19 ธ.ค. 2020 เวลา 03:14 • ข่าว
หยุดการใช้โทรศัพท์ในโรงเรียน หลายๆประเทศในยุโรป อเมริกา หรือออสเตรเลีย ได้ผ่านกฏหมายเพื่อให้เด็กๆได้รับการคุ้มครอง ในช่วงวัย 3-15 ปี หรือบางประเทศอาจครอบคลุมถึงระดับมหาวิทยาลัย
เพื่อให้พ้นจากปัญหาการนำโทรศัพท์ หรือสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต มาใช้
จนเกิดปัญหาหลายอย่างตามมา ด้วยการออกกฏหมายบังคับเลย
ฝรั่งเศสเริ่มใช้กฏหมาย Detox Law ปี 2018 เมื่อนายแอมมานูแอล
มาครงเป็นประธานาธิบดี โดยเขาได้ประกาศนโยบายตั้งแต่ ในการหาเสียงและดำเนินการทันทีเมื่อเข้ารับตำแหน่ง เพื่อให้เด็ก 3-15 ปีได้รับการคุ้มครอง เนื่องจากว่า ฝรั่งเศสได้ทำการศึกษาสรุปได้ว่าปัญหาของการใช้โทรศัพท์ในโรงเรียนและ ในช่วงวัยที่ไม่เหมาะสมส่งผลต่อเด็กๆในช่วงวัยนี้มากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ
1
บทวิเคราะห์การใช้อุปกรณ์มือถือในต่างประเทศและในประเทศไทย
1
1.ขัดขวางการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กในช่วงวัยที่สำคัญ
2.ปฏิสัมพันธ์ของเด็กกับสิ่งแวดล้อมน้อยลง
3.ผลการเรียนต่ำลง รวมถึงการทำงานของสมองในการทำหน้าลดลง
4.เด็กในช่วง3-15ห้ามนำโทรศัพท์มาโรงเรียน เด็กที่อายุเกิน15ปี ให้ใช้ดุลยพินิจของตัวเองว่าต้องการร่วมแบนได้เอง
5. อีกหนึ่งเหตุผลของการงด เนื่องจากปัญหาการใช้โทรศัพท์มือถือผิดวิธี การถูกคุกคามจากสื่อลามกอนาจาร การถูกรังแกหรือบูลลี่ ( Cyberbullying ) การส่งต่อความรุนแรง รวมถึงปรากฏการณ์ติดจอ
1
6.แต่เพื่อการบังคับใช้โดยไร้เหตุผล ได้ออกข้อยกเว้นให้ครูสามารถใช้การวินิจฉัยตามความเหมาะสมและเพื่อการศึกษา ความจำเป็นตามโอกาสได้
ออสเตรเลียในรัฐวิคตอเรีย ได้ประกาศใช้กฏหมายไปในทิศทางเดียวกับประเทศฝรั่งเศส โดยให้เริ่มใช้เมื่อปีคศ. 2020เป็นต้นมา เป็นผลจากเด็กถูกรังแกจากโลกCyberbullying ในช่วงวัยรุ่นในออสเตรเลียมีมาก
แนวทางปฏิบัติคือให้เด็กเอาโทรศัพท์เข้าตู้ล็อคเกอร์ และนำกลับบ้านเท่านั้น ยกเว้นในกรณีที่มีปัญหาสุขภาพ หรือเมื่อครูอนุญาต
พบว่าหลังจากการบังคับใช้ กฏหมายนี้ เด็กๆมีเวลาออกกำลังกายในสนามโรงเรียน และมีการพูดคุยกันมากขึ้นในช่วงมื้ออาหารกลางวัน ผลการเรียนดีขึ้น รวมถึงลดปัญหาการแอบเล่นโทรศัพท์ในขณะมีการสอน
หลายประะทศในยุโรปเช่น สวีเดน บางโรงเรียนเริ่มจำกัดการใช้
โทรศัพท์กันมากขึ้น บางแห่งห้ามนำเข้ามาในโรงเรียน โดยจะเริ่ม
ใช้ในปีการศึกษาหน้านี้
ในอเมริกา หลายรัฐก็ได้มีคำสั่งในการปฏิบัติ โดยนำโทรศัพท์ไปเก็บในอุปกรณ์ที่เรียก Yondr Pouch เป็นประเป๋าที่จะล็อคโทรศัพท์ไว้ จนถึงเลิกเรียนจึงจะนำออกมาปลดล็อค ซึ่งโรงเรียนมัธยม San Mateo ได้นำมาใช้โดยที่ต้องจ่ายเงินถึง 2 หมื่นดอลล่าร์ ต่อปี ตกคนละ 12 ดอลล่าร์ต่อคนต่อปีเพื่อใช้อุปกรณ์
แต่ในบางรัฐ เช่นที่นิวยอร์ค ที่พบปัญหาการก่อการร้าย กราดยิงในโรงเรียน ผู้ปกครองไม่ยินยอมให้นำมาใช้เพราะกลัวว่าจะเป็นปัญหาในขณะที่เกิดเหตุร้ายขึ้น และบรรดาพ่อแม่จะติดต่อกับลูกหลานไม่ได้
ประเทศไทยเองก็มีการขอความร่วมมือ รวมถึงการวางแผนเพื่อบังคับใช้เมื่อหลายปีก่อน แต่ถูกล้มไป เนื่องจากมีกลุ่มทักท้วงว่าเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ(ว่าแต่แก้ที่ต้นเหตุคืออะไร ต้องแก้อย่างไรสุดคาดเดา)โครงการจึงถูกพับ และให้ครู ผู้ปกครองแก้ไขกันเอง เพราะทุกคนล้วนมีความคิดสร้างสรรค์และสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมได้
(555😱😨😢🐂🐃🐐🐺🐗)
ช่วงวิกฤตโควิด -19 พวกเราได้ใช้อุปกรณ์สื่อสารเหล่านี้อย่างคุ้มค่า สมราคา รวมถึงผลประโยชน์ต่างผ่านสื่อ ที่ใครไม่รู้เข้าไม่ถึงก็เสียเปรียบชาวบ้าน
รวมถึง การเรียนออนไลน์ หรือนอนเล่นโทรศัพท์ที่บ้านอย่างสบายใจ แล้วบอกกำลังเรียนออนไลน์อยู่(555) หรือการ WFH จากสถานที่ต่างๆเพื่อลดความใกล้ชิดหรือพบเจอกันเพื่อการเรียนหรือการทำงาน เพราะกลัวการติดเชื้อโรค จากความใกล้ชิดกับบุคคลอื่น
ในอนาคต ที่คาดการณ์ว่าอาจไม่มีโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือโน้ตบุคเครื่องโต มาให้เกะกะสายตา เราอาจใช้ฝัง เจาะกันไปแล้ว
และถ้าถึงวันนั้นเราจะมากังวลกับการที่ลูกของเรา หรือพวกเราติดกับการเสพติดทุกอย่าง จากอุปกรณ์สมาร์ทโฟนกันทำไม
ขอบคุณภาพจาก
โฆษณา