4 ก.พ. 2021 เวลา 22:00 • การศึกษา
กงล้อแห่งความเจริญ ...
มนุษย์ทุกคนต่างมุ่งแสวงหาความสุขความสำเร็จและความสมหวัง ทั้งด้านการงาน การศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัวหรืออื่นๆ ที่นอกเหนือจากนี้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จที่แท้จริงนั้น ต้องประกอบด้วยความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม นั่นคือธุรกิจและจิตใจที่ควบคู่ไปพร้อมๆ กัน ทางโลกคือ สามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ทางธรรมก็มีธรรมะเป็นอาภรณ์ ได้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง หากทำได้เช่นนี้ จึงชื่อว่าประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในจักกสูตร อังคุตตรนิกายว่า
“นรชนผู้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม คบหากับอารยชนเป็นมิตรอย่างเดียว
ถึงพร้อมด้วยความตั้งตนไว้ชอบ เป็นผู้มีความดีอันได้ทำไว้ในปางก่อน
ทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ ชื่อเสียงและความสุข ย่อมหลั่งไหลมาสู่นรชนผู้นั้น”
การแสวงหาความเจริญรุ่งเรืองให้กับชีวิต ทั้งในภพนี้หรือหลังจากละโลกไปแล้ว ต้องอาศัยหลักธรรม ๔ ประการได้แก่... อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม... รู้จักคบหานักปราชญ์บัณฑิตเป็นกัลยาณมิตร... รู้จักตั้งตนไว้ชอบ คือดำรงตนอยู่ในศีลธรรมที่สำคัญต้องหมั่นสั่งสมบุญไว้ให้มากๆ... และประการสุดท้ายคือ ความเป็นผู้มีบุญในปางก่อน
ถ้าหากมีคุณสมบัติครบตามหลักของจักรธรรมทั้ง ๔ ประการนี้แล้ว ธรรมะจะหนุนนำและพาชีวิตให้ไปสู่ความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปอีกการอยู่ในถิ่นที่เหมาะสม หมายถึงสถานที่ที่สะดวกสบาย ทั้งดินฟ้าอากาศ การคมนาคม อาหารการกินอันอุดมสมบูรณ์ เพื่อนบ้านรอบๆ เป็นผู้มีศีลมีธรรม
หากได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีๆ เช่นนี้ ชีวิตย่อมประสบความเจริญรุ่งเรืองได้อย่างง่ายดาย บางท่านอาจคิดว่า การได้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสมสมบูรณ์พร้อมอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลวงพ่อว่า ไม่ได้ยากอะไร เราสามารถเปลี่ยนวงเหล้ามาเป็นวงบุญได้ หรือสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้โลกได้ โดยเริ่มต้นจากที่บ้านของเราก่อน หลวงพ่อจึงให้มีโครงการเปิดบ้านกัลยาณมิตรขึ้น
ต้นไม้แม้ไม่มีจิตยังกลับกลายได้ ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ที่มีจิตใจ น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อนได้ เสาศิลา เมื่อมีคนมาโยก เสาศิลายังสั่นคลอนได้ คนหรือสิ่งของใกล้ตัวก็เช่นเดียวกัน มีผลต่อเรามาก เราจึงควรคบหานักปราชญ์บัณฑิต หมั่นหาโอกาสไปสนทนากับสัตบุรุษ และสัตบุรุษที่แท้จริงที่มีอยู่ในตัวเรา คือ พระธรรมกาย เป็นกายแก้วใส เป็นผู้รู้แจ้งที่สามารถตอบปัญหาเราได้ทุกอย่าง หากมีทุกข์ก็ให้อาศัยท่าน ด้วยการทำใจให้หยุดนิ่ง ดำเนินจิตเข้าสู่กลางของกลางภายใน ทุกข์ทั้งหลายที่มีอยู่ก็จะหมดไป แม้มีสุขแล้วก็ให้เข้าไปหยุดอยู่ตรงกลางกายท่าน ความสุขจะทับทวีเป็นเอกันตบรมสุข อย่างนี้เรียกว่า เข้าไปอาศัยสัตบุรุษอย่างแท้จริง ฉะนั้น ให้รู้จักคบสัตบุรุษเช่นนี้ ชีวิตของเราย่อมปลอดภัยทั้งในโลกนี้และในสังสารวัฏ
เมื่อรู้จักการคบหาสัตบุรุษแล้ว ต่อไปต้องเป็นคนตั้งตนไว้ชอบ ทำตนเองให้อยู่ในกรอบแห่งศีลธรรม เพิ่มพูนคุณธรรมความดีขึ้นมาในใจ หากเป็นคนตระหนี่ ให้รู้จักเสียสละ หากไม่เคยมีศรัทธาในพระรัตนตรัย ก็ทำตัวให้มีความศรัทธา หรือหากเป็นคนไม่เคยรักษาศีลมาก่อน ก็ตั้งตนให้อยู่ในศีล ศีลจะได้เป็นเกราะแก้วคุ้มกันภัยให้กับเรา ทำให้ไม่พลัดตกไปในอบายภูมิ
ดั่งเช่นในสมัยหนึ่ง มีโจร ๕๐๐ คน คอยจี้ปล้นชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมา ทำให้เป็นที่หวาดระแวงของผู้คนแถวนั้น จนกระทั่งทางการต้องส่งเจ้าหน้าที่ออกปราบ พวกโจรจึงพากันหนีตายเข้าไปในป่าลึก เมื่อถูกพวกเจ้าหน้าที่ไล่ติดตามไม่ลดละ ต่างเกิดความหวาดกลัวต่อมรณภัย บังเอิญได้ไปพบพระภิกษุถือธุดงควัตร กำลังนั่งสมาธิ(Meditation)บำเพ็ญสมณธรรมตามลำพังเพียงรูปเดียว จึงพากันเข้าไปขอความช่วยเหลือจากท่าน ให้ช่วยเป็นที่พึ่งในยามตกยาก
พระเถระเห็นว่า มหาโจรเหล่านี้ได้ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองมามาก จะช่วยเหลือด้วยการปกปิดความชั่ว หรือช่วยให้รอดพ้นจากความตายก็ไม่เป็นการสมควร เพราะใครทำกรรมใดไว้ ย่อมต้องรับผิดตามกฎหมายบ้านเมืองจึงจะถูกต้อง
อย่างไรก็ตามท่านเห็นว่า ที่พึ่งอย่างอื่นในภพหน้า นอกจากศีลแล้ว จะหาเครื่องต้านทานที่ไม่ให้พวกโจรตกไปอบายภูมินั้นไม่มีเลย จึงให้โอวาทว่า “ศีลเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งของท่านทั้งหลายได้ ความตายไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ การเกิดมาแล้วไม่ได้ทำความดี ฉะนั้น ก่อนวาระสุดท้ายของชีวิตจะมาถึง ท่านทั้งหลายควรมีศีลเป็นที่พึ่ง ศีลจะเป็นบันไดก้าวไปสู่สุคติโลกสวรรค์”
จากนั้น ท่านให้โจรทั้งหมดรักษาศีล และยังตอกย้ำให้รักษาศีลยิ่งชีวิต อย่ามีใจคิดโกรธคิดร้ายต่อผู้อื่นแม้แต่น้อย โจรทั้งหมดต่างรับคำของพระเถระ ตั้งใจสมาทานศีลเป็นอย่างดี เมื่อเจ้าหน้าที่ตามมาพบ ได้จับตัวไปประหารชีวิต โจรทุกคนยอมรับกรรมที่ตนเองสร้างไว้ ต่างสำรวมใจให้อยู่ในศีล เมื่อตายไป ทั้งหมดได้ไปสู่สุคติ
ปัจจุบัน ความเจริญทางด้านวัตถุได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างมากต่อชีวิตประจำวันของเรา แม้ความสะดวกสบายจะเพิ่มมากขึ้น แต่ธรรมะภายในใจกลับไม่แผ่ขยายเพิ่มขึ้นตาม คนมีศีลธรรมในเมืองไทยอาจมีมากพอสมควร แต่ทว่าไม่ได้รวมกัน ไม่ได้เป็นกลุ่มเป็นก้อน ทำให้ไม่เกิดพลังในการทำความดีเท่าที่ควร เมื่อเป็นเช่นนี้ บางครั้งการทำความดีจึงดูเหมือนเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะค่านิยมที่เปลี่ยนไปของสังคม แม้เศรษฐกิจตกต่ำยังไม่น่ากลัว แต่ศีลธรรมตกต่ำ แต่ก็น่ากลัวเท่าศีลธรรมที่ตกต่ำลงทุกขณะ
เมื่อชาวโลกขาดศีลธรรม ไม่มีธรรมะเป็นอาภรณ์ จิตใจย่อมจะตกต่ำ คำพูดและการกระทำของคนก็พลอยตกต่ำตามไปด้วย สมบัติที่เคยมีก็อาจสูญหาย มีความวิบัติเข้ามาแทนที่ ข่าวอาชญากรรม หรืออัตราการติดยาเสพติดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกเจริญทางวัตถุเพียงด้านเดียว ไม่มีศีลธรรมคอยกำกับ ฉะนั้น พวกเราทุกคนจะต้องไปช่วยกันทำหน้าที่ ให้มีปฏิรูปเทสเกิดขึ้นทั่วเมืองไทย และขยายออกไปทั่วโลกด้วย
คนมีศีลธรรม ไม่ว่าจะเป็นการวางตัวก็น่าเคารพเลื่อมใส สามารถเป็นหลักให้เรายึดเป็นกัลยาณมิตรที่ช่วยชี้แนะพร่ำสอนได้ โบราณท่านกล่าวไว้ว่า ยํ เว เสวติ ตาทิโส คบหรืออยู่ใกล้คนเช่นไร จะทำให้เรากลายเป็นคนเช่นนั้น สิ่งที่ใกล้ตัวจะมีผลต่อใจของเรามากที่สุด เหมือนรสของผลไม้ในแดนสวรรค์ จนเป็นที่เลื่องลือว่า ทั้งชมพูทวีปมีเพียงเมืองพาราณสีที่มีมะม่วงต้นนี้เพียงต้นเดียวเท่านั้น ทำให้พระราชาอีกเมืองหนึ่งปรารถนาจะเอาเมล็ดมาปลูกไว้เป็นของพระองค์เองบ้าง แต่เมื่อไม่อาจครอบครองต้นมะม่วงนี้ได้ จึงเกิดความอิจฉาริษยา ปรารถนาจะทำลายต้นมะม่วงต้นนี้ทิ้ง
พระราชาทรงรับสั่งให้ไปหาทางทำลายต้นมะม่วงไม่ให้มีรสหวานอีกต่อไป ทหารสนิทของพระราชาได้เดินทางไปเมืองพาราณสี เพื่อรับจ้างเป็นคนดูแล ซึ่งเขาสามารถทำให้ผลไม้ออกลูกผิดฤดูกาลได้ อีกทั้งทำให้มีรสหวานกลมกล่อมและอร่อยกว่าเดิม จนเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าพาราณสี เขาจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายอุทยานดูแลสวนเพียงคนเดียว เมื่อได้เฝ้าสวนแล้ว เขาตั้งใจจะทำลายต้นมะม่วงนั้นทิ้ง แต่ก็กลัวคนเห็น จึงนำต้นสะเดาไปปลูกรอบๆ โคนต้น เมื่อต้นสะเดาโตขึ้น กิ่งเกี่ยวพันกิ่ง รากเกี่ยวพันราก ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปอย่างช้าๆ จนทำให้ผลมะม่วงที่ออกมาภายหลัง กลายเป็นรสขมเหมือนสะเดา ส่วนคนเฝ้าสวนเมื่อทำงานสำเร็จ ก็รีบหลบหนีออกจากเมืองไป นี่เป็นตัวอย่างของการคบอสัตบุรุษ
ส่วนประการสุดท้าย ความเป็นผู้มีบุญทำไว้ในปางก่อน คือ ปุพฺเพ กตปุญฺญตา หมายถึงในภพชาตินี้ให้ตั้งใจทำความดีทุกรูปแบบ ทำในทุกที่ทุกโอกาส ไม่ให้ชีวิตว่างเว้นจากการสร้างบารมี การทำความดีวันนี้ คือบุญบารมีที่จะบังเกิดขึ้นในวันข้างหน้า หรือทำความดีในภพนี้ ก็คือบุญที่จะบังเกิดขึ้นในภพหน้า บุญเก่าเป็นเบื้องหลังแห่งความสำเร็จในชีวิตของเรา และหากบุญในปัจจุบันมากด้วย ชีวิตก็ยิ่งสมปรารถนาอย่างรวดเร็ว ทั้งในภพนี้และในภพหน้า ดังนั้น ให้หมั่นประพฤติปฏิบัติตามจักรแห่งธรรม ๔ ประการนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนกงล้อแห่งความเจริญ และให้หมั่นทำสมาธิเจริญภาวนา เพื่อจะได้มีอนาคตที่สดใส มีจิตใจที่แช่มชื่นเบิกบาน มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งภายในกันทุกคน
จากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๓ หน้า ๔๔๒ - ๔๕๐
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย)
ตัณหาวรรควรรณนา เล่ม ๔๓ หน้า ๒๗๓
โฆษณา