15 ธ.ค. 2020 เวลา 09:47 • กีฬา
ในขณะที่ศึกพรีเมียร์ลีกกำลังต่อสู้กันอย่างเข้มข้น หลายทีมดังเริ่มทยอยเค้นฟอร์มเก่งเพื่อไต่อันดับขึ้นไปให้อยู่สูงที่สุด ทีมที่ผลงานน่าผิดหวังแบบไม่น่าเชื่อกับกลายเป็น “อาร์เซน่อล” ที่ก่อนเปิดฤดูกาลคงไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าเป้าหมายของทีมจะเปลี่ยนจากการ “ล่าแชมป์” มาเป็น “หนีตกชั้น” อยู่แบบนี้
การเข้ามาของ มิเกล อาร์เตต้า ในช่วงปลายปี 2019 แทนที่ของ อูไน เอเมรี่ ผู้จากไป ทำให้เหล่า “กูนเนอร์ส” รู้สึกตื่นเต้นกันไม่น้อย แม้ว่ากุนซือชาวสแปนิชอาจจะไม่เคยคุมทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัว แต่การได้คลุกคลีเป็นผู้ช่วยของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่แมนฯ ซิตี้ ก็เหมือนหลักสูตรเร่งรัดที่ได้วิชาดีติดตัวมาไม่น้อย
แล้วแน่นอนว่าด้วยความสดใหม่ช่วงแรกอะไรๆก็ดูสวยงามไปหมด เขาสามารถพาทีมพุ่งเข้าชนความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วกว่าที่คิด เดินหน้าคว้าแชมป์มาได้ทั้งเอฟเอ คัพ และ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ทว่าเมื่อเกมการแข่งขันในลีกเปิดขึ้นจริง สิ่งที่แฟนบอลวาดฝันเอาไว้ว่าทีมจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เริ่มดูถอยห่างไปทุกที
แม้ว่าทีมจะมีข่าวดีเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงซัมเมอร์ ทั้งการที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง กองหน้าตัวเก่ง ต่อสัญญากับทีมออกไป หรือจะเป็นการได้ตัว โธมัส ปาร์เตย์ มาเสริมแกร่งในแดนกลางของทีม แต่ผลงานช่วงออกสตาร์ทกลับตกหล่นลงไปอย่างน่าใจหาย แล้วนี่คือ 5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้ทีมไปได้ไม่ไกลอย่างที่คิด
1. ประจานลูกทีมออกสื่อ – ในเกมที่เสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-0 สปอตไลท์ถูกสาดส่องไปที่ นิโกลาส์ เปเป้ เมื่อเอาหัวไปโขกคู่แข่งจนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ซึ่งทำให้ อาร์เตต้า ถึงกับหัวร้อนประณามพฤติกรรมอันน่าผิดหวังของแข้งค่าตัว 72 ลป. อย่างดุเดือด ซึ่งต่อมามีรายงานว่าแข้งอาวุโสของทีมหลายคนไม่พอใจกับท่าทีของผู้เป็นเจ้านายที่ปฏิบัติต่อลูกทีมออกรายการสดทางทีวีแบบนี้ แม้ว่าตัวนักเตะจะขาดวินัยจริงก็ตาม
2. สัมพันธ์ “ลุยซ์” ไม่ราบรื่น – สัญญาณอีกอย่างหนึ่งที่แฟนบอลเริ่มกังวลกันคือความสัมพันธ์ของเขากับ ดาวิด ลุยซ์ กองหลังตัวสำคัญ ที่ถูกมองว่าเริ่มแย่ลงเรื่องๆในช่วงระยะหลัง โดยมีรายงานว่าทั้งคู่แทบจะไม่ยอมพูดคุยกันอยู่แล้ว แม้ว่าทางสโมสร รวมถึงตัวแทนของนักเตะเองจะออกมาปฏิเสธเรื่องนี้อย่างหนักแน่น โดยบอกว่าขอมุ่งมั่นต่อความสำเร็จของทีมเท่านั้น แต่ภาพที่ออกมาให้เห็นก็ชวนให้ข้องใจว่ามีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม
3. ขาดผู้นำทีมตัวจริง – มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าการตัดสินใจของ อาร์เตต้า ที่ตัดชื่อสองแข้งเก๋าอย่าง เมซุต โอซิล และ โซคราติส ออกจากทีมทั้งในชุดสู้ศึกพรีเมียร์ลีก และ ยูโรปา ลีก ส่งผลให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวของทีมแย่ลงไปอีก ซึ่งผู้เล่นทั้งสองคนต่างเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อทีม แล้วได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางภายในชุดซีเนียร์ การหายไปของพวกเขาส่งผลในเรื่องสปิริตของทีม ส่วนคนที่พอจะฝากความหวังแทนได้ก็แทบไม่มี
4. ไม่ส่ง “ซาลิบา” ลงเล่น – ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาแฟนบอลหลายคนก็งงไม่น้อยที่ทีมดึงตัว วิลเลี่ยม ซาลิบา กลับมาร่วมงาน แม้ทางเจ้าของค่าตัว 28 ลป. จะยังมีท่าทีชัดเจนว่าอยากได้โอกาสลงเล่นต่อเนื่องกับทาง แซงต์ เอเตียน มากกว่า เพราะถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมเลย โดยก่อนหน้านี้ก็เคยไปโพสต์ข้อความตอบ มัตเตโอ กูเอนดูซี อดีตเพื่อนร่วมทีม ว่าเวลานี้ตัวเองเหมือนถูกสโมสรขังเอาไว้ เล่นเอา อาร์เตต้า หัวเสียไปไม่น้อย
5. ข้อมูลฝึกซ้อมรั่วไหล – เมื่อช่วงต้นฤดูกาลมีผลงานในสนามซ้อมของ ลุยซ์ และ ดานี่ เซบายอส หลุดออกมาตามหน้าสื่อ ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของเหล่าเอเยนต์ของนักเตะชื่อดังหลายราย พร้อมมีรายงานว่า อาร์เตต้า ได้บอกกับทีมว่าเขาจะ “ทำลาย” ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังการปล่อยข้อมูลชิ้นนี้ อย่างไรก็ตามความจริงบางส่วนก็ชี้ว่ามีผู้เล่นบางคนเต็มใจให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่ได้หนุนหลังผู้เป็นเจ้านายอย่างเต็มที่
ซึ่งทางตัวของ อาร์เตต้า เองก็ดูเหมือนจะเริ่มรับสภาพกลายๆแล้วว่า “เวลา” ของเขากับทีมใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว แม้ว่าทาง เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะยังออกมาให้กำลังใจเพื่อนเก่าว่า เขาจะเป็นผู้พาทีมฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี แต่ดูจากปัญหาที่เกิดขึ้นแม้ภาพรวมอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ดูเหมือนเขาจะยังหาทางรับมือกับมันได้ไม่ดีพอ แล้วพอปัญหาต่างๆสะสมมากขึ้นๆ ก็เริ่มมีคำถามขึ้นมาว่า อาร์เตต้า ดีพอสำหรับ อาร์เซน่อล แล้วหรือยัง?
การที่ อาร์เตต้า ไม่เคยคุมทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัวมาก่อน เลยทำให้เขาเหมือนขาดการตัดสินใจที่ดีเมื่อต้องมาเจอภารกิจกับทีมใหญ่แบบนี้ บางทีการยอมถอยหลังสักหนึ่งก้าว เพื่อไปสะสมประสบการณ์กับทีมที่ไม่ต้องรับมือกับความกดดันขนาดนี้ อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดทั้งฝ่ายของตัวเขาเอง และ สโมสร รวมถึงเหล่าแฟนบอลก็คงเห็นไม่ต่างกันมากนัก...ถ้าไม่อยากเจ็บหนักกันไปมากกว่านี้การแยกทางจึงน่าจะเป็นคำตอบที่น่าพอใจ
#arteta #arsenal #premierleague #ติดสอยห้อยเล่าเรื่อง
โฆษณา