24 พ.ย. 2020 เวลา 12:00 • ยานยนต์
BREAKING NEWS!
ข่าวสั้นประจำวันนี้
(จริงๆก็ไม่ค่อยสั้นเท่าไหร่ครับ😂)
ยินดีนำเสนอ
Honda Thailand เปิดตัว City ใหม่ 2 รุ่น
"City Sedan Hybrid เเละ City Hatchback"
*คำเตือน : ข่าวสั้นประจำวันนี้มีการใส่ความคิดเห็นของผู้เขียนเพื่อให้คุณผู้อ่านเกิดอรรถรสในการอ่านเเละเห็นเเง่มุมอีกมุมหนึ่ง มิได้มีเตนาบิดเบือนข้อมูล หากผิดพลาดประการใด ขออภัยครับ
"เพื่อสานต่อความสำเร็จจาก City Sedan 1.0 Turbo ที่สร้างยอดขายได้ล้นหลาม"
อ่านบทวิเคราะห์ของ City Turbo Sedan ได้ที่นี่
EP2 : เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย City Turbo Sedan
มีจุดที่ต่างจาก City Turbo Sedan ดังนี้
City Hybrid
-เครื่องยนต์รหัส LEB-MMD เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle ขนาด 1.5 ลิตร 98 แรงม้า ที่ 5,600 – 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร ที่ 4,500 – 5,000 รอบ/นาที แบตเตอรี่ Lithium-ion
-จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว รวมกำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 3,500 – 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ที่ 0-3,000 รอบ/นาที
-จับคู่เกียร์ e-CVT
-ปล่อย CO2 ที่ 85g/km
รองรับน้ำมันเบนซินได้ถึง E20
ภายนอกมีการปรับเปลี่ยน เพิ่มเติม ดังนี้
-โลโก้ Honda ด้านหน้าและด้านหลังเป็น กรอบตกแต่งด้วยสีฟ้า
-ระบบดิสก์เบรก ล้อคู่หลัง
-ไฟหน้าเปิด-ปิด แบบอัตโนมัติ
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เพิ่มเข้ามา
-มาตรวัดดีไซน์ใหม่ พร้อมหน้าจอ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว(คล้าย Accord Hybrid)
-ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
-ระบบ Auto Brake Hold
-ระบบช่วยชะลอความเร็วที่พวงมาลัย (แทนที่ Paddle Shift เดิม)
-ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท Engine Remote Start
-ช่องแอร์หลัง
ระบบความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามา
-ระบบล็อครถอัตโนมัติ Walk Away Auto Lock
-กล้องแสดงภาพมุมอับสายตา Honda LaneWatch
-ระบบ Honda SENSING
-ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB
-ระบบเตือน และ ควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทาง RDM with LDM
-ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง LKAS
-ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรก CMBS
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC
-ตัดยางอะไหล่ออกเเละใส่ชุดปะยางเเทน
มีรุ่นย่อยเดียว คือ รุ่น RS Hybrid
ราคา 839,000
เเละมาพร้อมกับ City Hatchback ที่มา
เเทนที่ Jazz ซึ่งเตรียมจะเลิกจำหน่ายเเล้ว
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.0 Turbo 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที(เหมือน City Sedan Turbo ทุกประการครับ เป็นเครื่องตัวเดียวกัน)
-จับคู่กับเกียร์ CVT
-รองรับน้ำมัน E20 ปล่อย CO2 100 g./km.
เเละ Hilight ที่เพิ่มเข้ามานั่นคือ เบาะนั่งหลังเเบบอัศจรรย์ Ultra Seat ที่ปรับได้ 4 โหมดเหมือนกับ Jazz ทุกประการ ดังนี้
-Utility Mode เบาะปรับพับเรียบ วางของได้เต็มพื้นที่
-Long Mode เบาะหน้าเอน เชื่อมต่อเบาะหลัง ใส่ของแนวยาว
-Tall Mode เบาะรองนั่งด้านหลัง ยกขึ้น ใส่ของในแนวสูง
-Refresh Mode เบาะหน้าเอน เชื่อมต่อกับเบาะหลัง นอนยาว
เเถมเบาะหลังนั้นยังเป็นเเบบพับราบอีกด้วย
มีราคา ดังนี้
รุ่น S+ CVT 599,000
รุ่น SV CVT 675,000
รุ่น RS CVT 749,000
ความคิดเห็นส่วนตัว :
City Hybrid
-ราคาออกมาตามที่ผมคาดเลยครับ คือ ไม่สูงเท่า Civic รุ่น E เเต่อยู่ในย่าน 8 เเสนต้น สรุป คือ ราคา 839,000 อาจเหมือนเเพงเเต่ต้องไม่ลืมว่าเขาใส่ออพชั่นเข้าไปเเบบ
เเน่นมาก โดยเฉพาะ Honda Sensing ที่ให้มาใกล้เคียงกับ Civic RS ที่ราคาทะลุ 1.2 ล้าน รวมไปถึงระบบอำนวยความสะดวกที่ใกล้เคียงกับรถ C-Segment เลย ขาดเเค่พวกเบาะคู่หน้าไฟฟ้า กระจกมองหลังตัดเเสงอัตโนมัติ ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ซึ่งผมมองว่าเเค่นี้ก็เยอะมากเเล้วครับ ส่วนหนึ่งที่เขาทำ Hybrid มาเพราะว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพราะรถ Hybrid เสียภาษีสรรพสามิตเเค่ 4% เเต่ในรุ่น Sedan Turbo จะเสีย 12% เขาจงใจใส่ออพชั่นมาเพื่อที่จะเปิดตลาด B-Segment Hybrid ด้วยตำเเหน่งเเละภาพลักษณ์ทางการตลาด Premium เเบบเต็มตัวเลยครับ เหมือนไม่ได้กะจะมาเเข่งกับคู่เเข่ง B-Segment เลย เเต่จะไปเเข่งกับรุ่นเริ่มต้นของ C-Segment ซะมากกว่า ซึ่งน่าสนใจตรงที่นำเอาระบบ i-MMD เหมือน Accord Hybrid มาใช้ คือ เป็นเครื่อง Atkinson Cycle จับคู่มอเตอร์ 2 ตัวเหมือนกันเลย ดูทรงจากตัวเลขเเรงบิดเเล้วน่าจะเเรงใช่ย่อย เผลอๆอาจเเรงใกล้เคียงกับ Civic Turbo เลยทีเดียว รวมถึงขายความประหยัดน้ำมันด้วย เหมากับท่านที่อยากได้รถ B-Segment ที่ภายในกว้างขวาง ต้องการสมรรถนะเเละความประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุด เเละออพชั่นที่หรูหราท่วมท้นที่สุด ในราคาไม่เกิน 8.5 เเสน หรือท่านที่เล็ง Civic รุ่น E ไว้ ต้องพูดตามตรงครับว่าอาจหนีมาที่ City Hybrid ก็ได้ เพราะโดยส่วนตัวต้องเรียนตามตรงว่าชั่วโมงนี้ สำหรับผม Civic FC เเทบไม่ได้มีจุดที่เหนือกว่า City เลย เเถมเมื่อเทียบกันเเล้วเเพ้รุ่นน้องเเทบจะทุกด้านด้วยซ้ำทั้งเรื่องของความสดใหม่ของเครื่องยนต์ ซึ่งให้อัตราเร่งเเละความประหยัดน้ำมันที่ห่างชั้นกับ City Hybrid ยิ่งถ้าเป็นเรื่องออพชั่นนั้นเทียบไม่ติดครับ ต่างกันตั้งเเต่ภายนอก ภายใน อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ยันระบบความปลอดภัย City Hybrid มีมากกว่ารวมๆเเล้วน่าจะเกิน 20 รายการได้ครับ เรื่องพื้นที่ความสบายภายในก็เเทบไม่ต่างเช่นกัน อยู่ในเกณฑ์ไล่เลี่ยกัน วัสดุภายในนอกจากจะไม่เหนือกว่าเเล้วยังจะด้อยกว่าในหลายจุดด้วยซ้ำ เช่น เบาะหลังหุ้มมาไม่สุด ฟองน้ำเบาะเละมาก จุดที่ดูดีกว่า คือ ช่วงล่างเเละการควบคุมที่ได้เปรียบเนื่องจากใช้ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ รวมถึงตัวรถจุดศูนย์ถ่วงต่ำ คือ เตี้ยเเละกว้างกว่า ทำให้เอื้อต่อการขับเเบบมั่นใจเวลาเข้าโค้ง ดีไซน์ที่สปอร์ตกว่า เครื่องยนต์เเละเกียร์ที่ขายมานานทำให้ทนทาน ดูเเลง่าย ดีไซน์รถที่ดูสปอร์ตกว่า เเละชื่อชั้นของรถที่ดูมีเกรดกว่า City เเต่เมื่อมองพิจารณาองค์รวมเนื้อเเท้ของรถจริงๆ ก็ต้องบอกครับว่า "Civic เเพ้ City เเทบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับรถ"
1
อ่านบทวิเคราะห์ของ Honda Civic FC 1.8 ได้ที่นี่
EP12 : เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย Honda Civic FC 1.8
City Hatchback
-ทำราคามาได้พอๆกับ City Sedan เเต่สิ่งที่มีมากกว่านั่นคือความอเนกประสงค์ที่สืบต่อมาจาก Jazz เหมือนก่อนที่ Jazz จะลาจากพวกเราไป Jazz เขียนจดหมายทิ้งท้ายไว้ว่าให้ City Hatchback ช่วยสืบสานเบาะ Ultra Seat ด้วย งานนี้เลยจัดให้เลย นี่คือ Signature ของ Jazz(City Hatchback)เลยนะครับ เพราะไม่มีรถค่ายไหนทำได้ มันสามารถเพิ่มความอเนกประสงค์ได้เยอะ เเละจุดเด่นอื่นๆก็ยังคงอยู่มาจากรุ่น Sedan ทั้งเครื่องยนต์ที่เเรงที่สุดในกลุ่ม เเรงพอกับ Civic 1.8 เเละประหยัดน้ำมันเหมือน Eco Car Phase 2 คันอื่นๆ พื้นที่ภายในกว้างใหญ่ที่สุดในคลาส ภายในดูดีเเละใช้งานง่าย เเต่ยังคงมีกั๊กเรื่องของออพชั่นอยู่บ้างเหมือนกับตัว Sedan ครับ ฉะนั้น ท่านที่เล็ง City อยู่เเต่อยากขนของได้เยอะๆ รุ่น Hatchback คือ คำตอบครับ
จบข่าว สวัสดีครับ
โฆษณา