26 ม.ค. 2021 เวลา 22:35 • การศึกษา
เรื่องสำคัญของชีวิต
สรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เหมือนดอกไม้ ซึ่งเราเคยเห็นมันเป็นต้นเล็กๆ ไม่นานก็เจริญเติบโตขึ้น แตกใบแผ่กิ่งก้านสาขา ผลิดอกออกผลให้ความสดชื่นแก่ทุกชีวิต แต่ไม่นานดอกไม้ที่ดูสวยสดงดงามนั้น ล้วนเหี่ยวแห้งร่วงโรยไปตามกาลเวลา
สังขารร่างกายของเราก็เช่นเดียวกัน ความแก่ ความเจ็บ ความตายได้คืบคลานเข้ามาในชีวิตเรา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทุกอนุวินาที โดยที่ตัวเราก็สังเกตไม่ออก เมื่อเวลาผ่านไป ๑๐ ปี ๒๐ ปี ๖๐ ปี จึงรู้ว่าเราแก่ลงทุกขณะ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่องกันไปสู่ความเสื่อมสลาย ดังนั้น เราจึงไม่ควรประมาทในชีวิต ควรให้ชีวิตผ่านไปด้วยการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้ เราจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง
1
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ชนสูตร ความว่า....
“ชีวิตถูกชรานำเข้าไปใกล้ความมีอายุสั้น ผู้ที่ถูกชรานำไปใกล้แล้ว ย่อมไม่มีที่ต้านทาน เมื่อบุคคลเล็งเห็นภัยในความตายนี้ ควรทำบุญทั้งหลายอันนำความสุขมาให้ ความสำรวมทางกาย ทางวาจา และทางใจ ในโลกนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสุขแก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้ว ผู้ซึ่งสร้างสมบุญไว้แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่”
ปัจจุบันพวกเราคงจะสังเกตได้ว่า อายุมนุษย์ลดน้อยถดถอยลงไปทุกๆ วัน จากสมัยก่อนที่มนุษย์เคยมีอายุยืนยาวนาน สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง แต่ในมัยนี้อายุจะสั้นตายเร็วกว่าปกติ ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง ต้องเสียเวลาในการดูแลรักษาขันธ์ ๕ นี้ตลอดเวลา สมกับพุทธพยากรณ์ที่ว่า ทุกๆ ๑๐๐ ปี หลังพุทธปรินิพพาน อายุของมนุษย์จะลดลง ๑ ปี ซึ่งหมายถึงจากที่เคยมีอายุยืนยาวถึง ๑๐๐ ปี ก็จะเหลือ ๙๙ ปี และลดลงเรื่อยๆ เหลือเพียง ๙๐ ปี ๘๐ ปี และขณะนี้ปี ๒๕๔๔ อายุของมนุษยโลก โดยเฉลี่ยประมาณ ๗๕ ปี แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ไม่ถึงกัน เพราะถูกโรค คือ ความแก่ ความเจ็บเข้ารุมเร้าเป็นประจำ
ต่อไปอายุมนุษย์จะลดลงไปเรื่อยๆ จากเกณฑ์อายุมาตรฐาน ๗๕ จะเหลือเพียง ๗๐ ๕๐ ๓๐ ๒๐ ลดลงไปเรื่อยๆ เหลือเพียง ๑๐ ปี เมื่ออายุมนุษย์ลดลงไปจนเหลือ ๑๐ ปี เด็กชายเด็กหญิงเมื่อมีอายุเพียง ๕ ปี ก็สามารถแต่งงานกันได้แล้ว ในสมัยนั้น รสของเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และเกลือ จะอันตรธานไปหมด เหลือเพียงหญ้ากับแก้ ที่จะเป็นอาหารอย่างดี ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมนุษย์ไม่ได้ประกอบกุศลกรรม ๑๐ ประการ
เมื่อหันมองไปรอบทิศ ไม่มีกัลยาณมิตรผู้ชี้หนทางสวรรค์นิพพานแม้เพียงคนเดียว มีแต่ผู้ที่ประกอบบาปอกุศล ลูกไม่ปฏิบัติชอบในมารดาบิดา ไม่ประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล ทุกคนไม่มีจิตคิดเคารพยำเกรงว่า นี่แม่ นี่น้า นี่ภรรยา มนุษยโลกจะสมสู่ปะปนกันไปหมด เหมือนสัตว์ดิรัจฉานที่สมสู่กันโดยไม่มีความละอายเมื่อประกอบอกุศลกรรมมากเข้า แต่ละคนจะเกิดความอาฆาตพยาบาท คิดร้ายต่อกันและกัน มารดากับบุตรก็ดี บุตรกับมารดาก็ดี พี่ชายกับน้องหญิงก็ดี ต่างเกิดความอาฆาตพยาบาท คิดร้ายหมาย จะฆ่ากันเอง
เมื่อต่างคนต่างหมายใจจะเข่นฆ่าคนอื่น สงครามนองเลือดจึงเกิดขึ้น สมัยนั้น สัตถันตรกัปจะเกิดขึ้น ๗ วัน คือ พวกมนุษย์จะสำคัญกันและกันว่า เป็นเนื้อ ศัสตราอาวุธจะปรากฏขึ้นมาอยู่ในมือของพวกมนุษย์เองโดยอัตโนมัติ เมื่อทุกคนมีอาวุธในมือ ก็จะเข่นฆ่ากันเองเพราะสำคัญว่า นี่คือเนื้อ ส่วนพวกมนุษย์ที่ไม่อยากฆ่าใคร และไม่อยากให้ใครมาฆ่า จะพากันหลบหลีกเข้าป่า ซ่อนตัวอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้บ้าง อยู่ตามเกาะ ตามซอกเขาบ้าง โดยมีผลหมากรากไม้ในป่าเป็นอาหาร มนุษย์เหล่านั้นจะพากันหลบซ่อนตัวอยู่ ๗ วัน ครั้นล่วง ๗ วันจึงพากันออกจากป่า เมื่อมาเจอกันก็ดีอกดีใจ จึงปรึกษากันว่า เราถึงความสิ้นญาติอย่างใหญ่ถึงปานนี้ เพราะสมาทานธรรมที่เป็นอกุศล ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราควรงดเว้นปาณาติบาต
เมื่อทุกคนประกอบกุศลกรรมพร้อมกัน ทำให้อายุวรรณะเจริญขึ้นๆ เมื่อเจริญด้วยอายุวรรณะอย่างนั้นแล้ว ลูกของผู้ที่มีอายุ ๑๐ ปี ก็จะมีอายุยืนยาวถึง ๒๐ ปี ต่อมาเมื่อเห็นว่าเพียงแค่สมาทานกุศลกรรมบถ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนกัน อายุยังยืนยาวถึงเพียงนี้ ทุกคนจึงตกลงกันว่า จะสมาทานกุศลธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยการเว้นจากอทินนาทาน เว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร เว้นจากพูดเท็จ ส่อเสียด คำหยาบ เพ้อเจ้อ และละอภิชฌา พยาบาท ละขาดจากมิจฉาทิฏฐิ
จากนั้นต่างพากันประพฤติปฏิบัติชอบในมารดาบิดา ทำนุบำรุงสมณพราหมณ์ ประพฤติตนอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล เมื่อกุศลกรรมบถอยู่ในใจของทุกคน ทำให้อายุขัยยืนยาวขึ้นไปอีก จาก ๒๐ ปี กลายเป็น ๔๐ ปี ๘๐ ปี ๑๖๐ ปี ๓๒๐ ปี ผิวพรรณวรรณะก็เปล่งปลั่งผ่องใสขึ้นไปเรื่อยๆ ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้ ทำให้อายุขัยยืนยาวขึ้นไปจนถึง ๒,๐๐๐ ปี ลูกของคนผู้มีอายุ ๒,๐๐๐ ปี ก็มีอายุเจริญขึ้นถึง ๔,๐๐๐ ปี จาก ๔,๐๐๐ ปีเป็น ๘,๐๐๐ ปี สมัยนั้นฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล อากาศแจ่มใส ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป ข้าวปลาอาหารมีบริบูรณ์ มนุษย์ไม่รบราฆ่าฟันกัน
เมื่อมนุษย์รักษาศีลบริสุทธิ์ สภาพแวดล้อมรอบตัวย่อมบริสุทธิ์ตามไปด้วย ทำให้มีอายุยืนยาวเพิ่มขึ้นถึง ๘,๐๐๐ ปี เด็กหญิงมีอายุอย่างน้อย ๕๐๐ ปี จึงจะสมควรมีสามีได้ มนุษย์ในสมัยนั้นไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้ แต่มีอาพาธอยู่ ๓ อย่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของพวกเขา คือ อยากกิน กับไม่อยากกิน และความแก่ชราที่เกิดขึ้น นี่คืออาพาธของมนุษย์สมัยนั้น และกว่าจะรู้ว่าตนเองแก่ตัวลงแล้ว ต่อเมื่อมีอายุล่วงเข้า ๖๐,๐๐๐ หรือ ๗๐,๐๐๐ ปีไปแล้ว คือเกิดจนกระทั่งลืมแก่ลืมเจ็บกันทีเดียว เพราะเขาอายุยืนกันมาก
ด้วยความที่ดิน ฟ้า อากาศสะอาดบริสุทธิ์ประดุจเทพนคร ทำให้มนุษย์มีอายุขัยยืนยาวขึ้นไปเรื่อยๆ จนอายุขัยยาวถึง ๑๐๐,๐๐๐ ปี และยาวนานจนถึงอสงไขยปีซึ่งถือว่าเป็นช่วงกำหนดอายุของมนุษย์ชาวชมพูทวีปที่ยาวนานที่สุด ยาวกว่าอายุขัยของมนุษย์ทั้ง ๓ ทวีป แต่ครั้นอายุสั้นก็จะสั้นกว่าทวีปอื่นๆ เหมือนกัน จากนั้นอายุขัยของมนุษย์ก็จะถอยกลับลงมาใหม่ มาหยุดอยู่ระหว่าง ๘๐,๐๐๐ ปี
สมัยนั้นเมืองพาราณสีจะเป็นราชธานี ชื่อว่า เกตุมดี ในชมพูทวีปนี้จะมีเมือง ๘๔,๐๐๐ เมือง มีเกตุมดีเป็นราชธานี
พระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่า สังขะทรงอุบัติขึ้น พระองค์เป็นผู้ทรงธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทรทั้งสี่เป็นขอบเขต มีราชอาณาจักรมั่นคงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คฤหบดีแก้ว และปริณายกแก้ว พระราชบุตรของพระองค์มีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้ พระองค์ทรงชนะโดยธรรม มิต้องใช้อาชญา มิต้องใช้ศัสตรา ทำให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขประดุจบนสรวงสวรรค์
ในยุคนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า เมตไตรย ผู้มีบารมีแก่รอบแล้ว จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ พระองค์จะทรงทำโลกนี้พร้อมเทวโลก พรหมโลกให้สว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม และทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดา และมนุษย์ให้ตรัสรู้ตาม พระพุทธองค์จะทรงแสดงธรรมงดงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง และในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์
ส่วนพระเจ้าสังขะจอมจักรพรรดิทรงมีกุศลจิตศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงสละทรัพย์สมบัติส่วนพระองค์ บำเพ็ญมหาทานแด่สมณพราหมณ์ คนกำพร้าคนเดินทาง ทรงบำเพ็ญมหาทานอยู่ ๗ วัน จากนั้นทรงสละราชสมบัติ ทรงปลงพระเกศาและพระมัสสุ ทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์ เสด็จออกผนวชเป็นบรรพชิตในศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรย เมื่อผนวชแล้วทรงตั้งพระทัยมั่นในการปรารภความเพียร ในที่สุดพระองค์ทรงสมปรารถนา ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
นี่คือยุคสมัยของผู้มีบุญ เป็นยุคที่โลกธาตุสว่างไสวมากเป็นพิเศษ เพราะมนุษย์ทั้งโลกต่างรักษากุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อ ทุกคนมีวาจาสัตย์ มีความไว้วางใจกันและกัน อีกทั้งไม่คิดโลภอยากได้สิ่งของของคนอื่น ไม่คิดพยาบาทปองร้ายคนอื่น และเป็นผู้เห็นชอบตามทำนองคลองธรรม ทำให้ผู้มีบุญมีบารมีลงมาเกิดกันมาก นรกประหนึ่งว่าจะร้าง ส่วนบนสวรรค์จะหนาแน่นไปด้วยเหล่าเทพบุตรเทพธิดา สำหรับผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติตามคำสอน ต่างบรรลุธรรมหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ เข้าสู่อายตนนิพพานกันมากมายนับไม่ถ้วน
เพราะฉะนั้น ให้รับรู้ว่า โลกของเรายังไม่ถึงกาลอวสานภายในปีสองปีหรือร้อยปีนี้ โลกมีเสื่อมถอยลง และเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามยุคสมัย อย่างไรก็ตามเราไม่ควรประมาท เพราะเราไม่รู้ว่า อันตรายของชีวิตจะมาถึงตัวเมื่อไร ตั้งแต่เกิดมามีโอกาสลืมตามาดูโลกก็มีอันตรายรอบด้าน และอายุขัยในยุคสมัยนี้ก็สั้นเหลือเกิน ใครมีอายุเกิน ๗๕ ปี นับเป็นโชคอันประเสริฐ สิ่งที่จะมาต่อเติมเพิ่มความมั่นใจในชีวิต ก่อนที่จะไม่มีโอกาสดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป คือ บุญกุศลนั่นเอง ดังนั้น ให้ทุกท่านหมั่นสั่งสมบุญบารมีให้เต็มที่ เพราะยุคนี้เป็นยุคของนักสร้างบารมี อย่างพวกเราที่เกิดมาเพื่อสร้างบารมี และอย่าลืมนั่งธรรมะกลั่นใจของเราให้ใสบริสุทธิ์เป็นประจำทุกวัน
จากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๓ หน้า ๓๘๙ - ๓๙๖
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย)
จุนทสูตร เล่ม ๓๐ หน้า ๔๒๓
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*(มก.จักกวัตติสูตร เล่ม ๑๕ หน้า ๑๑๙)
โฆษณา