1 ม.ค. 2021 เวลา 06:41 • ความคิดเห็น
40 สิ่งที่ดีต่อชีวิต ฝากไว้เป็นของขวัญเริ่มต้นปีใหม่
.
ขอยอมรับตามตรงว่าโพสต์นี้ เธมส์ได้ต้นกำเนิดความคิดมาจากบทความ #ของขวัญปีใหม่ ของพี่เอ๋ นิ้วกลม ครับ Roundfinger พี่เอ๋เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญในความพยายามให้ตัวเธมส์เองอยากเป็นนักทดลองเขียนกับเขาบ้าง หนังสือที่พี่เอ๋เขียน บทความ และหลากหลายสารคดีที่พี่เอ๋ได้ทำ มันทำงานกับความคิดและโลกภายในได้ในวิธีที่เรียกว่า นุ่มนวล พองโต มีความหวัง เช่นเดียวกันกับที่มีสาระที่เป็นประโยชน์จากการเรียนรู้ของตัวเอง จากหนังสือและบุคคลเก่งรอบตัวมาผสมผสานกันได้อย่างกลมกล่อมเสมอ, เช่นเดียวกันกับบทความนี้ที่ได้อ่าน
1
เป็นความรู้สึกขอบคุณที่มีคนแบ่งปันข้อคิดอะไรแบบนี้ออกมา เลยเป็นที่มาว่า เธมส์เองก็อยากจะลองรีดเอาสิ่งดีๆในชีวิตออกมาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆดูเหมือนกัน หวังว่ามันจะเป็นของขวัญทางความคิดให้กับการเริ่มต้นปีใหม่ให้กับทุกคนได้อีกทางหนึ่งนะครับ : )
1. ตื่นเช้า เก็บที่นอนให้เรียบร้อย ถือเป็นการวอร์มอัพร่างกายและสร้างความสำเร็จเล็กๆเพื่อให้ตัวเองมีพลังออกไปทำตามฝันได้ตั้งแต่ตอนตื่น
2. การมีเวลานั่งละเมียดกับกาแฟซักแก้วในตอนเช้า จะทำให้วันนั้นเป็นวันที่ดีขึ้นมาได้ง่ายๆ
3. ถ้าต้องไปประชุมในที่ๆที่ไม่คุ้นเคย ให้เผื่อเวลาไปถึงก่อนเวลานัดอย่างน้อยครึ่ง ชม. เสมอ แล้วเอาเวลาไปนั่งอ่านหนังสือ นั่งทำงานดีกว่าต้องมาเสียพลังไปกับการกังวลว่าฉันจะมาทันตามนัดไหม
4. พอไปแบบเผื่อเวลา เวลาเดินทาง ขับรถ จะไม่กังวล ไม่ฉุนเฉียวง่าย ทำให้สภาพจิตใจเป็นบวก
5. พกหนังสือติดตัวเสมอ เศษเวลาในแต่ละวันที่มีทำให้เราอ่านหนังสือจบได้ง่ายกว่าที่คิด
6
6. หรือจะฟัง/ดู สิ่งที่สนใจก็ได้ เศษเวลาที่มีต้องใช้ให้ดี
7. แต่บางเศษเวลาที่ต้องพัก ก็ต้องพัก เราคงทำทุกอย่างตลอดเวลา โดยไม่พักเลยไม่ได้
8. วันไหนที่รู้ว่าจะเป็น Tough day ควรกินอาหารเช้าให้เต็มที่เพื่อเติมพลังให้พร้อมมากพอ
9. วางแผนวันของตัวเองล่วงหน้า ซึ่งไม่ใช่แค่ว่าวันนั้นฉันจะทำอะไรให้เสร็จ,แต่ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ด้วย
10. เลือกวางสิ่งที่ต้องทำให้เหมาะกับ Slot ของเวลาที่มี มี Slot เวลาใหญ่ ให้ใส่งานที่ต้องทำแบบต่อเนื่อง งานที่ใช้ความคิด จะประหยัดพลังงานและ effective มากกว่า, มี Slot เวลาเล็ก ให้เอางานที่ไม่ต้องคิด งาน daily งาน routine ไปใส่
7
---
11. กำหนดจุดหยุดพักให้ตัวเองเสมอ ลุกออกมาเดินบ่อยๆ จะได้ไม่เป็น Office Syndrome ทุกครั้งที่ลุก ให้ไปดื่มน้ำ หรือเข้าห้องน้ำ ถือว่ายืดเส้นยืดสายและได้ทำกิจกรรมที่จำเป็นไปพร้อมๆกัน
12. ถ้ามีคนทำอะไรไม่ถูกใจ อย่าพึ่งรีบตัดสินเขาทันที ให้พยายามคิดก่อนหนึ่งครั้งเสมอว่า ถ้าเราเป็นเขา อะไรคือสาเหตุที่ใหญ่มากพอที่อาจจะทำให้เราทำแบบนั้นได้บ้าง
13. พอมี Covid-19 มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการทำงาน การใช้ชีวิต เลยทำให้เข้าใจว่า ชีวิตก่อนหน้านี้ที่เคยคิดว่าก็ชีวิตธรรมดาๆ จริงๆดี ความธรรมดากลับเป็นสิ่งที่ดีที่เรามองข้าม
14. การทำงานแบบ Work remotely ทำให้คนอื่นดูช่วง Available time slot ของเราจาก Calendar คนอื่นพอเห็นว่าเราไม่ได้มีอะไรช่วงนั้น ก็จะนัดหมายกันมาโดยอัตโนมัติโดยไม่ได้ถามไถ่ว่าเข้าประชุมได้ใช่ไหม อย่าให้คนอื่นมาคุมเวลาของตัวเองแบบนั้น
15. หน้าที่ของเราคือการควบคุมงานและ Slot เวลาของตัวเอง ต้องกำหนดงานที่ต้องทำและ Time slot ลง Calendar ล่วงหน้าเสมอ ไม่งั้นคนอื่นจะเป็นมาควบคุมเวลาการทำงานให้เราแทน
4
16. อย่าประชุมก่อน 10.00-10.30am (ถ้าทำได้) เพราะช่วงเช้าหลังเริ่มงาน 2 ชั่วโมง จะเป็น Golden time ที่จะทำให้เราคิดได้ไว เฉียบคม เคลียร์งานสำคัญให้เสร็จสิ้นได้ดีที่สุดแล้ว
17. เมื่อ Work from home พยายามกำหนด space (ห้องหรือโซน) สำหรับการทำงานให้ชัดเจน (ถ้าทำได้) เพื่อให้มีเส้นแบ่งระหว่างการใช้ชีวิตและการทำงานเสมือนอยู่บ้านและอยู่ออฟฟิศให้ได้ อย่าเอามาปนกัน ไม่งั้นชีวิตจะสับสน และทำได้ไม่ดีซักอย่าง เวลาทำงาน (ที่บ้าน) ก็ดันทำตัวเหมือนอยู่บ้าน งานเลยไม่เสร็จ, เวลาที่ควรจะทำตัวเหมือนอยู่บ้าน ก็ดันคิดแต่เรื่องงาน เพราะเราใช้ shared space ตัวเดียวกัน เราแยกงานและบ้านไม่ออก
18. ถ้าเป็นไปได้ ลงทุนกับอุปกรณ์ในการทำงานที่บ้านที่มีผลต่อสุขภาพระยะยาวให้มากขึ้น เช่น เก้าอี้ทำงานที่นั่งสบายมากขึ้น จอคอมพิวเตอร์ที่ทำให้ไม่ต้องเพ่ง นั่งหลังค่อมตลอดเวลา
19. เมื่อ Work from home ต้องมีขอบเขตช่วงเวลาทำงาน-พักให้ตัวเองอย่างชัดเจน เพื่อรักษาเสถียรภาพของการใช้ชีวิตไว้ให้ได้
20. เปิดเพลงเบาๆ อัลบั้มพวก cafe, jazz, cozy, Lo-fi ให้เป็น background ตอนทำงานบ้าง จะดีสำหรับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ (แต่ถ้างานใช้สมาธิ ไม่แนะนำ)
5
---
21. เวลาวางแผนทำอะไรใหม่ๆให้ตัวเอง เราชอบวางแผนโดยประเมินศักยภาพในระยะสั้นของตัวเองสูงเกินไป และประเมินศักยภาพในระยะยาวของตัวเองต่ำเกินไป หมายถึงในระยะสั้นก็อัดงาน อัด deadline อัด project หลายๆอย่างเข้ามา เพราะคิดว่าตัวเองทำได้ ซึ่งหลายครั้งไม่ใช่แบบนั้น มันทำให้เกิดปัญหาคือความท้อ ได้ผลลัพธ์ไม่ดี อาจจะมีเลิกทำกลางทางไปบ้าง ทั้งที่ความจริงแล้วถ้าเราแบ่งจัดสรรการบริหารโปรเจคดีๆ ยืดบางอันออกไป ทำในช่วง timing ที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะในระยะยาวขึ้น เราจะได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพในแต่ละอย่างมากกว่า
22. โฟกัสในบางสิ่งที่สำคัญ แล้วจะทำได้ดี ไม่ใช้พลังงานกระจัดกระจาย
23. การบริหารชีวิตไม่ใช่แค่การบริหารเวลา แต่ต้องบริหารพลังงานให้สอดคล้องกับลักษณะของตัวเอง
24. ยิ่งมีความเป็น Introvert สูง ยิ่งต้องบริหารพลังงานของตัวเองเป็นอย่างดี หาเวลาอยู่กับตัวเองในทุกวันเสมอ (พูดแล้วเหมือนตลก หาเวลาอยู่กับตัวเอง แต่ Introvert ต้องมีเวลาแบบนั้นเพื่อให้ได้เติมพลังจริงๆ)
25. หากิจกรรมที่สนใจ งานอดิเรก หรือทักษะที่อยากฝึก อย่างน้อยปีละอย่าง แล้วลองทำมันให้ดี ยิ่งในช่วง Covid-19 สิ่งเหล่านี้จะเป็นกิจกรรมที่ช่วยชุบชูใจได้ดีพอสมควร
3
26. ก่อนนอน อ่านหนังสืออย่างน้อยวันละ 30 นาที และทำ note taking ไว้ด้วยเสมอ
27. อ่านหนังสือในหมวดที่ไม่เคยอ่านบ้าง ถ้าอ่านเล่มไหนแล้วเข้าใจไว ต่อจุดความคิดไว นั่นเพราะมันยังอยู่ใน area เดิมๆที่เราพอรู้อยู่แล้ว
28. พยายามอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้เป็นนิสัย เพราะความรู้ที่อัพเดทจะอยู่ที่นั่น แถมยังได้ฝึกภาษาอังกฤษไปพร้อมๆกันด้วย
29. อ่านนวนิยาย เรื่องสั้น วรรณกรรมด้วย เราจะเจอสิ่งที่คาดไม่ถึงอยู่ในนั้นอยู่เยอะมาก, ซึ่งดี
30. ถ้าอ่านเล่มไหนแล้วเบื่อ ให้สลับไปอ่านเล่มอื่นก่อน แล้วกลับมาอ่านใหม่ อ่าน 2-3 เล่มขนานกันไป ก็เป็นวิธีการที่ช่วยแก้ความเบื่อในบางช่วงได้ดี
3
---
31. หาเวลาออกกำลังกายบ้าง ทั้งดีต่อสุขภาพและแก้เครียดได้ดีมาก วันไหนทำงานเหนื่อยสมองมาก เครียดมาก วันนั้นยังไงก็ต้องออกไปวิ่งช่วงเย็น
32. หลังออกกำลังกายจะสดชื่น เอาเวลาหลังจากนั้นไปทำสิ่งที่ต้องใช้พลังความคิดได้อีกหนึ่งก๊อก
33. ทำบ่อยๆ มุมมองของการออกกำลังกายจะกลายเป็น Reward ไม่ใช่ Pain เพราะรู้ว่าวิ่งแล้วหายเครียด วิ่งแล้วสดชื่น
34. การนอนสำคัญมาก ตัวเธมส์เองยังไงต้องนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง (แต่ละคนต้องการเวลานอนไม่เท่ากันนะ) การได้เวลาเพิ่มมากขึ้นในวันนั้นจากการอดนอนตอนกลางคืน 1-2 ชั่วโมง จะนำมาซึ่งการสูญเสียความสามารถในการทำทุกอย่างให้ดีในวันถัดไปทั้งวัน ซึ่งเป็นการ trade ที่ไม่คุ้มค่าเลย
35. ไม่ใช่แค่ปริมาณเวลา แต่คุณภาพการนอนก็สำคัญ การนอนมี cycle ของมัน environment ก็มีผล พยายามปิดไฟให้มืด อย่าใช้อุปกรณ์ที่มีแสงสีฟ้าก่อนนอน (เลยบอกให้เปลี่ยนมาอ่านหนังสือแทนก่อนนอน ในข้อ 26.)
2
36. ทำอะไรไร้สาระบ้างก็ได้ ไม่ต้องมีสาระตลอด ให้ได้รู้สึกถึงการ Play รู้สึกถึงความสนุกแบบประเดี๋ยวประด๋าวบ้าง ก็เป็นการปลดปล่อยความอัดอั้น ความกดดัน ความตึงเครียดข้างในได้ดี
37. ควรมีหูฟังแบบ Wireless Noise-cancellation (ตัดเสียงรบกวน) ไว้ซักหนึ่งอัน ใช้ประชุมได้ ฟังเพลงเพราะ สร้างความรู้สึกดีๆให้ตัวเองได้ แต่อีกเรื่องที่สำคัญคือมันคุม Enviroment ตัวเองได้ แม้จะอยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์ที่วุ่นวายแค่ไหนก็ตาม ก็จะสงบลงได้ เราไม่ได้มอง function ของหูฟังไว้ฟังเพลง แต่มันคือเครื่องมือช่วยในการปรับ Emotion และ Environment ของเรา
38. มีเวลาให้กับครอบครัวและคนที่รักด้วย นี่คือเวลาคุณภาพของชีวิต ที่ทั้งเติมพลัง สร้างความรู้สึกดีๆให้กันและกัน และทำให้เราอยากออกไปทำอะไรดีๆต่อไป
39. นั่งสมาธิบ้าง หาความสงบให้จิตใจบ้าง อยู่กับปัจจุบันขณะจริงๆบ้าง พาตัวเองไปนั่งมองต้นไม้ใบหญ้าบ้าง เห็นในสิ่งที่เห็น รู้สึกถึงสิ่งรอบตัว สายลม แสงแดด ไม่ต้องคิดถึงอนาคตบ้าง แค่อยู่ตรงนั้น วินาทีนั้นจะพบว่าการมานั่งเฉยๆ ไม่ต้องคิดอะไรตรงนั้น แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
40. อยากชวนเพื่อนๆมาเขียนโพสต์ “5 สิ่งที่ดีต่อชีวิต” ของเพื่อนๆ และใส่ hashtag #ฝาก5สิ่งดีๆให้เป็นของขวัญปีใหม่ เราจะได้มีสิ่งดีๆแบ่งปันให้คนที่เรารัก ในการบุกตะลุยชีวิตในปีใหม่ไปด้วยกันครับ
6
----
ขอให้มีความสุขในปีใหม่ครับ ขอบคุณที่ติดตามและอยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งปี เธมส์เองก็จะพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป และเชื่อว่าจะนำสิ่งดีๆมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ : )
#เธมส์thinkต่าง #2050Podcast
ps. บทความของขวัญปีใหม่ของพี่เอ๋ อ่านได้ที่ link นี้เลยครับ https://www.facebook.com/Roundfinger.BOOK/posts/4304600909568786
โฆษณา