21 พ.ย. 2020 เวลา 13:16 • ปรัชญา
ถ้ากล่าวอวยพรตอนไปงานเผาศพว่าให้ดวงวิญญาณผู้ตายอันเป็นที่เคารพรักไปสู่ที่ชอบ ที่ชอบ
ผู้ที่ล่วงลับก็มักจะได้ตามที่อวยพรถ้าไม่ทำกรรมหนักไว้
ขอบคุณภาพ Beliefnet
๔ คนหาม ๓ คนแห่ ๑ คนนั่งแคร่ ๒ คนพาไป
๔ ๓ ๒ ๑ ที่แท้เป็นใครกันบ้าง?
สี่คนหาม ตามตำนานท่านกล่าวย้ำ
คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในธาตุขันธ์
ประกอบด้วย ตัวตน แตกต่างกัน
ต่างเผ่าพันธุ์ เพราะกรรม ที่ทำมา
สามคนแห่ นั้นไซร้ คือไตรลักษณ์
ใกล้ตัวนัก แต่เหมือนไกลไม่ศึกษา
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
มิอาจพา หลุดพ้น วังวนมาร
อีกหนึ่งคน นั่งแคร่ นั้นแน่นัก
จิตหลงรัก ว่าเป็นเรา น่าสงสาร
เมื่อเกิดขึ้น ก็คงอยู่ ได้ไม่นาน
ย่อมถึงการ ดับไป แต่ไรมา
ยามมอดม้วย ชีวา ต้องลาจาก
มีเพื่อนยาก สองคน ตามไปหา
คือ บุญ บาป เท่านั้น ติดตามมา
บุญรักษา บาปชดใช้ ไปตามกัน
1
ปริศนาธรรม นี้ไซร้ สอนให้คิด
เพื่อเตือนจิต ตนไว้ ไม่ถลำ
มีสติ ระลึกได้ ใส่ใจจำ
ถึงพระธรรม คำสอน พระศาสดา
คำกลอนจาก
วัดป่ามหาชัย.เน็ท
: บทกลอน ชีวิต ความตาย
เราสู้อุตส่าห์ตั้งใจเล่าเรียนศึกษา หาความรู้ ประกอบอาชีพการงานอย่างหนัก สะสมทรัพย์สินเงินทองไว้มากมาย อีกทั้งตำแหน่งหน้าที่การงาน อำนาจบารมี ที่มีมากขึ้นตามอายุและความสามารถของตน
แต่ทำไมตอนตายเราเอาไปได้แค่ บุญกับบาป
โดยปกติคนเราก็จะวิ่งหาสิ่งที่ชอบ ที่ชอบ อยู่แล้วตั้งแต่ยังมีชีวิต โดยไม่ต้องรอให้ใครมาอวยพรเรา
แต่เมื่อตายลงจิต(วิญญาณ)ก็ไม่สามารถยึดอยู่กับร่างกายได้อีกต่อไปเพราะธาตุทั้ง ๔ได้แตกออกจากกันแล้ว ไม่สามารถทำงานสอดประสานกันเหมือนอย่างเดิมได้
แต่ยังเหลืออีก ๓ สิ่ง(ขันธ์) ที่จิต(วิญญาณ) สามารถเข้าไปยึดได้นั่นคือ เวทนา สัญญา และสังขาร
เวทนา คือ อารมณ์ ความรู้สึก
สัญญา คือ ความจำได้ หมายรู้
สังขาร คือ ความคิดปรุงแต่ง
ทั้ง ๓ อย่างนี้มีลักษณะเป็นบุญบ้าง เป็นบาปบ้าง ปะปนกันแล้วแต่ใครสั่งสมอะไรมา มากน้อย ต่างกันไป ซึ่งล้วนแต่เป็นนามธรรมทั้งสิ้น
และนี่คือสิ่งที่เราเอาไปด้วยได้
ซึ่งจะเป็นสิ่งที่จิต(วิญญาณ) ใช้เป็นเสบียงเครื่องนำทางพาสู่ภพใหม่ต่อไป
ทุกสิ่งล้วนมีอยู่แล้ว
และเป็นที่ชอบ ที่ชอบ ที่เราสะสมไว้แล้วด้วยการกระทำของเราเองทั้งสิ้น
เราทุกคนจะได้ไปที่ชอบ ที่ชอบ
ธรรมะสวัสดี
โฆษณา