30 ธ.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิม ]
6 วันหลังจากพาเรอัล มาดริดครองยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในปี 2018 ซึ่งเป็นการผงาดเจ้ายุโรปสมัยที่ 3 ติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่
ซีเนดีน ซีดาน ทำเรื่องช็อกแฟนราชันชุดขาว ราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ด้วยการตัดสินใจลาออกจากกุนซือ ทั้งที่แทบไม่เคยมีสัญญาณอะไรเตือนมาก่อนเลย
3
ตอนนั่งแถลงข่าวสีหน้า ซีดาน เรียบเฉยเหมือนเคย ยากนักที่จะเดาความรู้สึกว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ ไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง นอกจาก ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร
ในเมื่อสถานการณ์ดูราบรื่นชื่นมื่นดีมากๆ เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงแบบปุบปับคืออะไรกันแน่
นอกจากมาดริดจะต้องเร่งหากุนซือมาทำหน้าที่แทนแบบเร่งด่วน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งตัวไม่ทัน ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนหรอก ได้แชมป์ยุโรป 3 สมัยไร้เทียมทานอย่างนี้
มาดริดต้องย่องทาบทาม จูเลน โลเปเตกี นายใหญ่ทีมชาติสเปนมาทำหน้าที่แทน แต่เดินหมากพลาดไปเปิดตัวกันก่อนฟุตบอลโลก 2018 จะเปิดฉากขึ้น
สหพันธ์ฟุตบอลสเปนเดือดสุดขีด โดนหยามหน้ากันอย่างนี้ ยังไงก็ปล่อยไว้ไม่ได้ จัดการลงดาบสถานหนักฟันพ้นจากตำแหน่งแบบมีผลทันที ไม่ต้องรอให้ทำหน้าหน้าที่จบทัวร์นาเม้นต์
2
ภายหลังมารู้ว่าเหตุผลทำให้ ซีดาน เปิดหมวกลาคือการที่ เปเรซ ผิดสัญญาไม่ยอมปล่อย แกเร็ธ เบล ตามที่ตกลงกันไว้
1
อีกทั้งกุนซือเฟร้นช์ไม่มีความต้องการที่จะให้ขาย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เลยสักนิด เพราะตั้งแต่ร่วมงานกันมาเห็นแพสชั่น มุ่งมั่น ความเป็นมืออาชีพมาเต็มกระเบียด ไม่เคยลดลงเลย
1
ซีดาน ชอบมากที่ได้ร่วมงานนักเตะประเภทนี้ แต่สำหรับ เบล แล้วรู้สึกว่าตรงกันข้าม
อย่างนี้มันเหมือนโดนหักหลังกันชัดๆ ซีดาน จึงตัดสินใจลุกจากเก้าอี้อย่างไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น เป็นการประกาศให้รู้ว่าอย่าพลิกลิ้นผิดวาจากันอีก
1
เปเรซ ต้องการเก็บ เบล ไว้ก่อนเพราะโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในเกมชิงเจ้ายุโรปกับลิเวอร์พูล อีกทั้งตั้งใจปล่อย โรนัลโด้ แล้วก็ต้องเหลือซูเปอร์สตาร์ไว้บ้าง อย่างน้อยก็ต้องยึดสถานะกาลาคติกอสด้วย
แต่ไม่คิดว่าการเปลี่ยนใจคราวนั้น ต้องแลกด้วย ซีดาน ซึ่งถ้ารู้ก่อนคงจะไม่เสี่ยงแน่
มันสายเกินไปแล้วกว่าจะแก้ไขอะไรทัน จนกลายเป็นปัญหาคาราคาซังถึงทุกวันนี้นั่นแหล่ะ
1
เบล เริ่มต้นฤดูกาล 2018/19 ด้วยความร้อนแรงเหลือเกิน แม้จะประเดิมพ่ายแอตเลติโก้ มาดริดในเกมยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพ แต่หลังจากนั้นซัลโวถึง 3 เกมติดต่อกัน
4
ไล่ตั้งแต่เข่นเคตาเฟ่ 2-0 , บุกถล่มคิโรน่า 4-1 และต้อนเลกาเนส 4-1 จัดไปอย่างสวยงาม 3 นัด 3 ประตู
1
มันทำให้แฟนบอลเชื่อมั่นมากขึ้นว่าต่อให้ไร้เงา โรนัลโด้ ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรเลย ตรงกันข้ามช่วยขับ เบล โดดเด่นเป็นประกายมากขึ้นกว่าที่เคยอีก
เพราะเว้นจากนั้นอีกแค่นัดเดียว เบล ก็มาลั่นไกได้อีกช่วยราชันชุดขาวบอมบ์โรม่า 3-0 เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
อย่างไรก็ตามฟอร์มของดาวเตะเวลช์เริ่มดร็อปลงเรื่อยๆ ยังดูลงตัวจริงบ้าง แต่แทบไม่เคยปักหลักเล่นในสนามตลอดทั้งเกม มักจะเจอถอดมานั่งข้างสนามเสมอ
หลายต่อหลายครั้งที่ดูเฉื่อยเนือย ขาดความกระหาย ไม่มุ่งมั่นทุ่มเทอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่รับค่าเหนื่อยมากกว่าทุกคนในทีม
1
แม้ตัวเลขแต่ละแหล่งข้อมูลจะคลาดเคลื่อน ไม่ตรงกันเป๊ะๆนัก แต่ประมาณแล้วไม่น่าต่ำกว่า 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ จัดว่าเป็นเรตที่สูงมากๆ ควรต้องทำงานตอบแทนให้คุ้มค่า
2
ในขณะเดียวกัน โลเปเตกี ก็ไว้วางใจลูกทีมรายนี้พอสมควร อาจจับนั่งสำรองบ้างบ้างเกม ก็น่าจะเป็นแนวทางโรเตชั่นตามแท็คติก
กระนั้นผลงานที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ เหมือนนี่ไม่ใช่เรอัล มาดริด ส่งผลให้ โลเปเตกี กดดันอย่างหนัก กระทั่งเจอปลดในที่สุด เป็นการเปลี่ยนม้าศึกในยามสงครามอย่างที่ไม่มีทางเลือกมากนัก
1
ไม้ผลัดถูกส่งให้ ซานติอาโก้ โซลารี่ อดีตนักเตะที่โดนโปรโมตรมาจากทีมเยาวชน อย่างน้อย เปเรซ ขอดูฝีมือความสามารถก่อน แล้วค่อยสรุปอีกที หากเวิร์คขึ้นมาก็จะให้สัญญาถาวรเลย
2
โซลารี่ แทบไม่ใช้งาน เบล เลยมักเลือกจัดพวกดาวรุ่งซึ่งคุ้นเคยมาตลอดลงโม่ อนาคตจึงเริ่มสั่นคลอนตามลำดับ
แต่ไม่นาน โซลารี่ ก็โดนเชือดตาม โลเปเตกี อีกราย ผลงานชัดเจนแล้วว่าสอบตกชนิดไม่ต้องซ่อมให้เสียเวลา เปิดทางให้ ซีดาน เดินกลับมาอีกครั้งนั่นเอง
3
อนาคตของ เบล ที่มืดมิดอยู่แล้ว หนักข้อกว่าเดิมซะอีก นี่คือเจ้านายที่ไม่เคยต้องการให้เขาอยู่ในทีมเลย
ไม่ใช่ว่าตั้งแง่รังเกียจอะไรเลย แต่สิ่งที่ ซีดาน ต้องการคือทัศนคติและแพสชั่นต่างๆ ไม่ใช่ว่าเป็นดาวดังแล้วจะมาเดินเพ่นพ่านเกะกะน่ารำคาญ
1
อยู่สโมสรมากว่า 5 ปี แต่ภาษาสเปนแทบไม่พัฒนา พูดได้แค่ศัพท์เบสิกพื้นๆไว้ทักทาย เช่นตอนสวัสดีหรือร่ำลา
เหมือน เบล ไม่ได้ใส่ใจที่จะเรียนรู้เลย ทั้งที่การสื่อสารสำคัญมากๆในการเป็นนักเตะอาชีพ ย้ายไปต่างบ้านต่างเมืองก็ต้องดิ้นรนปรับตัวให้เร็วสุด
นอกจากนี้ยังเหมือนโฟกัสการเล่นกอล์ฟมากกว่าฟุตบอล กลายเป็นเกมที่เขาหลงใหลจะต้องออกรอบหรือซ้อมพัตต์ทุกวันขาดไม่ได้
1
ประเด็นหลักอยู่ที่หากสนใจเรื่องอื่นรอบข้างแล้วฟอร์มในสนามยังโอเคน่าพอใจก็คงไม่เป็นไรหรอก
แต่นี่กลับตรงกันข้าม ผลงานของดาวเตะเวลช์หล่นลงมาเรื่อยๆ อีกทั้งยังเผชิญกับอาการบาดเจ็บบ่อยๆ
ค่าจ้างก็รับมหาศาล แถมยังตกอยู่ในสภาพอย่างที่เห็น มาดริดจึงรับไม่ได้จ้องจะเขี่ยทิ้งอย่างเรารับรู้กัน คำถามคือใครจะรับช่วงต่อล่ะ?
กระทั่งสเปอร์สตัดสินใจยืมมามาใช้เงินเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยมีบางแหล่งข้าวระบุว่ายอมจ่ายร่วมๆ 20 ล้านปอนด์ ทั้งค่าจ้างและค่าเช่ายืมจากดีลนี้ด้วย
มาดริดโล่งอกที่เขี่ยออกมาได้ แม้จะไม่ใช่แบบถาวร
ส่วนไก่เดือยทองต้องเป็นฝ่ายหนักอกแทนเวลานี้
นับตั้งแต่ฤดูกาลเปิดม่าน แกเร็ธ เบล ลงให้สเปอร์ส 11 นัดทุกรายการ โดยที่เป็นในยูโรปา ลีกถึง 6 เกมด้วยกัน
1
ในขณะที่พรีเมียร์ลีกแค่ 4 เกมเท่านั้น แถมได้เป็นตัวจริงนัเดียวที่เหลือสำรองทั้งสิ้น รวมแล้วเพียงแค่ 160 นาที
ยอดรวมประตูคือ 3 แบ่งเป็นยุโรป 1 ลีกคัพ 1 และลีกอีก 1 ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายและความคาดหวัง
โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ตั้งใจดึง เบล กลับมารื้อฟื้นอดีต ก็ยอมรับว่าไม่มีทางทำให้แข้งรายนี้เจ๋งเหมือน 7 ปีก่อนได้เลย พูดเหมือนปลงตกยอมรับความเป็นจริงทั้งที่ยังไม่ถึงครึ่งทาง
1
ล่าสุด เบล ต้องประสบกับอาการบาดเจ็บอีกแล้ว พักอย่างน้อย 2 สัปดาห์ด้วยกัน คัมแบ็กอีกทีปีหน้าโน่นเลย
เดิมมาดริดคาดเอาไว้หากโชว์ฟอร์มได้ดีจะมีโอกาสขายให้สเปอร์สถาวรหรือไม่ก็มีทีมอื่มารับช่วงต่อ ไม่ต้องกลับมาเจอกันอีก
แต่ประเมินแล้วถ้ายังเป็นอย่างนี้ ฟอร์มไม่ดี แถมเจ็บเป็นปกติ รับรองว่าต้องปักหลักจองเวรจองกรรมกันจนหมดสัญญาซัมเมอร์ 2022
คำถามที่น่าสนใจคือ เบล ยังเหลือแพสชั่น ความกระหายมากน้อยแค่ไหน ราวกับว่ามันโดนขโมยหายไปนานมากแล้ว
จากสถานการณ์ปัจจุบันเราอาจเข้าใจมากขึ้นว่า เหตุใด ซีดาน ถึงไม่ต้องการให้ เบล อยู่ในทีม
1
ส่งให้ มูรินโญ่ มาใส่ตระกร้าล้างน้ำ ประแป้งแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ ก็ไม่ได้ไฉไลไปกว่าเดิมเลย
น่าเห็นใจยิด อาร์มี่ที่คาดหวังเอาไว้สูงว่าจะได้เด็กเก่ากลับมาเป็นแกนหลักในแนวรุก แต่ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้ว ไร้วี่แววว่าครึ่งหลังของซีซั่นจะทำตามเป้า
ความเก่งกาจของ เบล หลงเหลือเพียงแค่ในอดีตเท่านั้นเอง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา