22 ธ.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ไม่มีใครใหญ่กว่าทีม ]
1
เมื่อไม่นานมานี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพิ่งเปิดใจกับเดียริโอ อาสสื่อของสเปนไว้อย่างน่าสนใจ
ประเด็นอยู่ที่ ซาลาห์ ยอมรับรู้สึกผิดหวังไม่ได้เป็นกัปตันทีมในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้าย ซึ่งลิเวอร์พูลไปเยือนมิดทิลลันด์ของเดนมาร์ก
เกมดังกล่าว เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้ปลอกแขน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ นำทัพเพื่อนร่วมทีมลงสู่สนาม เหมือนเป็นการตอบแทนความมุ่งมั่นของแข้งที่เติบโตมาจากอะคาเดมี่
เทรนท์ เคยเล่าว่ามีความฝัน 2 อย่างในชีวิตการค้าแข้ง 1.เป็นตำนานกับลิเวอร์พูล 2.ได้เป็นกัปตันทีม
ฝันของ เทรนท์ เป็นจริงในวัยเพียงแค่ 22 ปีเท่านั้น สำหรับเด็กหนุ่มสักคนนี่ย่อมเป็นโมเมนต์พิเศษไม่มีทางลืมลงอย่างเด็ดขาด
แต่ในขณะเดียวกันอาจมีนักเตะคนหนึ่งที่อยากลืมเกมนั้น
โม ซาลาห์ มีชื่อในไลน์อัพด้วย เขาได้แค่เดินตามหลัง เทรนท์ ลงสนาม ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวยิ่งนัก
ในวันที่ไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไม่มี เจมส์ มิลเนอร์ ไม่มี เฟอร์กิล ฟานไดค์ รวมถึงแข้งหลักอีกมากมาย โอกาสอย่างนี้เขาควรได้รับปลอกแขนกัปตันทีมไม่ใช่หรือ
1
นับตั้งแต่ย้ายจากโรม่ามาสู่ทีมในปี 2017 ซาลาห์ ยกระดับเป็นแกนหลักและขวัญใจเดอะ ค็อปอย่างรวดเร็ว นอกจากมีส่วนสำคัญพาทีมเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกแล้ว ยังซัดกระจุยถึงรายการ 44 ประตู
ฤดูกาลถัดมาๆ ก็ยังคงรักษามาตรฐานได้อย่างน่าพอใจ อิทธิพลจากความยอดเยี่ยมในสนาม ไม่ใช่ถูกตีกรอบแค่ในสโมสรเท่านั้น แต่ในอียิปต์ยังก้าวสู่เป็นไอดอลเต็มตัว รวมถึงความนิยมในหมู่แฟนบอลมุสลิมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
2
ในวันที่มีเลือกตั้งประธานาธิบดีอิยิปต์ มีผู้คนไม่น้อยเขียนชื่อของ โม ซาลาห์ ก่อนหย่อนลงหีบ ชัดเจนแล้วว่าเขาทรงอิทธิพลมากแค่ไหน
5
ไม่ผิดเลยหากจะบอกว่านี่คือฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่นำลิเวอร์พูลบินสูงมาตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
1
แล้วทำไมเขาจึงถูกมองข้ามไปได้ล่ะ? ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดคำถามขึ้น
2
อย่างไรก็ตามคำถามนี้มันควรจะเก็บไว้ภายในหรือหากมีอะไรที่คับข้องหมองใจจริงๆ ก็เดินไปเคาะประตูห้องเจ้านาย เพื่อถามไถ่เคลียร์ใจกันให้เรียบร้อย จะได้ไม่ต้องมาติดค้างอะไรอีก
แต่การตัดสินใจเลือกที่จะพูดออกมาผ่านสื่อ กลับตอกหัวหมุดให้สถานการณ์มันทรุดหนักกว่าเดิม
1
แล้วเรื่องไม่ได้จบแค่ตรงนี้ เพราะล่าสุด โมฮัมเหม็ด อาบูตริก้า อดีตกองหน้าระดับตำนานของอียิปต์ จัดการขยี้ซ้ำอีกดอกด้วยเช่นกัน
สองคนนี้ถือว่ามีความสนิทกันมาพักใหญ่แล้ว ในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องซึ่งนับถือกันมาและยังคงติดต่อถามสารทุกข์สุขดิบกันอยู่เสมอ
อาบูตริก้า เล่าว่าพอเห็นข่าวน้องไม่ค่อยมีความสุขนัก เลยต่อสายตรงคุยกันสักหน่อย ก่อนจะได้รับรายละเอียดมาพอสมควร
แล้วก็สาธยายว่า ซาลาห์ ไม่แฮปปี้กับเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เสียใจและผิดหวังที่ไม่ได้เป็นกัปตันทีม
2
"ผมโทรหา ซาลาห์ ถามถึงเรื่องที่ลิเวอร์พูล เขายอมรับผิดหวัง แต่มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อฟอร์มในสนาม"
"ผมรู้ว่าเขาไม่มีความสุขที่นั่นเลย เขาบอกเหตุผลชัดเจนด้วยว่าทำไม แต่มันเป็นความลับอยู่แล้ว ผมไม่พูดต่อหน้าสาธารณะหรอก"
"แต่หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ ซาลาห์ โมโหคือเขาไม่ได้เป็นกัปตันทีมเกมเจอมิดทิลลันด์นั่นเอง"
1
เอาเข้าจริงๆโดยมารยาทและกาลเทศะ เรื่องอย่างนี้ไม่ควรนำมาพูดผ่านสื่อ คุยกันจริงๆก็ควรเก็บงำเอาไว้ รู้กันแค่นั้นหรือเต็มที่ถ่ายทอดให้คนใกล้ตัว
2
แต่มันคงมีสัญญาณบางอย่างที่ทำให้ อาบูตริก้า กล้าที่จะเล่าให้ฟังและนั่นไม่น่าทำให้ คล็อปป์ พอใจสักเท่าไร
หากย้อนกลับไปยังการให้สัมภาษณ์กับเดียริโอ อาส มีประโยคที่ ซาลาห์ ชื่นชมเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่าด้วย
2
ชื่นชมว่าเป็นทีมชั้นนำยิ่งใหญ่ยังไม่เท่าไร แต่ยังกล่าวไว้ในทำนองว่าอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนอีกด้วย
1
แม้จะตบท้ายว่าพร้อมมุ่งมั่นกับลิเวอร์พูลไล่ล่าความสำเร็จเช่นเดิม มันก็สะท้อนถึงความไม่ปกติแล้ว
1
หลังจากนั้นไม่นาน ซาลาห์ เป็นเพียงแค่ตัวสำรองในเกมเจอกับคริสตัล พาเลซ ท่ามกลางกระแสข่าวที่โหมหนักขึ้นเรื่อยๆว่าเกิดความขัดแย้งภายในจริง
อย่างไรก็ตามเรื่องดูเงียบลงไปไม่น่าตื่นเต้นอะไรนัก หลังดาวเตะอียิปต์ลุกจากม้าสำรองมาซัดคนเดียว 2 ประตูและอีก 1 แอสซิสต์พาถล่มราบ 7-0
2
อย่างไรก็ดีมีประเด็นตรงที่ตอนถอด ซาดิโอ มาเน่ ออกเพื่อส่ง ซาลาห์ ลงไปแทน ปฏิกิริยาของอีกฝั่งแสดงอาการผิดหวังชัดเจน
ถ้าจะบอกนักเตะไม่พอใจที่ถูกเปลี่ยนก็พอจะเข้าได้ แต่ในสถานการณ์ที่ยิงทิ้งห่างขนาดนั้น มันไม่เห็นจะต้องหัวเสียสักเท่าไรเลย ต่อให้มุ่งมั่นกระหายอยากอยู่ในสนามต่อไปก็ตาม
1
หรือว่ามีเงื่อนปมบางอย่างซ่อนอยู่ในเรื่องนี้?
หากให้วิเคราะห์กันตามข้อมูลที่มีอยู่ก็ต้องยอมรับว่า โม ซาลาห์ ไม่พอใจกับสถานะปัจจุบันและเดิมพันด้วยการออกมาเรียกร้อง
จากการที่ตัวเองทุ่มเทไม่ขาดตกบกพร่อง นำชัยชนะและความสำเร็จมาสู่ลิเวอร์พูลต่อเนื่อง แต่กลับถูกปฏิบัติเช่นนี้ถือว่าไม่เหมาะสม
เราอาจพอจะพูดได้ว่า ซาลาห์ เริ่มงอแง มีลักษณะคล้าย ปอล ป็อกบา ที่รู้สถานะว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่มักจะโดนมองข้ามหัว
4
อย่างไรก็ตามถ้ามองย้อนกลับไป ซาลาห์ ไม่ได้มีปัญหากับสโมสรเท่านั้น แต่กับสมาคมฟุตบอลอียิปต์เองความสัมพันธ์ก็ง่อนแง่นอีกต่างหาก
ในวันที่โด่งดังเปรี้ยงปร้างขึ้นมาใหม่ๆ เขาต้องการอภิสิทธิ์ที่เหนือกว่านักเตะร่วมชาติคนอื่น อย่างเช่นการ์ดที่คอยดูแลเฉพาะ รวมถึงลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ต่างๆที่สมาคมฯนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง
ทางสมาคมฟุตบอลอียิปต์หรืออีเอฟเอ จัดการตอบโต้ทันควันว่าจะไม่มีแข้งไหนใหญ่กว่าทีมเป็นอันขาด นักเตะทุกคนต้องเท่าเทียมกัน
ส่วนตัว ซาลาห์ ฉุนเฉียวมากๆที่สมาคมฯนำชื่อเสียงตนไปใช้ผลประโยชน์ ทั้งที่ควรปรึกษากันก่อน แต่ก็เพิกเฉย
นอกจากนี้ในงานประกาศรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกา ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศอียิปต์เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าไร้เงาของ ซาลาห์ อีกต่างหาก
1
ซาลาห์ อ้างว่าต้องการซ้อมกับลิเวอร์พูล เพื่อเตรียมความพร้อมลงโม่สเปอร์สในเกมพรีเมียร์ลีก
แล้วนักเตะยอดเยี่ยมตกเป็นของ มาเน่ เพื่อนร่วมทัพหงส์แดงด้วย เสียงเมาธ์มอยเลยกระหึ่มขึ้นตามลำดับอีก
มีคำถามว่าทำไม ซาลาห์ ต้องทำขนาดนี้ด้วย งานจัดที่ประเทศบ้านเกิดไม่พอ เพื่อนยังได้รางวัล ควรไปร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดี อีกทั้งก่อนหน้าตัวเองก็เคยคว้ายอดแข้ง
ประเด็นชิงดีชิงเด่นกับ มาเน่ จึงถูกโยนเชื้อให้โหม เพราะก่อนหน้านั้นก็มีคดีความกันเป็นทุนไว้อยู่แล้ว
1
ภาพมันค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆว่า ซาลาห์ ไม่มีความสุขในถิ่นแอนฟิลด์อีกต่อไปและหากไม่มีใจเหมือนสมัยก่อน ทางเดียวคือต้องแยกทางใครทางมัน
บางที เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าแล้วก็ได้
ประโยคที่ว่า "ไม่มีนักเตะคนไหนใหญ่กว่าทีม" จึงก้องอีกครั้ง เพราะนี่คือความจริงที่สุด
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
1
โฆษณา