15 ธ.ค. 2020 เวลา 07:17 • ประวัติศาสตร์
เมื่อวานอ่านเรื่อง คอมมิวนิสต์ แล้ว เซ็งๆ นิดหน่อย เพราะเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่า มนุษย์เกิดมาไม่เหมือนกัน (Sameness) แต่มนุษย์ควรมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ โดยได้รับการการปฎิบัติแบบเดียวกัน
(Fairness)
มนุษย์เริ่มสร้างสังคมแบบก้าวกระโดด ต่างจากสัตว์เพราะอะไร มีคนบอกว่าเพราะมนุษย์มีสมองใหญ่กว่าสัตว์อื่น ? ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง เพราะมนุษย์มีภาษา ?สัตว์อื่นก็มีภาษาและสื่อสารบางครั้ง ทรงประสิทธิภาพกว่ามนุษย์
แต่มี 2 สิ่งที่มนุษย์ต่างจากสัตว์คือ
1. มนุษย์แบ่งงานกันทำตามความเชี่ยวชาญ
2. มนุษย์ถ่ายทอดความรู้ความชำนาญส่งต่อกัน
ถ้าเรามาไล่ประวัติศาสตร์ย้อนหลังจะพบว่า
300,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
นีเอลโนทัล รู้จักไฟ
200,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
กำเนิดโฮโมเซเปียน
70,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
มีภาษา มีการสื่อสารกัน
10,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
รู้จักการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์
3,500 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
เกิดอารยธรรมเมโสโปเตเมีย และจดบันทึก
มนุษย์เพิ่งเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อ 10,000 ปีก่อนคริสต์กาลเท่านั้นเอง เพราะก่อนหน้านั้น เราก็เหมือนสัตว์อื่นๆ แบ่งงานหยาบๆ แค่ชาย หญิง
หญิงดูแลลูก ที่พัก , ชายออกไปล่าสัตว์หาอาหาร
สัตว์ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ...
แต่เพศชายที่ล่าสัตว์ไม่เก่งหละ ?
ก็ตายไปในการล่าสัตว์ เพราะเอาตัวรอดไม่ได้
เพราะทุกคนถึงเกิดมาเป็นผู้ชายก็ไม่ได้หมายความว่าจะล่าสัตว์เก่ง ดังนั้นจึงมีความสูญเสียมากมาย มนุษย์จึงย่ำอยู่กับที่
จนเมื่อมนุษย์เริ่มรู้จักเลี้ยงสัตว์ จากการจับสัตว์มาขัง
เริ่มเพราะปลูกจากพืชที่งอกจากการขับถ่าย หรือกินเมล็ดทิ้งไว้ มนุษย์จึงมีงานหลากหลายขึ้น ..
แต่ก็ยังเป็นในรูปแบบที่ครอบครัวหนึ่งทำทั้งหมด
ออกล่าสัตว์ เลี้ยงสัตว์ เพาะปลูก สร้างของเครื่องใช้ ทุกคนต้องทำเป็นทั้งหมด
จนต่อมาน่าจะเกิดมีคนทำบางอย่างได้ดี
เช่นบ้านนี้ปลูกพืชเก่ง บ้านนี้เลี้ยงสัตว์เก่ง บ้านนี้ทำอาวุธเก่ง บ้านนี้ทำเครื่องจักสานเก่ง
มนุษย์จึงได้เริ่มทำสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญ เมื่อทำมากขึ้นก็ชำนาญ เมื่อชำนาญก็เกิดการคิดค้นพัฒนา ของสิ่งนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องเสียเวลาทำทุกอย่าง และเอาของที่ตัวเองทำนั้น ไปแลกกับของคนอื่นต่อ
เวลานี้มนุษย์จึงพัฒนาแบบก้าวกระโดด
และก็ถ่ายทอดองค์ความรู้ส่งต่อกันมาเรื่อยๆ
แต่น่าเสียดายเล็กน้อยที่บางบ้านถือเป็นความลับประจำตระกูล ไม่ถ่ายทอดคนนอก ซึ่งลืมกฎไปว่า คนเราเกิดมานั้นถนัดไม่เหมือนกัน สุดท้ายสิ่งเหล่านั้นเมื่อตกมาถึงลูกหลานที่ไม่ชำนาญ ไม่ชอบ ไม่ถนัด ก็เลยสูญหายไป
ความรู้พวกนี้ มนุษย์ส่งต่อกันมาเรื่อยๆ จนเกิดเป็นโรงเรียน มหาลัย เป็นอาชีพต่างๆ ในปัจจุบัน
แต่อริสโตเติลกล่าวว่า ต่อให้สิ่งของที่ทำออกมาเหมือนกัน แต่คุณภาพไม่เท่ากัน เราก็ควรให้คุณค่าไม่เหมือนกัน เช่น มีดที่ทำในแต่ละบ้าน ก็ควรมีราคาไม่เท่ากันขึ้นกับฝีมือและคุณภาพ ดังนั้นแต่บ้านก็ต้องเร่งพัฒนาผีมือและคุณภาพ
ดังนั้นหากเราจะให้ประเทศกลายเป็นยูโทเปียแบบสังคมนิยม ที่ทุกคนออกไปทำงานแล้วได้ผลลัพธ์เท่ากัน เหตุใด ทุกคนจะแข่งขันกันทำสิ่งที่ดีที่สุด !?
คำว่ามนุษย์คือสัตว์สังคมไม่ใช่หมายความว่า มนุษย์ต้องออกไปเฮฮาสังสรรค์กันตลอดเวลา แต่ความหมายที่แท้จริง แม้แต่มนุษย์อินโทเวิร์สยังต้องทำตามคือ มนุษย์เราล้วนอาศัยมนุษย์คนอื่นจึงก่อเกิดเป็นสังคมที่ซับซ้อนที่เราอยู่สบายทุกวันนี้
แม้เราจะอยู่ในคอนโดคนเดียวก็ตาม
ไฟฟ้า , น้ำประปา , อินเตอร์เน็ต อาหารต่างๆ ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ เพลงที่เราฟัง หนังที่เราดู ก็ล้วนมีมนุษย์คนอื่นกำลังก้มหน้าก้มตาทำสิ่งที่เค้าถนัดและชำนาญอยู่นั่นเอง
ถ้าจะเอาแค่ให้มี โอเค คอมมิวนิสต์ก็ทำให้ได้
แต่ถ้าเราอยากได้ของที่ดีที่สุด เราจะเป็นต้องให้ทุกคนได้เท่ากันด้วยเหรอ ทำงานกลุ่ม ที่ได้คะแนนเท่ากัน มันยังมีคนทำมากทำน้อย บางคนไม่ทำ เรายังแอบไม่พอใจมาทุกวันนี้
ถ้าให้ทุกคนได้เข้าถึงทรัพยากรพื้นฐานเท่ากัน แต่ถ้าใครอยากได้ดีกว่า มากกว่า ก็ขยันเอา มันจะไม่ดีกว่าหรือ !?
โฆษณา