28 พ.ย. 2020 เวลา 00:32 • ธุรกิจ
3 ปัญหาที่ทำให้บิตคอยน์ยังเอาชนะใจเรย์ ดาลิโอไม่ได้
เรียกว่าเป็นสินทรัพย์ที่ร้อนแรงที่สุดประจำเดือนนี้เลยครับสำหรับบิตคอยน์ที่พุ่งจากประมาณ $13,000 ไปเกิน $19,000 ชนิดที่อีกนิดเดียวก็จะทำ All Time High
ได้อยู่แล้ว แต่จู่ ๆ ก็ร่วงอย่างรุนแรงมาอยู่ที่ประมาณ $17,000 ซึ่งแม้จะดูผันผวนมากและเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ถ้าพูดกันตรง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับบิต
คอยน์
2
ส่วนบรรดาเหรียญคริปโตเคอเรนซี่อื่น ๆ หรือที่เรียกว่า Altcoins นั้นก็ได้อานิสงค์
จากการขึ้นของ Bitcoin รอบนี้ โดย Ethereum, Ripple, Litecoin ฯลฯ ต่างก็มี
ราคาสูงขึ้นไปตาม ๆ กัน
3
ความน่าสนใจของขาขึ้นของบิตคอยน์ในรอบนี้ที่ทำให้คุณต้องจับตามองว่ามันจะไปต่อได้อีกมหาศาลแบบที่หลายคนคาดการณ์จริง ๆ หรือไม่? เพราะคุณได้เห็นนักลง
ทุนรายใหญ่ ๆ เริ่มมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเหรียญคริปโต และเริ่มมีหลายบริษัทกระจาย
การลงทุนมายังบิตคอยน์ นอกจากนี้บางผู้ให้บริการทางการเงินก็เริ่มเปิดช่องทางให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บหรือโอนบิตคอยน์ได้
4
สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณว่าความเชื่อมั่นต่อเหรียญคริปโตกำลังขยายตัวในวงกว้างมากขึ้น สอดคล้องกับของมันราคาที่พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่าความมีจำกัดคือจุดเด่นของบิตคอยน์ แต่คุณสมบัติอื่น ๆ เช่น ความปลอดภัย, ความเสถียร, ความสะดวก, ความมีตัวตน ฯลฯ นั้นยังคงถูกตั้งคำถามว่ามันดีมากพอจะเป็นสกุลเงินหรือไม่
ซึ่งเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์มันได้
1
อย่างไรก็ตามคริปโตเคอเรนซี่ก็ยังคงไม่สามารถเอาชนะใจนักลงทุนระดับโลกหลาย ๆ คนได้ โดยเฉพาะเรย์ ดาลิโอที่มีชื่อเสียงจากการลงทุนโดยใช้กลยุทธ์กระจาย
ความเสี่ยงไปยังหลากหลายสินทรัพย์ แต่กลับไม่มีบิตคอยน์เป็นหนึ่งในสินทรัพย์
เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
1
โดยเรย์ได้อธิบายกับ Yahoo Finance ว่าเขาขอแบ่งสกุลเงินดิจิตอลออกเป็น 2
ประเภทคือ
3
กลุ่มที่ 1 : เป็นกลุ่มของคริปโตเคอเรนซี่ ได้แก่ บิตคอยน์และ Altcoins ต่าง ๆ ซึ่ง
กลุ่มนี้จะมีตลาดอุปสงค์อุปทานเป็นของตนเอง
กลุ่มที่ 2 : กลุ่มของสกุลเงินทั่วไป เช่น ดอลลาร์, ยูโร, หยวน ฯลฯ ที่จะถูกทำให้เป็นดิจิตอลในอนาคต (digitalized)
3
เรย์บอกว่าสำหรับเขาแล้วสกุลเงินดิจิตอลที่แท้จริงคือกลุ่มที่ 2 ที่หลังจากนี้คุณจะได้
เห็นมันมีมากขึ้นอีกเยอะ แต่สำหรับกลุ่มที่ 1 (เหรียญคริปโต) นั้นเรย์บอกว่าพวกมันมีปัญหาหลัก ๆ อยู่ 3 ข้อ ได้แก่
1. การเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน : ทุกวันนี้คุณยังไม่สามารถใช้บิตคอยน์ซื้อ
ของได้โดยทั่วไป
1
2. การเป็นแหล่งสะสมความมั่งคั่ง : มูลค่าของบิตคอยน์มีความผันผวนสูงและจาก
แรงเก็งกำไรที่เยอะมาก ๆ ซึ่งมันยังส่งผลไปที่ปัญหาข้อแรกด้วย เพราะสมมติว่าคุณ
ได้รับการชำระเงินมาเป็นบิตคอยน์แล้วคุณจะไม่สามารถตีความหมายมันในทางเครดิตได้เลย (หมายความว่ามันเป็นตัวแทนของ “ความพึงพอใจ” มากแค่ไหน)
2
3. รัฐบาลพยายามที่จะควบคุมมัน : แม้จุดเด่นของบิตคอยน์คือการถูกแทรกแซงจากรัฐได้ยากมาก แต่เรย์บอกว่าแม้จะแทรกแซงไม่ได้ แต่รัฐบาลก็สามารถสั่งให้การโอนและการครอบครองบิตคอยน์เป็นสิ่งผิดกฎหมายได้อย่างที่พวกเขาเคยทำกับ
ทองคำ
แต่ทุกวันนี้มันชัดเจนว่าธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ล้วนเก็บทองคำเพื่อสะสม
ความมั่งคั่งและใช้มันเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในกรณีที่ความเชื่อมันต่อสกุล
เงินของประเทศนั้น ๆ ต่ำลง นั่นเพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่าทองคำจะไม่สูญเสียมูลค่า
ตามสกุลเงินใด ๆ
1
ถ้าสรุปตามความเข้าใจผมคือเรย์มองว่าเหรียญคริปโตนั้นไม่สามารถทำหน้าที่เป็นสกุลเงินดิจิตอลได้ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ที่กำลังจะถูกทำให้เป็นดิจิตอล ซึ่ง
เมื่อเวลานั้นมาถึงเหรียญคริปโตเหล่านี้ก็จะเป็นได้เพียงของสะสม
2
ทีนี้พอมองในมุมของสะสมที่สามารถใช้เก็บความมั่งคั่งได้นั้นมันก็มีตลาดอยู่จำกัด อารมณ์คล้าย ๆ กระเป๋าแบรนด์เนม, นาฬิกาหรู, งานศิลปะ หรือของที่ระลึกจาก
ศิลปินชื่อดังที่จะมีค่าเฉพาะในหมู่คนที่ชื่นชอบเท่านั้น
1
เทียบไม่ได้กับทองคำที่ไม่ว่าใคร ชนชั้นใด หรืออยู่ที่ไหนก็จะให้มูลค่าแก่มันใกล้
เคียงกัน โดยเฉพาะผู้ควบคุมกฎการเงินอย่างธนาคารกลางก็เชื่อมั่นในทองคำมา
ตลอด
2
ถือว่าเป็นข้อโต้แย้งต่อบิตคอยน์ที่หนักแน่นมากทีเดียว ต้องติดตามกันต่อไปครับว่า
เหรียญคริปโตต่าง ๆ นั้นจะพิสูจน์ตัวเองต่อข้อโต้แย้งเหล่านี้ได้หรือไม่ เพื่อน ๆ
เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเรย์ ดาลิโออย่างไรบ้าง คอมเมนท์เลยครับ?
.
แอดปุง
โฆษณา