23 ธ.ค. 2020 เวลา 03:47 • กีฬา
ถ้าคุณพ่อ กับคุณแม่ของคุณ เชียร์ทีมฟุตบอลคนละทีม และต่างคนก็ต่างอยากให้ลูกชาย ย้ายไปเล่นกับทีมที่ตัวเองชอบ สำหรับตัวเด็กเอง คงเป็นอะไรที่ลำบากใจมาก นั่นคือสิ่งที่เกิดกับเดวิด เบ็คแฮม ดาวรุ่งหน้าหล่อขวัญใจสาวๆ คำถามคือเขาตัดสินใจอย่างไร วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
คุณแม่ของเบ็คแฮม ชื่อซานดร้า เธอเกิดที่ลอนดอน ครอบครัวทั้งตระกูลเชียร์สเปอร์สมาโดยตลอด ขณะที่คุณพ่อของเบ็คแฮมชื่อเท็ด เขาเกิดที่ลอนดอนเช่นกัน แต่เลือกเป็นแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยคนแบบเท็ดจะถูกเรียกว่า Cockney Red เป็นคำศัพท์ที่เอาไว้เรียกชาวลอนดอน แต่เลือกจะซัพพอร์ทแมนฯยูไนเต็ด แทนที่จะเป็นสโมสรใดสโมสรหนึ่งในเมืองหลวง
นั่นทำให้เบ็คแฮม เติบโตมาในบ้านที่มีบรรยากาศการเชียร์สองทีมอยู่ตลอด เบ็คแฮมออกจะโอนเอียงไปทางแมนฯยูไนเต็ดมากกว่า เพราะเขาใกล้ชิดกับคุณพ่อมากๆ แต่กับสเปอร์สเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจ ทุกๆวันคริสต์มาส คุณตาจะพาเขาไปทัวร์สนามไวท์ฮาร์ทเลน เหมือนเป็นกิจวัตรประจำปีของที่บ้านเลยก็ว่าได้
เบ็คแฮมเรียนหนังสือไปด้วย พร้อมกับเตะบอลให้ทีมเยาวชนท้องถิ่นชื่อริดจ์เวลล์ โรเวอร์ส จากนั้นในวัย 11 ปี คุณพ่อคุณแม่ส่งเขาไปเข้าคลาสสอนฟุตบอลที่ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ซอคเกอร์สคูล ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนฟุตบอลที่มีตำนานของแมนฯยูไนเต็ด เซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตันเป็นเจ้าของ
1
บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ซอคเกอร์สคูล นอกจากจะสอนเรื่องทักษะฟุตบอลแล้ว จะมีการพาเด็กๆไปทัศนศึกษา โดยในปี 1986 โรงเรียนพาเด็กๆไปดูการฝึกซ้อมที่สโมสรบาร์เซโลน่า ในประเทศสเปน ซึ่งเบ็คแฮมก็ได้ไปด้วย และครั้งนั้นเขามีโอกาสได้ถ่ายภาพกับเทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ เฮดโค้ชของบาร์ซ่าในขณะนั้น รวมถึง 2 สตาร์ สหราชอาณาจักร ทั้งแกรี่ ลินิเกอร์ และ มาร์ก ฮิวจ์ส ที่ตอนนั้นเล่นอยู่กับบาร์เซโลน่าเช่นกัน
1
การลงเล่นฟุตบอลที่ริดจ์เวลล์ โรเวอร์ส และ เรียนที่บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ซอคเกอร์สคูล ทำให้เบ็คแฮมพัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างน่าประทับใจ จนในวัย 12 ปี เบ็คแฮมได้รับข้อเสนอจาก 4 สโมสรใหญ่ในลอนดอน ประกอบด้วย เวสต์แฮม, วิมเบิลดัน, อาร์เซน่อล และสเปอร์ส ให้เข้าไปฝึกซ้อมร่วมกับทีมอะคาเดมี่ ซึ่งถ้าหากมีผลงานน่าประทับใจ ก็จะได้รับสัญญาอย่างเป็นทางการตอนอายุครบ 13 ปี บริบูรณ์
ใน 4 ชอยส์ที่มี ด้วยความที่สเปอร์ส เป็นทีมที่คุณแม่ชอบ เบ็คแฮมจึงตัดสินใจไม่ยาก เขาย้ายไปร่วมฝึกซ้อมกับอะคาเดมี่ของสเปอร์สเป็นเวลา 2 ปี คือ 1987 และ 1988
ในช่วงเวลาที่อยู่กับสเปอร์ส เบ็คแฮมฉายแววความเป็นดาวรุ่งที่โดดเด่น ทักษะการเปิดบอลที่แม่นยำของเขาไม่มีใครเทียบได้ ทำให้ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในแวดวงฟุตบอลเยาวชนของอังกฤษ
1
ต้นปี 1988 มัลคอล์ม ฟิดเจี้ยน แมวมองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในเขตลอนดอน ไปหาครอบครัวเบ็คแฮมที่บ้าน เขาพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ และยื่นข้อเสนอให้เดวิด ไปทดสอบฝีเท้าที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ้าหากเขาทำผลงานตอนทดสอบฝีเท้าได้ดี ก็มีโอกาสที่อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะเซ็นสัญญาเบ็คแฮมเข้าสู่สโมสร
แม้จะกำลังฝึกฟุตบอลกับอะคาเดมี่ของสเปอร์สอยู่ แต่การได้รับโอกาสจากทีมปีศาจแดง ทำให้เบ็คแฮมไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาตอบตกลง และเดินทางจากลอนดอน ไปร่วมทดสอบฝีเท้าที่แมนเชสเตอร์ทันที
ในการทดสอบฝีเท้า เบ็คแฮมตั้งใจมากๆ และทุ่มเทอย่างเต็มที่ในสนาม จนสตาฟฟ์ของแมนฯยูไนเต็ดชื่นชมเป็นอย่างมาก นั่นทำให้พอทดสอบฝีเท้าเสร็จ เบ็คแฮมกลับมาถึงลอนดอน มีสายโทรศัพท์ดังขึ้นที่บ้าน โดยคุณพ่อเท็ดเป็นคนรับ และคนที่โทรมาคืออเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
"พ่อคุยโทรศัพท์อยู่ 2 นาที แล้วพอวางสายเขาทำสีหน้าเหลือเชื่อมากๆ เพราะคนที่โทรมาคืออเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สำหรับแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างพ่อ การได้คุยกับเฟอร์กูสัน ถือว่าฝันเป็นจริงแล้ว" เบ็คแฮมเล่า
2
ในสายโทรศัพท์ เฟอร์กูสันคุยกับคุณพ่อว่า เขาประทับใจในตัวเดวิด และเห็นได้ชัดว่าเป็นนักเตะมีพรสวรรค์ ก่อนจะขอบคุณ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ที่เลี้ยงดูเดวิดมาเป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังบอกต่ออีกว่า เดวิด คือเด็กหนุ่มที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังตามหาอยู่
1
สิ่งที่เบ็คแฮม เห็นจากสีหน้าของคุณพ่อคือความสุขที่ยากจะอธิบาย สำหรับคนที่เป็นแฟนแมนฯยูไนเต็ดตั้งแต่เด็ก การได้เห็นลูกชายของตัวเอง ได้รับข้อเสนอจากทีมที่ตัวเองชอบ ไม่มีอะไรจะแฮปปี้มากกว่านี้อีกแล้ว
ตามกฎหมายที่อังกฤษ ในยุค 1980 เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าสู่ระบบแรงงานเร็วจนเกินไป นักฟุตบอลจะเซ็นสัญญากับสโมสรได้ ต้องมีอายุ 14 ปีขึ้นไป
1
โดยในช่วงอายุ 14 และ 15 ปี จะเป็นสัญญาชื่อ Schoolboy คือสโมสรจะจับนักเตะไปเรียนในโรงเรียนที่เป็นพันธมิตรกับสโมสร หลังเลิกเรียนก็จะไปซ้อมฟุตบอล สัปดาห์ละ 4-5 วัน สโมสรจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่าง แต่ไม่มีเงินเดือน
3
จากนั้นถ้าเด็กคนไหนผ่านเกณฑ์ ก็จะได้เซ็นสัญญาฉบับต่อไป มีชื่อว่า YTS หรือสัญญานักเตะเยาวชน สัญญาฉบับนี้จะมีรายได้แล้ว และเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงว่าดาวรุ่งคนไหนดีพอจะได้รับสัญญาอาชีพ
สัญญา YTS จะถูกเซ็นในช่วงอายุ 16 และ 17 ปี จากนั้นพออายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ถ้านักเตะคนไหนเก่งมากพอ ก็จะได้รับสัญญาอาชีพต่อไป
ซึ่งจุดที่ยากที่สุดคือ จาก YTS มาเป็นสัญญาอาชีพนี่แหละ เพราะนักเตะดาวรุ่งหลายคน ที่เหมือนจะมีแวว แต่ถ้าสรุปแล้วฝีเท้าไม่ถึง สโมสรก็จะหยุดสัญญาไว้แค่ YTS เท่านั้น ไม่เซ็นสัญญาอาชีพ นักเตะส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวตรงนี้ ก็ต้องเปลี่ยนอาชีพไปทำมาหากินอย่างอื่นแทน
สำหรับเดวิด เบ็คแฮม เขารู้ดีว่าสเปอร์สเอง อยากได้เขาไปอยู่ในทีมด้วย เช่นเดียวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ออกตัวชัดเจนว่าอยากได้เช่นกัน ก็น่าจะยื่นข้อเสนอมาเช่นกัน ดังนั้นมันอยู่ที่เขาเองนั่นแหละ ว่าอยากจะย้ายไปเล่นให้ทีมไหน
1
แมนฯยูไนเต็ด ทีมที่พ่อรัก เป็นทีมใหญ่กว่า มีโทรฟี่แชมป์มากกว่า แต่สเปอร์สทีมที่แม่รัก ก็เป็นทีมที่ยอดเยี่ยม แถมใกล้บ้านอีกต่างหาก ชอยส์ทั้งสอง ดีพอๆกัน เขายังตัดสินใจไม่ได้
2
2 พฤษภาคม 1988 เบ็คแฮมอายุครบ 13 ปี ถึงตรงนี้ ทั้งสเปอร์สและแมนฯยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอเข้ามาให้จริงๆ มันได้เวลาแล้วที่เขาต้องตัดสินใจเลือกทีมใดทีมหนึ่ง
ก่อนที่จะต้องเลือกว่าจะเซ็นสัญญากับใคร เบ็คแฮมคิดว่าน่าจะดี ถ้าได้ฟังข้อเสนอของทั้งสองทีมดูก่อน
3
ทีมแรกที่เขาเข้าไปคุยก่อนคือสเปอร์ส ซึ่งเอาจริงๆเบ็คแฮมก็รู้สึกดีกับสเปอร์สมากๆเหมือนกัน เนื่องจากเขาอยู่กับสเปอร์สในทีมระดับอะคาเดมี่มา 2 ปีเต็มๆแล้ว เรียกได้ว่ารู้จักขนบธรรมเนียมของสโมสรเป็นอย่างดี
1
นอกจากนั้นไวท์ฮาร์ทเลน ยังอยู่ห่างจากบ้านของเขาที่ย่านเลย์ตันสโตน แค่ 15 นาทีเท่านั้น เดินทางง่ายมาก แปลว่าเขาไม่ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตอะไรเลย สามารถไปซ้อม แล้วก็กลับมานอนที่บ้านได้ตามปกติ
1
ถ้าเลือกสเปอร์ส มันเป็นชอยส์ที่ปลอดภัยกว่า พ่อแม่ ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง บ้านก็อยู่หลังเดิม เพื่อนฝูงญาติมิตรจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย คือถ้าเปลี่ยนเมือง ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวกันวุ่นวายอีก
3
เมื่อถึงวันนัดหมาย จอห์น มองเคอร์ ซีเนียร์ หัวหน้าศูนย์ฝึกเยาวชนของสเปอร์ส นัดสองพ่อลูกเบ็คแฮม เข้ามาคุยกับเทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ ผู้จัดการทีมของสเปอร์ส
คำแรกที่เวนาเบิ้ลส์พูดขึ้นมาคือ "โอเค จอห์น คุณมีอะไรที่ผมควรรู้เกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนนี้ไหม?"
วินาทีนั้นเบ็คแฮมรู้สึกผิดหวัง ที่เวนาเบิ้ลส์จำเขาไมได้
"ผมยังมีรูปถ่าย ที่ถ่ายกับเวนาเบิ้ลส์, ฮิวจ์ส และลินิเกอร์เก็บไว้ที่บ้านอยู่นะ" เบ็คแฮมกล่าว "แต่โอเค เขาอาจจะจำผมไม่ได้หรอก ตอนที่ผมไปทัศนศึกษาที่บาร์เซโลน่า ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ผมเข้าใจได้ แต่ประเด็นคือ ผมเองเป็นเด็กฝึกในอะคาเดมี่ของสเปอร์สมาก็ 2 ปีแล้ว มันน่าตกใจที่ผู้จัดการทีมไม่รู้ว่าผมคือใคร"
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความผิดหวังที่เวนาเบิ้ลส์จำชื่อเขาไมได้ ข้อเสนอของสเปอร์ส ถือว่า "ดีมากๆ" เพราะทีมไก่เดือยทองยื่นข้อเสนอ 6 ปีเต็ม ให้กับเบ็คแฮม
สัญญา 6 ปี แบ่งเป็น Schoolboy 2 ปี, YTS 2 ปี และ สัญญาอาชีพ 2 ปี คือด้วยสัญญานี้ แปลว่าเบ็คแฮมไม่ต้องกังวลอีกเลย เขาได้เข้าสู่ระบบลีก กลายเป็นนักบอลอาชีพแน่
1
สัญญา Schoolboy จะเริ่มต้นตั้งแต่เบ็คแฮมอายุครบ 14 ปี จากนั้นสัญญา YTS จะเริ่มตอนอายุ 16 ปี และสัญญาอาชีพจะเริ่มต้นตอนอายุ 18 ปี
"ความคิดที่ไหลผ่านสมองของผมคือ ถ้าผมเซ็นกับสเปอร์ส พออายุ 18 บางทีผมอาจได้ขับรถปอร์เช่เลยก็ได้" เบ็คแฮมกล่าว
คุณพ่อของเบ็คแฮม อยากให้ลูกชายเซ็นกับแมนฯยูไนเต็ดมากกว่า แต่ในห้องทำงานของเวนาเบิ้ลส์ตอนนั้น เขาไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เขาปล่อยให้ลูกชายเลือกเอง ถ้าลูกอยากอยู่กับสเปอร์ส ก็คือสเปอร์ส เขาก็จะยอมรับโดยดี
"ผมขอเวลาคิดดูก่อนนะ คุณเวนาเบิ้ลส์" เดวิด เบ็คแฮมให้คำตอบ คือเขาก็โอเคกับข้อเสนอของสเปอร์ส แต่ก็ยังอยากฟังข้อเสนอของแมนฯยูไนเต็ดด้วย
"ผมคิดว่าแม่อยากให้ผมย้ายไปอยู่สเปอร์ส จากหลายๆเหตุผล เช่นคุณตาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของสเปอร์ส และผมยังได้อยู่ในลอนดอนต่อ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ก็เก็บความรู้สึกเงียบไว้ เธอไม่สนับสนุนหรือคัดค้านใดๆเลย แต่ปล่อยให้ผมคิดเองคนเดียว"
1
เป็นเรื่องที่แปลกดี เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ของเบ็คแฮมทำบางอย่างคล้ายๆกัน คุณพ่ออยากให้ลูกไปอยู่แมนฯยูไนเต็ด แต่ไม่เคยเชียร์แมนฯยู และไม่ดิสเครดิตสเปอร์ส เช่นเดียวกับคุณแม่ ที่อยากให้ลูกไปอยู่สเปอร์ส แต่ก็ไม่เคยเชียร์สเปอร์ส และไม่ดิสเครดิตแมนฯยูไนเต็ด ต่อหน้าลูก
1
ทั้ง 2 คน ไม่อยากทำตัวชี้นำใดๆ ทุกอย่างลูกต้องเลือกด้วยตัวเอง และถ้าบทสรุปออกมาแบบไหน ทั้งคู่ก็จะยอมรับมัน
1
เดวิด เบ็คแฮมพอใจกับข้อเสนอของสเปอร์สมาก อย่างไรก็ตามเขามีนัดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 9 พฤษภาคม 1988 โดยในวันนั้นทีมปีศาจแดงจะเปิดโอลด์แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของวิมเบิลดัน ซึ่งเป็นเกมนัดสุดท้ายในฤดูกาลพอดี ซึ่งอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้เชิญครอบครัวเบ็คแฮมมาชมเกม พร้อมทั้งจะคุยเรื่องรายละเอียดสัญญาด้วย
เท็ด ซานดร้า และเดวิด ขับรถจากลอนดอน ขึ้นไปที่แมนเชสเตอร์ ซึ่งระหว่างทางเดวิดก็ยอมรับว่า ข้อเสนอของสเปอร์สนั้นน่าสนใจมากจริงๆ เพราะมันการันตีความมั่นคงให้เขาได้เลย ว่ายังไงก็จะได้สัญญาอาชีพแน่ๆ
สำหรับแมนฯยูไนเต็ดนั้น เป็นที่รู้กันว่าพวกเขาจะไม่ยื่นสัญญาล่วงหน้า กล่าวคือสโมสรจะยื่นข้อเสนอแค่ถึง YTS เท่านั้น ถ้านักเตะเยาวชนคนไหนอยากได้สัญญาอาชีพต่อจากนั้นก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอจริงๆ
"ผมกับพ่อเราเห็นตรงกันว่า ตัวเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด แต่สิ่งที่เราต้องการจริงๆคือ ความมั่นคงในอาชีพ ดังนั้นถ้าหากแมนฯยูไนเต็ด ยื่นสัญญาแค่ YTS เราอาจต้องปฏิเสธและกลับไปลอนดอน เพื่อเซ็นกับสเปอร์สแทน"
ครอบครัวเบ็คแฮมมาถึงโอลด์แทรฟฟอร์ดช่วงเที่ยง และคนที่รอต้อนรับอยู่คืออเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
"สวัสดี เดวิด" เฟอร์กูสันทักก่อน พร้อมทั้งทักทายเท็ด และซานดร้าอย่างเป็นกันเอง ซึ่งนั่นทำให้เบ็คแฮมเซอร์ไพรส์มาก ที่เฟอร์กูสันรู้จักเขา สามารถจำหน้า จำชื่อเด็กวัย 13 ขวบอย่างเขาได้ด้วย
ไม่ใช่แค่จำชื่อได้ แต่เฟอร์กูสันเตรียมเค้กวันเกิดย้อนหลังให้เบ็คแฮมอีกด้วย เฟอร์กูสันจำได้ดีว่า เบ็คส์เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา นอกจากนั้นเฟอร์กูสันยังมอบเน็คไทสีแดง ซึ่งเป็นสีของสโมสร เป็นของขวัญวันเกิดให้เบ็คแฮมอีกต่างหาก
หลังจากนั้น เฟอร์กูสันพาทั้งครอบครัว ไปนั่งทานอาหารเที่ยง ในห้องเดียวกับผู้เล่นทีมชุดใหญ่ นั่นทำให้เบ็คแฮมมีโอกาสได้เห็นนักเตะดังๆ ทั้งไบรอัน ร็อบสัน, สตีฟ บรูซ, นอร์แมน ไวท์ไซด์ และ กอร์ดอน สตรัคคั่นอย่างใกล้ชิด
เบ็คแฮมประทับใจมากในการเอาใจใส่ของเฟอร์กูสัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขายังต้องรอฟังเงื่อนไขสัญญาอยู่ดี
หลังจากเทกแคร์ครอบครัวเบ็คแฮมอย่างเต็มที่ เฟอร์กูสันขอตัวไปคุมทีมในนัดสุดท้ายของฤดูกาล โดยเกมนี้แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะวิมเบิลดันได้สำเร็จด้วยสกอร์ 2-1 ไบรอัน แม็คแคลร์ ทำคนเดียวทั้ง 2 ประตู
เวลา 17.30 น. เมื่อเกมการแข่งขันจบแล้ว ครอบครัวเบ็คแฮมถูกเชิญมาที่ออฟฟิศของเฟอร์กูสัน ภายในห้อง มีเลส เคอร์ชอว์ ผู้อำนวยการทีมเยาวชน และมัลคอล์ม ฟิดเจี้ยน นั่งอยู่ด้วย ซึ่งเฟอร์กูสันไม่รอช้า เขายื่นข้อเสนอให้ทันที
"เราจะมอบสัญญาให้คุณ 2-2-2" เฟอร์กูสันกล่าว ความหมายของเขาคือสัญญา 6 ปีเท่ากับที่สเปอร์สยื่นให้เบ็คแฮม
นี่ไม่ใช่เรื่องปกตินักที่แมนฯยูไนเต็ดจะเซ็นใคร 6 ปี แต่เดวิด เบ็คแฮมคือกรณีพิเศษ เด็กคนนี้มีพรสวรรค์จริงๆ และถ้าข้อเสนอไม่ดีระดับนี้ คงจะมัดใจเบ็คแฮมได้ยาก
1
ยิ่งไปกว่านั้น แมนฯยูไนเต็ดยังให้สิทธิพิเศษกับเบ็คแฮมอีกหนึ่งอย่างด้วย นั่นคือ ในสัญญา 2 ปี แรก ที่ต้องเซ็นแบบ schoolboy ตามปกติถ้าเป็นนักบอลคนอื่น ต้องมาเข้าเรียนที่โรงเรียนพันธมิตรในเมืองแมนเชสเตอร์ แต่กับเบ็คแฮมเป็นข้อยกเว้น เขาสามารถอยู่ในลอนดอนได้จนถึงอายุ 16 ปี โดยลงเล่นกับทีมริดจ์เวลล์ โรเวอร์สต่อไปได้ เพราะเฟอร์กูสันคิดว่า การให้เด็กวัย 14 ปี ต้องย้ายมาอยู่ต่างเมือง มันอาจเร็วเกินไปหน่อย
1
การให้อยู่ในลอนดอนต่อ แปลว่าในช่วงเวลา 2-3 ปี ก่อนจะถึงอายุ 16 เบ็คแฮมจะได้มีเวลาเตรียมตัว เตรียมความพร้อม กับการย้ายมาอยู่แมนเชสเตอร์ คือเฟอร์กูสันเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ซานดร้าเป็นอย่างดี ที่ไม่อยากให้ลูกออกจากบ้านเร็วเกินไปนัก
สโมสรจะเซ็นสัญญาล่วงหน้าเอาไว้ก่อน เป็นการจองตัวเอาไว้ และจากนั้นเมื่ออายุครบ 16 ปีบริบูรณ์ ตอนเริ่มเป็นเด็กฝึก YTS เบ็คแฮมค่อยย้ายมาแมนเชสเตอร์ โดยระหว่างนั้น เบ็คแฮมแค่แวะมาพูดคุย และรายงานตัวกับผู้อำนวยการทีมเยาวชนของสโมสรปีละ 3 ครั้งก็พอ
นี่เป็นข้อเสนอที่ใจดีที่สุด เท่าที่แมนฯยูไนเต็ดจะให้ได้แล้ว ข้อเสนอระยะยาว แถมไม่รีบเร่งให้นักเตะต้องย้ายออกจากลอนดอนอีกต่างหาก
เมื่อได้ยินข้อเสนอครบทั้งหมด เดวิด หันขวับมาหาคุณพ่อทันที ซึ่งตอนนี้ เท็ด ล่องลอยเหมือนอยู่อีกโลกไปแล้ว เขาเองก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าแมนฯยูไนเต็ดจะยื่นข้อเสนอ 6 ปีให้
เบ็คแฮมหักลบเหตุผลอย่างรวดเร็ว แมนฯยูไนเต็ด กับสเปอร์ส ให้ข้อเสนอ 6 ปีเท่ากัน เรื่องความมั่นคงก็เสมอกันแล้ว ทีนี้เหลือแค่เรื่องความรู้สึกว่าเขาอยากอยู่ที่ไหนมากกว่ากัน และสุดท้ายผลแพ้ชนะ ตัดสินกันที่รายละเอียด
"ขณะที่เวนาเบิ้ลส์จำชื่อผมไม่ได้ แต่อเล็กซ์ เฟอร์กูสันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผม เขารู้จักเด็กๆทุกคนในทีม รู้จักพ่อแม่พี่น้องของนักบอลทุกคน ซึ่งผมคิดว่ามันสำคัญกับผมนะ มันทำให้เราเห็นอนาคตของตัวเองที่นี่ เรารู้สึกได้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวยูไนเต็ด" เบ็คแฮมกล่าว
สเปอร์สเป็นทีมที่ดี แต่ถ้าเลือกได้ทีมเดียว เขาขอเลือกทีมที่ดูสนใจเขาจริงๆดีกว่า
เบ็คแฮมไม่เสียเวลาคิดนาน เขาตอบกลับทันทีว่า "ผมอยากจะเซ็นสัญญา" ซึ่งเฟอร์กูสันเตรียมปากกาให้พร้อมอยู่แล้ว
2
หลังเบ็คแฮมเซ็น เฟอร์กูสันเรียกกัปตันทีมไบรอัน ร็อบสันเข้ามา แล้วแนะนำเบ็คแฮมให้ร็อบสันรู้จัก โดยบอกว่า นี่คือนักเตะคนใหม่ล่าสุดที่จะมาอยู่กับเราในอนาคต
ร็อบสันกล่าวว่า "ยินดีด้วย เดวิด อีกสักพักนายจะรู้เองว่าสโมสรแห่งนี้สุดยอดแค่ไหน แต่ฉันบอกนายได้เลยว่า นายไม่มีทางจะได้เจอสโมสรที่ดีกว่านี้หรอก"
เมื่อเบ็คแฮมเลือกแมนฯยูไนเต็ด แทนที่จะเป็นสเปอร์ส แน่นอนว่า คุณแม่ซานดร้าก็อดใจหายไม่ได้ เพราะมันแปลว่า ถึงจุดหนึ่งลูกชายของเธอ ก็ต้องออกจากอ้อมอก ไปเริ่มต้นชีวิตที่เมืองอื่น
1
"คุณแม่แอบร้องไห้อยู่นานเหมือนกัน แต่ผมรู้ว่าลึกๆแล้ว เธอก็ภูมิใจในตัวผมนั่นแหละ"
ขณะที่คุณพ่อเท็ด การเลือกของลูกชายครั้งนี้ เหมือนตัวเองถึงฝั่งฝันเลยทีเดียว แค่คิดว่าลูกชายตัวเอง ได้ลงเล่นในทีมที่ตัวเองเชียร์ ก็มีความสุขจนยากจะอธิบายแล้ว
 
หลังจากเบ็คแฮมเซ็นสัญญากับแมนฯยูไนเต็ดเรียบร้อย เขาอยู่ในลอนดอนอีก 3 ปี จากนั้นพอถึงเดือนพฤษภาคม 1991 ตอนที่เขาอายุครบ 16 ปี เบ็คแฮมก็ย้ายมาอยู่แมนเชสเตอร์ ในสัญญา YTS โดยสโมสรส่งเขาไปอยู่อาศัยกับโฮสต์แฟมิลี่ เพื่อจะได้มีคนคอยดูแล ไม่ให้เบ็คแฮมออกนอกลู่นอกทาง
ขณะที่ในทีมเยาวชน เขามีโอกาสรู้จักกับเพื่อนใหม่ 4 คน ที่เซ็นสัญญา YTS กับแมนฯยูไนเต็ด ในปีนี้เช่นกัน ได้แก่ พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ และพี่น้องตระกูลเนวิลล์
ทั้ง 4 คนรวมเบ็คแฮม พวกเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีความทะเยอทะยานจะได้ก้าวไปเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของแมนฯยูไนเต็ดเหมือนกัน
และตำนานความยิ่งใหญ่ของนักฟุตบอลหนุ่มจากลอนดอน ที่ชื่อเดวิด เบ็คแฮม กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เริ่มต้นขึ้นนับจากจุดนี้เป็นต้นไป
#Beckham
โฆษณา