ทำไมครูในโรงเรียนถึงสอนเด็กแบบติวเตอร์กวดวิชาไม่ได้ ❓😓
คำถามนี้ถูกถามกันบ่อย ๆ ในหมู่ผู้ปกครองนักเรียนที่สงสัยว่าเหตุใด
ระบบการศึกษาไทยจึงสอนแบบติวเตอร์โรงเรียนกวดวิชาไม่ได้...🤔
..
โดยส่วนตัว ผมไม่ใช่คนเรียนเก่ง หัวไม่ดี ความจำไม่เลิศ วิเคราะห์ไม่เก่ง
อาศัยมีความพยายาม เมื่อกายภาพทางสมองไม่ได้ ก็เอาความขยันไปทดแทน ถึงรอดปากเหยี่ยว ปากกามาได้...
สมัยผมเด็ก ๆ ผมเรียนพิเศษหรือกวดวิชาน้อยมาก เพราะที่บ้านไม่มีตังค์เสียเงินให้เรียนเท่าไหร่ จำได้ว่าเคยเรียนพิเศษแบบเป็นClassแค่ 2 ครั้ง(หมายถึง 2 คอร์ส)แล้วก็ได้เรียนติวแบบตัวต่อตัววิชาคณิตศาสตร์อีก 1 เทอมแค่นั้น
ทัศนคติส่วนตัวก็ไม่ใช่คนชอบเรียนพิเศษเพราะคิดว่าเสียดายเวลาเล่น ลำพังทำการบ้านก็กินเวลาเล่นไปเยอะแล้ว555😂😂
..
พักเรื่องส่วนตัว เรากลับมาว่ากันต่อเรื่องที่จั่วหัวไว้ว่า ทำไมครูในโรงเรียนถึงสอนแบบติวเตอร์กวดวิชาไม่ได้...?
จากการสอบถามพูดคุยกับเพื่อนและรุ่นพี่ที่รู้จักกัน ซึ่งมีหลายคนที่มีอาชีพเป็นติวเตอร์ทั้งติวเตอร์หน้าราม ติวเตอร์สถาบันกวดวิชา และครูสอนพิเศษตามบ้าน
รวมทั้งได้สอบถามญาติ พี่น้อง คนรู้จักที่เป็นครูอาชีพในโรงเรียนมากว่า 30 ปี
ผมพอจะสรุปคำตอบของคำถามข้างต้นได้ว่า...
สาเหตุที่ครูในโรงเรียนสอนเด็กแบบติวเตอร์ไม่ได้เป็นเพราะ...
☝️ค่าตอบแทน
ใช่ครับ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แรงจูงใจในการสอนที่ทำให้ติวเตอร์ทุ่มเทการสอนได้มากกว่าครูในโรงเรียนคือ
ค่าตอบแทนที่ถึงพริก ถึงขิงมากกว่า
ค่าตอบแทนครูในโรงเรียนถูกเหมาจ่ายเป็นเงินเดือน แต่ติวเตอร์มักคิดค่าตอบแทนเป็นรายชั่วโมง ติวเตอร์สายวิทยาศาสตร์มีค่าตอบแทนการสอนต่อสัปดาห์เท่ากับเงินเดือนครูที่สอนในโรงเรียนทั้งเดือน
✌️ติวเตอร์สอนเพื่อสอบ
เราก็คงทราบกันดีว่า การที่พ่อแม่ผู้ปกครองส่งลูกไปเรียนพิเศษคือพ่อแม่ต้องการให้ลูกมีผลการเรียนที่ดี
ซึ่งการจะมีผลการเรียนที่ดีได้ เด็กคนนั้นก็ต้องมีผลการสอบที่ดี
ดังนั้นวัตถุประสงค์หลักของสถาบันกวดวิชาก็คือ การทำให้เด็กสอบได้ สอบออกมาคะแนนดี ๆ หรือสอบเข้าเรียนต่อในที่ต่าง ๆ ได้
ซึ่งตรงนี้คือจุดต่างกับครูในโรงเรียนที่สอนเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ การสอนของครูในโรงเรียนมีสิ่งที่เรียกว่า ตัวชี้วัดหรือ KPI เยอะแยะมากมาย ต่างกับติวเตอร์ที่วัดผลจากผลการสอบของเด็กนักเรียนในclassเพียงอย่างเดียว
☝️✌️ครูถูกหลักสูตรครอบไว้
ครูในโรงเรียน ถูกบังคับให้สอนตามหลักสูตรจากส่วนกลาง การประยุกต์หรือพลิกแพลงทำได้น้อยมาก เพราะมันคือนโยบาย......จบนะ 😓
ด้วยความที่หลักสูตรเองไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ความรู้ ที่รวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้แทนที่หลักสูตรจะเป็นตัวผลักดันครูและเด็ก กลับกลายเป็นตัวฉุดรั้งระบบการเรียนรู้ในโรงเรียนแทน
✌️✌️สถาบันกวดวิชาคัดครูที่เก่ง ๆเท่านั้น
อาชีพติวเตอร์ไม่ใช่ใครจะมาเป็นก็ได้
คนที่จะมาเป็นติวเตอร์ได้ ต้องเป็นหัวกะทิระดับแถวหน้าในสาขาวิชานั้น ๆ
นอกจากติวเตอร์เองจะต้องเป็นคนเรียนเก่งมาก่อนแล้ว ยังต้องเป็นคนเรียนเก่งที่สอนคนอื่นเป็น มีทักษะที่พร้อมจะเป็นนักถ่ายทอดที่ดีอีกด้วย
ส่วนครูในโรงเรียนคงไม่ต้องพูดถึง ถามว่าครูเก่ง ๆ มีไหม ตอบว่า มี แต่ไม่มาก และครูเก่ง ๆ ก็ไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควรทุกคน เพราะอย่างที่รู้ ๆ กัน การเติบโตในโรงเรียนก็เป็นการเติบโตในระบบราชการอย่างหนึ่ง บอกแค่นี้คงพอเข้าใจ..😓
✌️✌️☝️เด็กที่มากวดวิชาส่วนมากคือเด็กที่เก่งอยู่แล้ว
เราต้องยอมรับว่า เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ที่มาเรียนกวดวิชาก็คือเด็กที่สนใจการเรียน เรียกว่าเป็นเด็กเรียนเก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
การมาเรียนกวดวิชาคือการมาเสาะหาเทคนิคการสอบ การมาทบทวนวิชาความรู้รูปแบบหนึ่งเท่านั้น
เพราะฉะนั้น การที่เด็กส่วนใหญ่ในโรงเรียนกวดวิชาเป็นเด็กที่มีพื้นฐานความรู้ใกล้เคียงกันอยู่แล้ว ติวเตอร์ผู้สอนก็สามารถใช้เทคนิคการสอนแบบเดียวกันได้กับเด็กทุกคน แทบจะทั้ง Class
ตรงนี้ต่างกับครูในโรงเรียนที่ต้องใช้วิธีการสอนแบบเฉลี่ยระดับพื้นความรู้ของเด็ก เพราะในชั้นเรียนจริง ๆ เด็กจะมีความหลากหลายของระดับความรู้ การที่ครูจะทิ้งเด็กเรียนอ่อนไปสอนแต่เด็กเก่ง ก็คงไม่ได้
อันนี้เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจครูมากครับ
...
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากอีกหลาย ๆ เหตุผลที่ทำให้ครูในโรงเรียนไม่อาจสอนแบบติวเตอร์กวดวิชาได้
..
ระบบการศึกษาแบบแพ้คัดออก
เน้นการสอบมากกว่าการเรียนรู้
คือต้นตอของปัญหาการศึกษาที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่ถ่างออกไปเรื่อย ๆ
ผมเคยเขียนบทความไว้บทความหนึ่งตอนเริ่มเขียนที่นี่ใหม่ ๆ ว่า..
ถ้าระบบการศึกษาไทยยังเป็นแบบนี้จากที่ในอดีต พ่อแม่แย่งกันส่งลูกไปเรียนโรงเรียนประจำอำเภอ
ต่อมาก็แย่งกันเข้าโรงเรียนประจำจังหวัด
ต่อมาก็แย่งกันเข้าโรงเรียนในหัวเมืองใหญ่ หรือในกรุงเทพ
จนต่อมาก็ต้องไปเรียนโรงเรียนนานาชาติ คลาสอินเตอร์
และปัจจุบันก็ต้องส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ เท่านั้น
อีกไม่นาน หากคุณอีลอน มัสก์
ไปเปิดโรงเรียนบนดวงจันทร์......
ผู้ปกครองชาวประเทศไทยก็คงแย่งกันส่งลูกไปเรียนบนดวงจันทร์กันอย่างแน่นอน......... ก ร ร ม 😓
วันนี้ 16 มกราคม เป็นวันครู..
ขอกราบรำลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ทุกท่านที่อบรม สั่งสอนผมมาตั้งแต่เล็กจนโต จนเดี๋ยวนี้ก็ยังมีครูที่คอยให้คำแนะนำดูแลอยู่เสมอ..
..🙏..
ขอบคุณนักอ่านที่รักทุกท่าน
ติดตามอ่านบทความได้ที่
htyps://www.blockdit.com/n.sp
ขอบคุณภาพจากunsplash
- 53
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
