20 พ.ย. 2020 เวลา 15:10 • กีฬา
ศึกคั่วตั๋ว ACL สุโขทัย และ บุรีรัมย์ จะพลาดไม่ได้ !!!
#แบกเป้ดูบอลไทย By #เก้นนิติพงษ์
ถือเป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่เต็มไปด้วยการขับเคี่ยวที่สูสี และบีบหัวใจแฟนบอลไทย เพราะนับตั้งแต่ที่โลกต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 โลกของฟุตบอลก็พลอยต้องปรับเปลี่ยนตามจนทำให้ฟุตบอลไทยลีก ต้องตัดสินหา 2+2 ทีมที่จะได้ตั๋วไปลุยศึกลูกหนังรายการใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยผลในตารางเลกแรกเท่านั้น !!!
ในความหมายก็คือ 2 อันดับแรกในตาราง จะได้สิทธิ์ไปลุยถ้วยใบใหญ่ของเอเชียในรอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัติ ขณะที่อันดับ 3 และ 4 จะได้ไปเล่นในรอบคัดเลือก - เพลย์ออฟก่อน
แน่นอนว่า บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เองก็หวังที่จะเร่งเครื่องเพื่อการันตีพื้นที่อันดับหนึ่งใน ไทยลีก 2020 เลกแรก แต่เมื่อโฟกัสไปที่อันดับ 2 - 4 ซึ่งอยู่ในข่ายของการคว้าตั๋วไปลุย ACL 2021 จะเห็นว่า โอกาสตรงนี้ยังเปิดกว้างให้กับหลายๆ ทีม ทั้ง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี, ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, ชลบุรี เอฟซี
และ “สุโขทัย เอฟซี”
ในฤดูกาลนี้ สุโขทัย เอฟซี ยังคงคอนเส็ปต์การมองหานักเตะฝีเท้าดีเข้ามาสู่ทีมได้อย่างต่อเนื่อง และการสร้างดูโอคู่ใหม่อย่าง อิบสัน เมโล่ - จอห์น บาจโจ้ จนถึงตรงนี้ ทั้งสองยิงประตูได้รวมกันมากถึง 16 ประตู คิดเป็น 69.5 % จากประตูทั้งหมดที่ทัพ “ค้างคาวไฟ” ทำได้ในซีซั่นนี้ (23 ประตู) ส่งผลให้ สุโขทัย เอฟซี กลายเป็นทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีกไปโดยปริยาย
1
แม้จะออกสตาร์ทในช่วงแรกได้ไม่ดีนักจนเคยหล่นไปอยู่อันดับ 11 ของตาราง แต่เชื่อหรือไม่ว่า สุโขทัย เอฟซี ทีมนี้นี่แหละ ที่สามารถสร้างสถิติไม่แพ้ใครในลีกติดต่อกันได้มากที่สุดเป็นอันดับสอง (6 นัด) เป็นรองแค่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ยังรักษาสถิติไร้พ่ายมา 11 นัด นี่คือสิ่งที่ทั้งผู้บริหาร นักเตะ และทีมสต๊าฟสุโขทัย พยายามทำให้ทีมชุดนี้ก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับ Top 5 ของประเทศนี้ให้ได้
ขณะที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผลงานการเก็บได้เพียง 14 แต้มจาก 11 นัด ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมุ่งหน้าสู่การคว้าชัยชนะให้ได้ในทุกๆ นัดสถานเดียว เพื่อพาตัวเองเข้าไปอยู่ใกล้ และถึงพื้นที่ 4 อันดับแรกให้ได้ เพราะการพลาดไปเล่นในศึก ACL นั่นอาจหมายถึงความล้มเหลวของทีมระดับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เลยก็ว่าได้
อย่าลืมว่า นับตั้งแต่การผ่านเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มตั้งแต่ปี 2012 - 2019 พวกเขาแทบจะแบกรับคำว่า “ตัวแทนของประเทศ” แบบผูกขาด เนื่องด้วยคุณภาพของทีมทั้งนักเตะไทย และต่างชาติ จึงทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของฟุตบอลไทยในเวทีระดับเอเชียไปโดยปริยาย
หากแต่การออกสตาร์ทซีซั่นนี้ที่ทำได้ไม่ดีตามที่คาดหวัง การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงโควต้านักเตะต่างชาติแบบยกเซ็ตช่วงพักเบรคโควิด-19 แต่สุดท้ายผลงานก็ยังไม่ได้กระเตื้องขึ้น ทำให้ “ปราสาทสายฟ้า” ต้องตกอยู่ในสถานะหลังพิงฝา เพื่อฝ่าวิกฤตไปลุยถ้วยใบใหญ่ของเอเชียให้ได้
แต่แมตช์ที่สำคัญที่สุดนัดหนึ่ง กับโปรแกรมที่เหลือในเลกแรก เพราะถือเป็นการตัดแต้มทีมในกลุ่มแย่งตั๋วโดยตรงนั้นก็คือ เกมในช่วงสุดสัปดาห์นี้ระหว่าง สุโขทัย เอฟซี กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ณ ทุ่งทะเลหลวง สเตเดี้ยม
ในเมื่อทั้งสองทีมล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกัน หากแต่ในเมื่อตั๋วรถด่วนขบวนสุดท้ายมันมีจำกัด แถมบางที่ยังถูกจับจองไปแล้ว ฉะนั้นหากจะมองว่าเกมนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งเกมคลาสสิคของวงการลูกหนังบ้านเราก็ส่อเค้าที่จะเป็นไปได้เช่นกัน
ทั้ง สุโขทัย เอฟซี และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีจุดเด่นที่คล้ายกันคือ พวกเขามีเกมรุกที่ดุดัน เปรียบเสมือนฟันเฟืองหลักที่คอยขับเคลื่อนทีม โดยเฉพาะฝั่ง สุโขทัย เอฟซี ที่ยังคงรักษาสถิติยิงประตูได้ทุกนัดในไทยลีก 2020 ฤดูกาลนี้ ขณะที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้ว่าซีซั่นนี้พวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในมาตรฐานอย่างที่ใครต่อใครคาดหวังไว้ หากแต่การทำได้ถึง 20 ประตูจาก 11 นัด (มากกว่าจ่าฝูงอย่าง บีจีพียู 2 ปรตู) ก็ย่อมเป็นสัญญาณเตือนที่ดีว่า ตราบใดที่ สุภโชค สารชาติ กับ มาร์โก้ เชโปวิช อยู่ในสนาม แนวรับคู่แข่งก็ย่อมไม่อาจประมาท และปล่อยให้ทั้งสองคลาดสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียว
แต่เชื่อว่าได้ว่าสิ่งที่จะเป็นจุดตัดสินในเกมนัดนี้ก็คือ “เกมรับ” นั่นเอง
อย่างที่รู้กัน หากไม่นับสามทีมในโซนท้ายตาราง สุโขทัย เอฟซี ถือเป็นทีมที่มีเกมรับแย่ที่สุด แน่นอนว่าการโดนเจาะตาข่ายไปร่วม 20 ประตู จึงเป็นเหตุผลของการเสริมทัพในพื้นที่แดนหลังในเลกที่สอง แต่การจะพิชิตตั๋วลุย ACL นั้นตัดสินกันในเลกแรกเท่านั้น ฉะนั้น เกมนัดนี้กุนซือทัพค้างคาวไฟอย่าง สุรพงษ์ คงเทพ อาจจะต้องเน้นวางหมากให้รัดกุมมากกว่าเดิม แม้ว่าจะเป็นการลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลในทุ่งทะเลหลวงก็ตาม เพราะความผิดพลาดเพียงแค่ไม่กี่ครั้งในเกมนี้ อาจจะหมายถึงการได้สามคะแนน หรือไม่มีเลยแม้แต่แต้มเดียวก็ว่าได้ อีกทั้งคู่แข่งที่อยู่ตรงหน้าอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต่างก็กระหายที่จะคว้าชัยในเกมนี้ให้ได้เช่นกัน เชื่อว่าานี่จะเป็นอีกหนึ่งเกมที่เต็มไปด้วยคุณภาพ การต่อสู้กันในเรื่องแทคติกของ “โค้ชอั๋น” และอเล็กซานเดร กาม่า บวกกับศักดิ์ศรีของการแย่งชิงตั๋วลุย ACL ที่ล้วนแต่เป็นแรงจูงใจชั้นยอดให้ทั้งสองทีมใส่เกียร์ห้าเดินหน้ากันอย่างเต็มสูบอย่างแน่นอน นี่จึงเป็นแมตช์ระดับ 5 ดาวที่ทั้งสองทีมจะพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง !!!
แล้วคุณหล่ะครับ คิดว่าใครจะเป็นฝ่ายคว้าชัยได้ใน “บิ๊กแมตช์” ไทยลีก 2020 สัปดาห์นี้ ?
#เก้น #นิติพงษ์ยวนตระกูล ผู้จัดการสื่อสารการตลาด & มีเดีย หนุ่มเมืองเหนือไฟแรง : ผู้บรรยายฟุตบอล และบรรณาธิการกีฬา ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนังอย่างจริงจังโดยเฉพาะฟุตบอลไทย จนตัดสินใจยกหัวใจให้ “เกมลูกหนัง” เป็นตัวนำทางชีวิต
โฆษณา