30 ธ.ค. 2020 เวลา 13:25 • นิยาย เรื่องสั้น
" คิดถึงบังคลาเทศ "
บอกเล่าเรื่องราวประทับในปี 2563
ความรู้สึกดีๆส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่
ส่งงานซาเล้งพี่ยุคใหม่การตลาดของไทย
ถ่ายภาพโดย...มดดี้
...ถึงคุณผู้อ่านที่รัก...
ปีพ.ศ.2562 - 2563 เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศบังคลาเทศ ดินแดนแห่งเมืองมุสลิม
นับเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและมีความหมายในชีวิตของฉันมาก หลายๆเหตุการณ์ฉันก็ได้เขียนบอกเล่าลงในบทความที่ผ่านมาหลายบทความแล้ว
...แต่มีอยู่อีกเรื่องที่ฉันยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง...
หลายเดือนก่อนเมื่อตอนที่ฉันยังทำงานอยู่ที่บังคลาเทศ วันนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ คุณพ่อบ้านประจำสำนักงานจะต้องมาทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูสถานที่ก่อนที่สำนักงานจะเปิดทำการ และพนักงานออฟฟิศทั้งหลายจะเดินทางมาถึง
ตอนนั้นฉันก็กำลังทำงานอยู่ในห้องครัว ฉันได้ยินเสียงพี่บัง หนุ่มใหญ่ร่างเล็กชาวบังคลาเทศซึ่งมีหน้าที่เป็นคนสวนประจำสำนักงาน ฉันเห็นเขาร้องเรียกจากริมหน้าต่างให้ฉันออกไปพบเขาด้านนอก เพื่อจะขอความช่วยจากฉัน
ก่อนที่เขาจะพูดอะไรบางอย่าง พลางสายตาของฉันก็สะดุดกับบาดแผลที่นิ้วเท้าของเขา ที่มีเลือดสดๆไหลย้อยเลอะเปรอะอยู่เต็มพื้น
เขามาเพื่อจะมาขอน้ำยาแอลกอฮอล์และสำลีไปทำความสะอาดบาดแผล ฉันเห็นว่าแผลที่นิ้วเท้าของเขามีรอยบาดที่ใหญ่และลึกมาก คล้ายเล็บเท้าจะหลุดออกมาด้วย มองดูแล้วน่าจะต้องรีบไปรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
จากการสอบถามเขาได้รับอุบัติเหตุขณะทำงาน
ประตูเหล็กบานใหญ่เบียดทับนิ้วเท้าและเล็บของเขา
จนมีบาดแผลที่ลึกและเลือดไหลไม่หยุด
2
ฉันกับเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่ง ช่วยกันล้างแผลทำความสะอาดนิ้วเท้าให้เขาเบื้องต้น เพราะเขาเป็นคนสวนด้วยงานนั้นก็จะทำให้ร่างกายเลอะเทอะไปสักหน่อย
พี่บังยืนยันว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก และจะขอนั่งพักสักครู่ ด้วยหน้าที่ของฉันอยู่ในครัว ฉันไม่ได้สังกัดอยู่ที่สำนักงาน เลยไม่รู้ว่าสวัสดิการต่างๆของพนักงานท้องถิ่นเป็นเช่นไร คิดว่าพวกเขาคงมีประกันสังคมอะไรเหมือนบ้านเราแหละมั้ง
หลังจากล้างแผลเสร็จฉันกับเพื่อนร่วมงาน ต่างต้องรีบไปทำงานที่คั่งค้างให้เสร็จ ประมาณ 2 ชั่วโมงต่อมา ฉันเดินไปที่บ้านพักของคนสวน 'ลุงบัง' ชายสูงวัยชาวบังคลาเทศซึ่งเป็นหัวหน้าคนสวน ได้รีบมา
บอกฉันว่า ...
พี่บังนั้นมีอาการไข้ขึ้นและปวดแผลมาก ฉันรีบเดินไปดูเขาในห้องพักก็พบว่า ริมฝีปากของเขาซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด คงจะมีอาการปวดแผลไม่ใช่น้อย
ฉันถามลุงบังว่าพนักงานที่นี่เจ็บป่วยต้องทำยังไง?
ลุงบังบอกกับฉันว่าใครเจ็บป่วยก็ต้องดูแลจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง พี่บังคนสวนคนนั้นเป็นพนักงานที่ได้เงินเดือนน้อยที่สุดในสำนักงาน เพราะเขาคล้ายๆเป็นพนักงานชั่วคราว ถ้าคิดเป็นเงินไทยเงินเดือนที่ได้รับประมาณ 3,000 บาท
การที่เขาไม่ยอมไปโรงพยาบาลก็อาจจะเพราะว่า ส่งเงินกลับบ้านให้ภรรยาและลูกหมดแล้ว พี่บังก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวนอนพักก็จะดีขึ้นแล้วจะไปทำงานสวนต่อ
ฉันถามพวกเขาว่ามีโรงพยาบาลหรือคลีนิคอยู่ใก้ลๆ
แถวนี้ไหม ถ้ามีขอให้เขารีบไปโรงพยาบาลเพราะแผลน่าจะอันตรายมากอาจจะต้องถอดเล็บเท้าออกด้วย พี่บังมีสีหน้าที่ลังเลอย่างเห็นได้ชัด
เพื่อนร่วมงานแผนกห้องครัวรวมตัวฉันเป็น 3 คน
ร่วมกันลงขันจนได้เงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งคิดว่าน่าจะพอสำหรับการรักษาบาดแผลของเขาจนหายดี รวมถึงค่ารถไปหาหมอ พวกเรามอบเงินแก่เขาเพื่อให้รีบทำแผลที่โรงพยาบาล
พี่บังกล่าวขอบคุณฉันกับเพื่อนหลายต่อหลายครั้ง
ตอนนั้นเขาปวดแผลมากจนเดินไม่ไหว ลุงบังหัวหน้างานของเขาเป็นคนพานั่งรถสามล้อรับจ้าง เพื่อไปรักษาที่โรงพยาบาล
ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง พวกเขากลับมาพร้อมกับถุงยาตามที่แพทย์สั่งให้ นิ้วเท้าของเขาได้รับการรักษาห่อหุ้มอย่างเรียบร้อย พันด้วยผ้าก๊อซสีขาวสะอาด
พี่บังรายงานค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ฉันกับเพื่อนฟัง
เขาบอกว่าเงินที่ให้ไปยังเหลืออีกมาก
" ฉันกับเพื่อนบอกเขาว่า ให้เก็บเงินนี้ไว้เพราะต้องไปล้างแผลตามนัดอีกหลายครั้งจนกว่าจะหาย "
เขาขอบคุณพวกฉันหลายครั้งก่อนที่ฉันและเพื่อนจะกลับไปทำงานต่อ
ทุกๆวันเขาจะมาเรียกฉันที่ห้องครัว เพื่อบอกว่าอาการของเขาดีขึ้นตามลำดับ เวลาผ่านไม่นานนักแผลก็เขาก็แห้งสนิทไม่มีอาการติดเชื้อใดๆ
"ตลอดเวลาที่อยู่ในบังคลาเทศ ถือว่าเป็นความโชคดีของฉันมากที่ใช้ชีวิตที่นั่นอย่างอยู่รอดปลอดภัยและมีความสุข เจอแต่ผู้คนที่เป็นมิตรและมีเรื่องราวความทรงจำดีๆตามที่เคยเขียนเล่าในบทความ ตอนนี้ถึงแม้จะกลับมาอยู่ประเทศไทยแล้ว ก็ยังคงคิดถึงที่นั่นอยู่เสมอ"
ชาวประเทศบังคลาเทศมีค่าแรงขั้นต่ำที่ถูกมาก ค่าครองชีพในเมืองหลวงฉันก็คิดว่าสูงพอสมควร อีกทั้งสวัสดิการแรงงานและทางการแพทย์ก็ไม่เหมือนบ้านเรา
โปรดติดตามตอนต่อไป
"มดดี้"

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา