3 ม.ค. 2021 เวลา 15:31 • สุขภาพ
ข่าวดี !! ไทยเริ่มเดินเครื่องผลิตวัคซีนโควิดแล้ว คาดฉีดเข็มแรกพฤษภาคม 2564
1
จากการแถลงข่าวร่วมกันระหว่าง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกรรมการผู้จัดการสยามไบโอซายน์ มีสาระสำคัญที่สมควรแก่การติดตามคือ
ทางบริษัทสยามไบโอซายน์ได้ให้ข้อมูลว่า ทางบริษัทอยู่ในระหว่างรับถ่ายทอดเทคโนโลยีกระบวนการผลิตวัคซีนของบริษัท AstraZeneca ซึ่งใช้เทคโนโลยีของมหาวิทยาลัย Oxford และได้รับการอนุมัติให้ฉีดได้ในประเทศอังกฤษแล้วนั้น
1
บริษัทได้เริ่ม รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563
1
และเริ่มต้นทดสอบการผลิตในวันที่ 16 ธันวาคม 2563 และจะทดสอบการผลิตไปทั้งหมดห้ารอบ ห่างกันรอบละ 14 วัน รวมเป็น 70 วัน
คาดว่าจะเรียบร้อย เพื่อยื่นขออนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ในปลายกุมภาพันธ์นี้
คาดว่าจะสามารถเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับคนไทยได้ในเดือนพฤษภาคม 2564
ส่วนเป้าหมายของประเทศไทยในการที่จะทำให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันต่อ โควิด-19 คือ
2
เป้าหมายปี 2564 จะฉีดวัคซีนให้ได้ 50% ของจำนวนประชากร คือ 35 ล้านคนหรือวัคซีนจำนวน 70 ล้านเข็ม
แบ่งเป็นวัคซีนของบริษัท AstraZeneca ครอบคลุมประชากร 20% คือ 13 ล้านคน จำนวน 26 ล้านเข็มผ่านการผลิตของบริษัทสยามไบโอซายน์
ส่วนอีก 30% อยู่ในการเจรจาร่วมของ COVAX ซึ่งมาจากหลากหลายบริษัท
และข่าวดีล่าสุด ทางรัฐบาลได้ประสานกับทางจีน โดย Sinovac จะส่งวัคซีนให้กับประเทศไทยจำนวน 2 ล้านเข็ม
กุมภาพันธ์ 200,000 เข็ม
มีนาคม 800,000 เข็ม
และเมษายน 1,000,000 เข็ม
โดยวัคซีนของ Sinovac ใช้เทคโนโลยีเชื้อตาย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเคยใช้ในการผลิตวัคซีนที่ฉีดให้กับคนเรามาหลายชนิดเป็นเวลานานนับ 10 ปีแล้ว
1
แตกต่างจากเทคโนโลยีแบบ mRNA ของบริษัท Pfizer และ Moderna ซึ่งยังไม่เคยใช้ผลิตวัคซีนใดมาก่อนเลย จึงขาดผลการติดตามความปลอดภัยในระยะยาว คงจะต้องฉีดไป ติดตามผลกันไป
1
ทั้งนี้วัคซีนที่จะดำเนินการฉีดให้คนไทยนั้นจะต้องผ่านหลักเกณฑ์ดังนี้
1) จะต้องเป็นวัคซีนที่ผ่านการวิจัยในเฟสสามเรียบร้อยแล้ว
2) โรงงานผลิตจะต้องมีคุณภาพตามมาตรฐาน
3) จะต้องได้รับการอนุมัติขึ้นทะเบียนจากอย.
4) จะต้องได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
นอกจากนั้น ในระบบการส่งต่อวัคซีนจากโรงงานผลิต ไปยังโรงพยาบาล และไปสู่การฉีดให้ประชาชน จะต้องดูเรื่องคุณภาพ ความสะอาด
การปนเปื้อน
ที่สำคัญคือการควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งโชคดีว่าวัคซีนของบริษัท AstraZeneca และบริษัท Sinovac ของจีน สามารถเก็บในตู้เย็นธรรมดาได้
2
ไม่เหมือนการเก็บในอุณหภูมิเย็นยิ่งยวด -70 องศา เซลเซียสแบบของบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งจะลำบากกว่าในประเทศเขตร้อนแบบ ประเทศไทยของเราครับ
1
Reference
โฆษณา