันไม่สามารถวัดความซับซ้อนของประสบการณ์มนุษย์ได้
2. ถ้าโลกหมุนตามสิ่งที่วัดค่าเป็นตัวเลขได้ ความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ก็จะมีความสำคัญมาก
3. โดยทั่วไปงานของนักเศรษฐศาสตร์คือการจัดการกับตัวเลข พวกเขาย่อมอยากรู้ว่าสิ่งใดวัดค่าเป็นตัวเลขได้ ชีวิตยังมีอะไรมากกว่าทรัพย์สินเงินทอง
2. เติมสิ่งดีๆใส่สมอง
- สนใจแค่ทฤษฎีอย่างเดียวไม่พอ ต้องสนใจภาคปฏิบัติด้วย
- ความสำเร็จไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากไม่มีการทุ่มสุดตัวให้กับสิ่งที่หลงใหล
- คุณไม่มีทางเป็นคนน่าสนใจได้ ถ้าคุณไม่มีความสนใจในสิ่งใดเลย
- ยิ่งมีรากฐานให้ปีนป่ายเท่าไหร่ ก็ยิ่งไปได้ไกลเท่านั้น
- เราไม่ใช่ผืนผ้าว่างเปล่า
- สำรวจให้กว้างและดำดิ่งให้ลึก
 
หยุดพักสักครึ่งนาที
เพื่อทบทวนสิ่งต่างๆและเลือกว่าสิ่งไหนสำคัญ
 
ใส่ผู้คนลงไปในย่ามของคุณด้วย เปิดรับไอเดียที่หลากหลายแล้วต้องพาตัวเองไปอยู่กับกลุ่มคนที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และกระตุ้นให้คุณก้าวไปได้ไกลขึ้น
1. มองหาต้นแบบ
2. มองหาความเห็นต่าง
3. อยู่ท่ามกลางมาตรฐานสูงๆ
ส่วนผสมวิเศษ การอยู่ว่างๆ
การทำสมาธิ
การคิดเรื่อยเปื่อย
 
ยิ่งคุณพาตัวเองไปซึมซับจากต้นแบบเก่งๆ และไอเดียดีๆ คิดใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง และใช้ชีวิตด้วยความ สนอกสนใจและกระตือรือร้นมากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งมีของขวัญที่จะมอบให้โลกใบนี้มากขึ้นเท่านั้น
หูตาต้องไว
เรียนรู้ที่จะจับสังเกต เมื่อมีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้น
แค่ต้องรู้ว่ากำลังมองหาอะไร แล้วคุณจะรู้ได้ทันทีที่สิ่งนั้นเกิดขึ้นซึ่งสิ่งนั้นก็คือความรู้สึกสะกิดใจว่ามีอะไรแปลกๆ และควรค่าแก่การคิดทบทวน
การจะสังเกตเห็นและใช้ประโยชน์จากมันถือเป็นทักษะอย่างหนึ่ง สิ่งที่คุณต้องทำคือเปิดใจให้กว้าง
การสังเกตเห็นไอเดียและวิธีแก้ปัญหานั้นยากกว่ามาก
 
ดึงออกมาให้ได้
เมื่อไอเดีย หรือเรื่องแปลกเกิดขึ้น หยุดทำทุกอย่างเดียวนี้ ปล่อยให้สมองขบคิดว่าอะไรที่แปลก อะไรที่ซ่อนอยู่ หรือจะนำมาใช้ได้อย่างไร
หยุดสิ่งรบกวน คำตอบก็คือ คุณต้องหนีจากวังวนขยะ ถ้าอยากสังเกตเห็นสิ่งต่างๆ คุณต้องเลิกจดจ่อกับความคิดที่วุ่นวายรกสมอง
ความเบื่อหน่ายช่วยให้ไอเดียต่างๆผุดขึ้นมาได้
สิ่งที่ยอดเยี่ยมทั้งหลายมักเป็นผลมาจากความเบื่อหน่าย นำไปสู่การคิดใหญ่ในเรื่องที่เหนือความคาดหมาย
การสร้างภาวะที่น่าเบื่อหน่าย ช่วยให้ผู้คนคิดอะไรแปลกใหม่ได้มากขึ้น
ช่างสังเกตให้เหมือนนักดนตรี
จดไอเดียลงไป เมื่อมีไอเดียดีๆ รีบจดมันลงไป
 
หนีจากระบบ
ช่วงเวลาที่คุณค้นพบว่าเพียงแค่เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสถานการณ์ต่างๆ คุณก็จะเจอหนทางใหม่ที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมาย หรือใช้ชีวิตของตัวเองได้เต็มที่
3. อย่าปฏิเสธความจริง แต่จงเปลี่ยนมันให้ได้
ต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ ปฏิกิริยาที่มนุษย์มีต่อเทคโนโลยีอยู่ใต้กฎ 3 ข้อนี้
1. สิ่งที่มีอยู่แล้วตอนเกิดมา ดูเป็นสิ่งปกติธรรมดา
2. สิ่งที่ถูกสร้างตอนอายุ 15-35 ดูเป็นสิ่งแปลกใหม่
3. สิ่งที่ถูกสร้างหลังอายุ 35 ปี จะเป็นสิ่งฝืนธรรมชาติ
ความรู้สึกต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันจะไม่พาคุณไปไหนไกล
 
จะไปทางไหนดี
คนที่ต่อต้านจะบอกว่า ฉันไม่ต้องการสิ่งนี้
คนที่ยอมรับจะบอกว่า ลูกดูสักตั้ง
การต่อต้าน นำไปสู่การหยุดชะงัก และทำให้เสียพลังงานมากโดยเปล่าประโยชน์
การยอมรับ จะช่วยตั้งเป้าหมายบนรากฐานอันมั่นคงและก้าวหน้าไปได้ไกลกว่า
 
จะชนะได้ไม่ต้องถอดใจ
เมื่อมีไอเดียใหม่ๆขึ้นมา อย่าเพิ่งทำอะไรนอกจากคิดต่อสักครึ่งนาที จากนั้นอีกครึ่งนาทีจดมันลงไป
เวลาที่ต้องหยุดชะงักเพราะปฏิกิริยาที่คนอื่นมีต่อไอเดียของคุณหรือเพราะคุณนึกสงสัยตัวเองขึ้นมา ให้ลองคิด พิจารณา ยอมรับแก้ไข
หลังจบประขุมทุกครั้ง ใช้เวลา 1 นาทีจดบันทึกสิ่งที่สังเกตเห็นหรือสิ่งที่ได้รับ
ทั้งถ่อมตนและหลงตัวเอง
ทำตัวเป็นมือสมัครเล่น มือสมัครเล่นเท่านั้นที่เป็นผู้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ และดินแดนใหม่ๆ
วิทยาศาสตร์คือการเชื่อในความไม่รู้ของผู้เชี่ยวชาญ
การคิดโดยใช้ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่าในโลกนี้ไม่มีทฤษฎีใดที่ถูกต้องเสมอไป
หากจะให้ถูกต้องตามวิทยาศาสตร์ ทฤษฎี ก็คือ สมมุติฐานที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริงเสมอ
 
เสาะหาอุปสรรค
อุปสรรคคือจุดเริ่มต้นสู่แรงบันดาลใจ
คุณต้องสู้เพื่อสิ่งที่คุณเชื่อและสร้างสรรค์ขึ้นมา
กล้าที่จะยืนหยัดเพื่อความคิดของคุณ และถ่อมตัวพอที่จะยอมรับเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายผิด
 
ใครคาดการณ์แม่นยำที่สุด
- คนที่มีอาการซึมเศร้าขั้นรุนแรง คาดการณ์เลวร้ายเกินจริง
- คนที่มีอาการซึมเศร้าเล็กน้อย คาดการณ์ได้ค่อนข้างแม่นยำ
- คนที่มีอาการซึมเศร้าขั้นรุนแรง คาดการณ์ดีเกินจริง
- การมองโลกแง่ดี คือ การไม่ยอมรับความจริง
4. ใช้ของดีในตัว
คิดแบบเป็นขั้นตอนกับคิดแบบอิสระ
ต้องรู้ว่า เวลาไหนควรจดจ่อความคิด และเวลาไหนควรปล่อยให้จิตใต้สำนึกทำงาน
ไอเดียใหญ่ๆ มาจากของสองสิ่ง
1. แรงบันดาลใจ ความหลงไหล
2. การคิด และทำอย่างเป็นขั้นตอน
คุณต้องรู้ว่ามีของดีในตัว และรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรใช้มัน
 
สับสวิตช์
สมองคนเราจะสลับไปมาระหว่างการคิดแบบเป็นขั้นตอน กับการคิดแบบอิสระ แต่จะใช้ความคิดแบบใดก่อนขึ้นอยู่กับว่าคุณแก้ปัญหาไปถึงไหนแล้ว
กำจัดตัวถ่วง
- ตรวจสอบความเชื่อของคุณให้ดี
- คนเราจะยอมโดนผูกมัด ก็ต่อเมื่อเราเชื่อว่าไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้ว
 
ระวังอย่าสับสน
ระวังความเสมอต้นเสมอปลาย เพราะมันทำให้คุณมีความคิดที่คับแคบ
โยนคู่มือทิ้งไป มองหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ
เมื่อไหร่ที่มนุษย์โยนความคิดแย่ๆทิ้งไป แล้วลงมือใช้ความคิดกับเรื่องต่างๆอย่างแท้จริง เราจะมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิดมากนัก
 
เคล็ดลับที่ช่วยให้มองเห็นอย่างชัดเจน
มองในมุมมองของคนนอก
โดนใจ
ถ้าไม่โดนใจก็ไร้ความหมาย
หากจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ได้ ไอเดียของคุณต้องโดนใจ
 
เมื่อมันโดนใจคุณ ต้องตรวจสอบไอเดียนั้นว่าเป็นไปตามเงื่อนไขรึเปล่า
1. คุณมั่นใจว่าไอเดียสะท้อนถึงสิ่งที่ต้องการจริงๆ
2. ไอเดียตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
3. จะสามารถทำให้ไอเดียนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้
 
เมื่อมันโดนใจคนอื่น
ความรู้สึกเชื่อมโยงของไอเดียมีจะเติบโตและขยายใหญ่ขึ้น
 
เล่าเรื่องของคุณ
หากต้องการให้คนอื่นๆ รู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งที่คุณคิด คุณต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นนักเล่าเรื่องเสียก่อน
 
อย่าต้านแรงลม
ความคิดของคุณก็เหมือนเรือ มันต้องการแรงหนุนที่จะช่วยส่งให้ถึงเป้าหมาย
เมื่อคุณพยายามคิดให้ใหญ่ขึ้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือคำวิจารณ์ที่มีประโยชน์
อัพเดทและติดตามข่าวสารได้ที่
Line : @thaifranchise
Twitter : @thaifranchise

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา