29 ธ.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ผีไม่เผา_เงาไม่เหยียบ ]
ช่วงฤดูร้อนปี 2009 ซลาตัน อิบราฮิโมวิช รู้สึกว่าเริ่มอิ่มตัวกับอินเตอร์ มิลาน ไม่มีอะไรน่าท้าทายมากนัก หลังคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรียอามา 3 สมัยรวด
นอกจากนี้ยังผงาดแข้งยอดเยี่ยมเซเรีย อาสองปีติดต่อกัน จึงอยากจะไปแสวงหาสิ่งแปลกใหม่บ้าง จึงตัดสินใจเดินไปหา มัสซิโม โมรัตติ ประธานสโมสรเพื่อบอกเจตนา
จริงๆเรื่องนี้เคยปรึกษา โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซืองูใหญ่ไว้บ้างแล้ว สำหรับเจ้านายที่เข้าใจนิสัยลูกน้องคนนี้ ย่อมไม่ไปขัดขวางให้ขัดใจกันหรอก แต่ปล่อยให้ไปเคลียร์กับบิ๊กบอสแทน
อิบรา จึงแจกแจงอย่างละเอียดว่า มีความสุขดีกับอินเตอร์ มิลาน ความคิดอยากย้ายไปที่อื่นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ต่อให้ทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็นแมนฯยูไนเต็ด , เชลซีหรืออาร์เซน่อลแสดงความสนใจก็ไม่ไป
แต่หากมีข้อเสนอของบาร์เซโลน่า ขอให้ทาง โมรัตติ กดปุ่มไฟเขียวให้ผ่านแบบสะดวกด้วย
หรืออย่างน้อยที่สุดอย่าเพิ่งบอกผ่านปัดไปแบบไม่มีเยื่อใย กรุณานำมาคิดทบทวนด้วย
ไม่รู้ว่าตอนนั้น โมรัตติ คิดอย่างไรอยู่ แต่ตอบตกลง ราวกับเชื่อมั่นว่าไม่มีข้อเสนอจากบาร์ซ่ามาหาแน่นอน
แต่ในความรู้สึก อิบรา ช่วงดังกล่าว ไม่แคร์หรอกว่าจะต้องเป็นบาร์ซ่า หากเรอัล มาดริดอีกยักษ์ใหญ่ลาลีกาทาบทามมาก็อยากไปอยู่แล้ว
กระนั้นอย่างที่เรารู้กันราชันชุดขาวเพิ่งถอยซูเปอร์สตาร์ราคาหลายสิบล้านอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ กาก้า มาสู่ทีม ค่าตัวรวมกันกว่า 130 ล้านปอนด์ ไม่มีทางเลยที่จะกล้าใช้เงินก้อนใหญ่อีก
ฉะนั้นชอยส์จึงบีบเหลือแค่บาร์เซโลน่า ไม่มีทางเป็นอื่นได้เลย
เดดไลน์ตลาดซื้อขายในซัมเมอร์ขยับใกล้มาเรื่อยๆ แต่ยังไม่มีวี่แววว่าบาร์ซ่าจะยื่นข้อเสนอมายังอินเตอร์ แม้จะประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่ามาดริดอริตัวฉกาจเสริมทัพได้อย่างน่าเกรงขามก็ตาม
หลังจากนั้นอินเตอร์ยกพลไปเก็บตัวและลับแข้งปรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกา มีอยู่เกมหนึ่งในระหว่างพักครึ่ง แม็กซ์เวลล์ แบ็กชาวบราซิเลี่ยน ได้ถือโอกาสบอกรายละเอียดและร่ำลาเพื่อนฝูงล่วงหน้า เพราะเตรียมย้ายไปบาร์เซโลน่าแล้ว
1
พอทุกคนได้ยินก็ปรบมือหรือไม่ก็อวยชัยให้พรกันตามธรรมเนียม แต่เสียงของ อิบรา ดังก้องจนทำให้ทุกคนเงียบกริบ
"ฉันจะไปกับแกด้วยเว้ย" จากเงียบในวินาทีแรก ก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะคิกคักแทน เพราะเชื่อว่าจะเป็นการอำหรือปล่อยมุกมากกว่า กิตติศัพท์ของดาวเตะสวีดิชก็อย่างที่รู้กันอยู่
1
นอกจากนี้หากมีดีลเกิดขึ้นจริง เชื่อกันว่าบาร์ซ่าต้องจ่ายค่าตัวมหาศาล โอกาสจึงริบหรี่เหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม อิบรา ไหว้วานกราบกรานให้ มิโน ไรโอล่า เอเยนต์ส่วนตัวเข้าเกียร์ห้าเดินเรื่องอย่างเต็มที่ เพื่อจุดประกายความหวังให้บ้าง
ไรโอล่า คือหนึ่งในผู้มีพระคุณของ อิบรา หลังฉุดกระชากลากจูงกันมา จนได้ดิบได้ดีกลายเป็นกองหน้ากระฉ่อนโลก
อีกทั้งยังเป็นคนเปลี่ยนชีวิตอีกด้วย จากนักเตะที่แทบไม่มีใครเอาแล้ว เพราะพฤติกรรมนอกสนามย่ำแย่ เป็นพวกดื้อดึงไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ ทีมไหนได้ไปจะลำบาก ต้องคอยตามแก้ปัญหา
แต่ ไรโอล่า ไม่คิดอย่างนั้น เขาเกลี้ยกล่อมเคี่ยวเข็ญ ใช้วิธีเอาน้ำเย็นเข้าลูบ รวมถึงเอาไม้แข็งหวดหนัก
และประโยคที่พูดอยู่เสมอเมื่อ อิบรา ฉายแสงกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมคือ -- "ถ้าแกเป็นมืออาชีพ ฉันนี่แหล่ะจะพาแกไปอยู่ยังทีมใหญ่ๆ มีรายได้ที่งดงามเอง"
แล้ว ไรโอล่า ก็ทำอย่างที่สัญญาเอาไว้ นั่นคือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการย้ายไปยูเวนตุสในปี 2004 ตามด้วยอินเตอร์ มิลานในอีก 2 ปีถัดมา หลังจากไอ้ม้าลายเผชิญวิบากกรรมเจอลงโทษครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ลงไปเล่นในลีกล่าง เพราะเกี่ยวข้องกับการพนัน
ดังนั้น อิบรา จึงมั่นใจว่า ไรโอล่า น่าจะช่วยให้สมหวังได้ เลยโทรหาเกือบทุกวันเป็นการกระตุ้น
ไม่นานนักเริ่มมีข่าวว่าบาร์ซ่าสนใจ อิบรา บ้างแล้ว ข่าวตามออนไลน์หรือหนังสือพิมพ์เริ่มถี่ขึ้น เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นการทำงานฉากหลังของพวกเอเยนต์หรือเปล่า
1
อย่างที่เรารู้กันเอเยนต์บางคนที่มีความสัมพันธ์กับสื่อ มักจะใช้เป็นเครื่องมือจุดกระแส หากต้องการให้ผู้เล่นในความดูแลย้ายทีม แค่ลงข่าวนิดหน่อยก็ได้ผลแล้ว
1
แต่ อิบรา ตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อได้ทราบข้อมูลจาก โมรัตติ ว่าทางฝั่งบาร์เซโลน่าเล็งไว้จริงไม่ใช่เป็นการปั่นกระแส อีกทั้งทาง โจน ลาปอร์ต้า ประธานใหญ่ก็ติดต่อมายังอินเตอร์ด้วย
2
พอรู้เช่นนี้จึงถามไปทาง โมรัตติ เพราะควรทำตามที่เคยพูดกันไว้จะมาบิดเบือนไม่ได้
เมื่อได้รับคำตอบว่าพร้อมจะขายตามสัญญา แต่ราคาจะต้องเหมาะสม ไม่ใช่ว่ายื่นมาไม่สมเหตุผล อย่างนี้จะขายได้อย่างไรกัน
บาร์ซ่าเองไม่ต้องการจ่ายค่าตัวโหด เพราะมีข่าวว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แจ้งกับทางสโมสรไปแล้วไม่จำเป็นต้องดึงกองหน้ามาอีก ในเมื่อมี ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งก้าวขึ้นสู่เวิล์ดคลาสเป็นศูนย์กลางแล้ว
แต่มันเป็นเจตจำนงของ ลาปอร์ต้า ที่หวังจะแสดงแสนยานุภาพให้ทาบกับมาดริดนั่นแหล่ะ รวมถึงรักษาฐานเสียงที่มั่นของตนด้วย
สุดท้ายเลยต้องใช้ทางออกยื่นเงิน 46 ล้านยูโร บวกกับส่ง ซามูแอล เอโต้ มาแถมอีกราย ซ้ำยังจะให้ยืม อเล็กซานเดอร์ คเล็บ แบบฟรีๆด้วย เรียกว่ารวมทุกอย่างแล้วจะตกประมาณ 66 ล้านยูโร
1
โมรัตติ อิดออดนิดหน่อย แต่ก็ตอบรับเรียบร้อย เพียงแต่ไม่เอาดีล คเล็บ มาเกี่ยวข้องด้วย
อิบรา เซ็นสัญญายาวกับบาร์ซ่า 5 ปีเต็ม มีค่าฉีก 250 ล้านยูโร ในวันเปิดตัวที่คัมป์นู มีแฟนบอลเข้ามามากกว่า 60,000 คน มันช่างน่าปลาบปลื้มยิ่งนัก
บรรยากาศเช่นนี้เขาคงไม่คิดหรอกว่าความเลวร้ายกำลังจะตามมาหลอกหลอน
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เปิดใจว่า 6 เดือนแรกที่บาร์เซโลน่าราบรื่นชื่นมื่นดีอยู่ กดไปทั้งสิ้น 7 ประตู จาก 7 เกมแรกในลาลีกา
1
อย่างไรก็ตาม อิบรา เล่าในหนังสืออัตชีวประวัติของตนไว้ว่า วันหนึ่งระหว่างนั่งบนรถโค้ชของทีม ลิโอเนล เมสซี่ ได้ส่งข้อความถึง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในทำนองว่ารู้สึกไม่ใช่คนสำคัญอีกต่อไป
หลังจากนั้นรูปแบบการเล่น แท็คติกต่างๆของบาร์ซ่าก็เปลี่ยนแปลง มีการปรับให้ เมสซี่ มาเป็นศูนย์กลางแนวรุก สร้างความไม่พอใจให้ อิบรา มากๆ
ซ้ำร้ายเขาต้องหลุดไปนั่งสำรอง พยายามจะขอคำอธิบายจาก เป๊ป ก็มีแต่ความว่างเปล่า บางครั้งบอสก็เดินหนี ไม่ยอมสบตาด้วย
"ผมเดินเข้าห้องแต่งตัว เขาก็จะเดินออก ถ้าผมตั้งใจจะไปหาเขา ดูเหมือนจะหายไปที่ไหนสักแห่ง หายังไงก็ไม่เจอ"
"เขาเป็นพวกขี้ขลาดและนักเตะบาร์ซ่าล้วนเป็นเหมือนเด็กในห้องเรียน เวลา เป๊ป พูดอะไรก็จะนั่งฟังสงบปากเป็นระเบียบเรียบร้อย"
"เขามาแก้ปัญหาด้วยการดร็อปผม จริงๆผมคิดว่าตัวเองโดนตัดสินตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะ"
"คุณซื้อผมมาก็เหมือนซื้อเฟอร์รารี่ ต้องเติมน้ำมันพรีเมียมอย่างดี แล้วไปขับบนมอเตอร์เวย์ แต่นี่คุณเติมดีเซล แล้วขับช้าเป็นเต่าอยู่บนทางลูกรังชนบท"
2
บางส่วนที่ อิบรา เคยระบายเอาไว้ทั้งในการสัมภาษณ์และเนื้อหาที่อยู่ในหนังสือ บ่งบอกถึงความเคียดแค้นมากๆที่ต้องมามีมนทินในลักษณะนี้
เพราะปัจจุบันในวัย 39 ปี อิบรา ยังโลดแล่นอยู่บนจุดพีก ซัดไปแล้ว 11 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์จาก 10 ทุกรายการที่ลงให้เอซี มิลาน จนมีส่วนพาทีมลุ้นแชมป์เซเรีย อาอีกครั้งในรอบ 10 ปี
2
ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางลืมความทรงจำอันน่าเจ็บปวดกับบาร์เซโลน่าเลย
แต่มันก็เป็น อิบรา เองไม่ใช่หรือที่เลือกทางเดินเอง
.ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา