27 พ.ย. 2020 เวลา 12:58 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Nanobots จะถูกฝังอยู่ในร่างกายของเราภายในปี 2030
1
Nanorobotics เป็นสาขาที่เกิดขึ้นใหม่เป็นการออกแบบ และสร้างหุ่นยนต์ที่มีขนาดนาโนเมตร(10−9 meters) หรือมีขนาดตั้งแต่ 0.1 ถึง 10 ไมโครเมตรและทำจากส่วนประกอบระดับนาโนหรือโมเลกุล หนึ่งนาโนเมตรมีขนาดเป็น 10 เท่าของอะตอมเดี่ยว และเล็กกว่าความกว้างของ DNA 10 เท่า
1
ในอีก 10 ปี Nanobot ที่อยู่ในเลือดของเราอาจป้องกันเราจากโรค และแม้แต่การใช้ในการส่งความคิดของเราไปบน Wireless cloud
Nanotbot จะเดินทางอยู่ภายในตัวเราในระดับโมเลกุล เพื่อปกป้องระบบชีวภาพของเรา และทำให้เรามีชีวิตที่ดี และยืนยาวขึ้น อนาคตที่ว่านี้อยู่ใกล้กว่าที่เราคิดมาก
ในสมัยก่อนเราคงรู้สึกว่าคำว่า Nano ค่อนข้างเป็นสิ่งแปลกใหม่ เป็นเรื่องไกลตัว จนมาถึงปัจจุบันที่เราเริ่มได้ยินเทคโนโลยีนี้บ่อยขึ้น หรือแม้แต่คำว่าปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยี Nano มีการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ และมีการใช้การนำไปใช้จริงแล้ว
1
นักวิเคราะห์แนวโน้มอนาคต และ Ray Kurzwell ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของ Google
ได้คาดการณ์ว่า Nanobots จะต้องถูกใส่เข้าไปในร่างกายของเราสักวัน และในอนาคตอันใกล้นี้ ถือเป็น Modern technology ที่่จะอยู่รอบตัวเรา
-- การฉีด Nanobots เข้าไปในกระแสเลือด --
1.ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
จากบทความของ IFL Science DNA Nanobots ได้ถูกทดสอบในสัตว์เพื่อค้นหา และทำลายเซลล์มะเร็ง Nanotbots จะถูกตั้งโปรแกรมก่อน และจะมีความสามารถในการเคลื่อนผ่านกระแสเลือด และฉีดยาละลายลิ่มเลือดเข้าไปในเส้นเลือดรอบๆเนื้องอกเพื่อตัดการจ่ายเลือด
เทคโนโลยีนี้ยังอยู๋ในขั้นตอนที่ต้องพัฒนาอีกมาก และถ้าทำสำเร็จการใช้ Nanobots จะสามารถปฏิวัติการรักษามะเร็ง และในการวิจัยเซลล์อื่นๆ ซึ่งจะทำให้เหนือกว่ารูปแบบการรักษาปัจจุบันอย่างเทียบไม่ติด
2.ใช้ในการส่งยาเข้าร่างกาย
จริงๆแล้วการตรวจหา และรักษาโรคมะเร็งเป็นการด้านหนึ่งของการใช้ Nanobots เท่านั้น แต่ Nanobots ยังมีบทบาทสำคัญในอนาคตของการแพทย์ นักวิจัยเชื่อว่าสามารถใช้ Nanobots ในการขนส่งยาเข้าร่างกายด้วยความแม่นยำระดับสูง สิ่งที่จะทำให้สามารถจัดส่งยาเข้าไปในจุดที่ต้องการได้ และช่วยป้องกันผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ปริมาณยาที่มากเกินความจำเป็น
3.ใช้ในการ Monitor ความผิดปกติของร่างกาย
และนักวิทยาศาสตร์ยังเชื่อว่า Nanobots สามารถใช้ในการลดคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดดำ และแก้ปัญหาเรื่องโภชนาการได้ พร้อมกับการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อื่นๆทั้งหมด Nanobots สามารถช่วยให้มนุษย์เข้าถึงสถานะการเชื่อมต่อที่ดีขึ้นได้
ในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน ScienceMag นักวิทยาศาสตร์จาก Wyss Institute for Biologically Inspired Engineering และ Department of Genetics ที่ Harvard Medical School กล่าวว่า
“จากการวิจัยของเรา Nanobots ที่บรรจุชิ้นส่วนแอนติบอดี้รวมกันถูกใช้ในการกระตุ้นการส่งสัญญาของเซลล์สองประเภทในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และต้นแบบของเราสามารถทำให้เกิดไอเดียในการออกแบบใหม่ๆด้วยการคัดเลือกที่แตกต่างกัน และจำนวนที่ใช้งานทางชีวภาพสำหรับเซลล์เป้าหมาย”
ในทางทฤษฎี Nanobots สามารถใช้เพื่อตรวจสอบร่างกายของเราตลอดเวลา( เหมือนใส่อุปกรณ์คอย Monitor ในร่างกายตลอด) เพื่อหาโรค และอาการผิดปกติต่างๆ และส่งข้อมูลไปยังระบบคลาวด์เพื่อเก็บข้อมูลนำไปวิเคราะห์ และให้แพทย์ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ด้วยวิธีการนี้อาจจะทำให้โรคเล็กๆน้อยๆ อย่างหวัด ไม่นับเป็นโรคอีกต่อไป
4.ใช้ในการถ่ายทอดความคิดและเก็บบนคลาวด์
และอีกหนึ่งไอเดีย Nanobots สามารถถ่ายทอดความคิดเราขึ้นสู่คลาวด์ได้ แต่ต้องยอมรับว่าแนวคิดนี้ค่อนข้างจะเป็นจริงยากที่สุด เนื่องจากต้องมีการพัฒนาของด้านประสาทวิทยา และNanorobotics พร้อมกับอาสาสมัครที่ให้ทดลองจำนวนมาก(แต่ใครจะยอมให้เล่นกันสมองตัวเองง่ายๆละ?)
--- จุดกำเนิดของ Nanotechnology ---
ในการประชุมประจำปีของสมาคมฟิสิกส์แห่งอเมริกา (American Physical Society) ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1959 Richard Feynman ได้รับเชิญเป็นผู้บรรยายในหัวข้อ “ข้างล่างยังมีที่ว่างอีกเยอะ” (There’s Plenty of Room at the Bottom: An Invitation to a New Field of Physics)
การบรรยายของเขาในครั้งนี้ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในวารสาร Engineering and Science ของ Caltech ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1960 เนื้อหาของคำบรรยายกล่าวถึงศักยภาพของสิ่งที่เล็กลงไปอีกในวิชาฟิสิกส์ และมีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดการปฏิวัติทางอุตสาหกรรม ครั้งยิ่งใหญ่ สิ่งที่ Feynma ได้กล่าวถึงในวันนั้นเมื่อเกือบห้าสิบปีที่แล้ว ได้กลายมาเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันเรียกขานกันว่า “นาโนเทคโนโลยี”
ตัวอย่างคำพูดอมตะที่ Feynma ได้กล่าวไว้ในครั้งนั้น
“สิ่งที่ผมต้องการจะพูดในวันนี้คือ ปัญหาของการทำและควบคุมสิ่งที่อยู่ในมาตราขนาดเล็ก พอผมเริ่มพูดเรื่องนี้ สองหูของผมก็อื้ออึงไปด้วยข่าวสารที่ผู้คนพยายามกรอกหูผมเกี่ยวกับการย่อระบบให้เล็กลง และผลงานด้านนี้ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว พวกเขาบอกผมเกี่ยวกับมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งมีขนาดเท่ากับเล็บบนนิ้วก้อยของคุณ หรืออุปกรณ์ที่มีขายในท้องตลาดซึ่งคุณสามารถใช้เขียนบทสวดมนต์ลงบนหัวเข็มหมุดได้ แต่ขอให้ผมบอกคุณว่า เมื่อเทียบกับระดับความเล็กที่ผมคิดสิ่งที่พวกเขาพูดมานั้น ไม่มีความหมายเลย มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ผมกำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้นั่นคือโลกขนาดเล็กที่อยู่เบื้องล่างต่อไปอีก ในปี ค.ศ.2000 เมื่อหวนกลับมาดูวันนี้ พวกเขาก็คงจะสงสัยว่า ทำไมจึงไม่มีใครลงมือคิด หรือทำอะไร อย่างจริงจังเลยในเรื่องนี้ จนถึงปี ค.ศ.1960”
2
จนกระทั่งในปี 1981 กล้องจุลทรรศน์ได้รับการพัฒนาที่ทำสามารถมองเห็นอะตอมแต่ละตัวได้ และการที่นักวิจัยถ่ายภาพอะตอมแต่ละตัวทำให้เกิดความคิดที่ว่านาโนเทคโนโลยีเป็นไปได้
--- อนาคตของ Nanotechnology ---
นักวิจัยบางคนคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 ปีในพัฒนาจนสามารถใช้ในการแพทย์ได้อย่างเต็มที่ และเริ่มใช้ Nanobots สำหรับการผ่าตัดบางประเภท อย่างไรก็ตาม Nanotechnology ยังมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุน การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ช่วยนั้นมีราคาแพงกว่าวิธีการดั้งเดิมอยู่แล้ว และ Nanorobotics เองก็มีราคาแพงพอ ๆ กัน - อย่างน้อยก็ในระยะสั้นถึงกลาง
โฆษณา